ยางเป็นอุปกรณ์สำคัญของรถยนต์ในระบบขับเคลื่อน หน้าที่ของยางคือสร้างแรงยึดเกาะ ลดระยะเบรกและที่สาหัสก็คือ การรับน้ำหนักรถทั้งคันแล้วต้องวิ่งท่ามกลางอุณหภูมิร้อนจัด ต้องเสียดสีกับผิวถนนอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะตอนที่ผู้ขับใช้เบรกและเร่งความเร็ว ถือเป็นหัวใจของความปลอดภัยซึ่งหลายคนลืมคิดถึงในจุดนี้ ยางที่มีประสิทธิภาพและออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานในรถยนต์ที่มีความหลากหลาย หากยางหมดอายุการใช้งาน การยึดเกาะก็จะลดลง ระยะเบรกจะเพิ่มขึ้นและส่งเสียงดังจากความกระด้างเพราะเนื้อยางถูกใช้งานมาจนถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยน จริงๆแล้ว ระยะเวลาในการเปลี่ยนยางมักจะอยู่ที่ 40,000 กิโลเมตร บวก-ลบ ไม่เกิน 5,000 กิโลเมตร (บางคนบอกมีอายุ 50,000-80,000 กิโลเมตร อันนั้นก็มากเกินไปเมื่อใช้งานในเขตร้อนชื้น) หากใช้งานหนัก บรรทุกเต็มอัตราหรือต้องวิ่งขึ้นลงทางลาดชันที่ใช้เบรกมากกว่าการวิ่งทางราบ ยางจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าการใช้งานทั่วไป 

...

หลังจาก 35,000-40,000 กิโลเมตร ยางจะเริ่มต้นการเสื่อมสภาพตั้งแต่วันแรกที่ใส่ ไปจนถึงหมดอายุการใช้งานเมื่อผ่านระยะทางที่กล่าวมาจนถึง 40,000 กิโลเมตร สภาพถนนและการขับเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ยางเสื่อมสภาพ ยางหมดสภาพ หากสังเกตด้วยสายตาก็จะพบว่า ดอกยางหดหายไปจนแทบจะกลายเป็นยางหัวโล้น หากขับบนเส้นทางที่เปียกลื่นจากฝนตกก็อาจเสียหลักจนควบคุมทิศทางไม่ได้ แล้วไปจบลงด้วยอุบัติเหตุหนักๆ สังเกตบริเวณร่องของดอกยางจะมีการทำเป็นสะพานเชื่อมระหว่างดอกยางให้ไว้สังเกตการสึกหรอของดอกยาง เมื่อเห็นว่าดอกยางสึกจนไปถึงสะพานเชื่อมแบบนี้ไม่ควรใช้งานต่อ ยางที่ผ่านการใช้งานมานาน 3-4 ปี แม้จะไม่ค่อยได้ขับ ใช้รถน้อย แต่เนื้อยางก็เสื่อมสภาพจนไม่สมควรนำกลับมาใช้งาน

...

เมื่อไหร่ที่ต้องเปลี่ยนยาง
ลองเช็กจากสัญลักษณ์ในร่องดอกยาง ยางทุกเส้นจะมีปุ่มในร่องดอกยาง เพื่อใช้วัดความลึกร่องดอกยางที่เรียกว่า สะพานยาง ถ้าดอกยางสึกจนเท่ากับสะพานยาง แสดงให้เห็นว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางใหม่กันแล้ว แต่ยางบางรุ่นก็ทนทานสุดขีดไม่สึกง่ายๆแม้จะผ่านมา 3-4 ปี แต่เนื้อยางจะเริ่มแข็งกระด้าง ส่งเสียงดัง ถ้าทนไหวก็ลากใช้ไปได้อีกหน่อยนึง แต่ควรจะเปลี่ยนเพราะยางตายเนื้อยางกระด้างทำให้กระสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมด้อยลง

นอกจากความลึกร่องยางแล้ว สิ่งที่ควรตรวจสอบเลยก็คือ หน้ายางสึกหรอเท่ากันทั่วทั้งพื้นผิว และยางไม่มีความผิดปกติใดๆ เช่น หน้ายางสึกไม่เท่ากัน ยางบวมแก้มยางปูดโปนออกมาจากการกระแทกกับหลุม แบบนั้นไม่ควรใช้ต่อ ให้รีบเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัย

...

ส่งเสียงดังขณะวิ่ง เบรกแล้วไม่อยู่หรือระยะเบรกเพิ่มขึ้น การยึดเกาะสามารถสัมผัสได้ว่าลดลง และใช้งานมานานกว่า 5 ปีแล้ว แบบนี้ก็ไม่ควรดันทุรังใช้ต่อ จะทำให้เกิดอันตรายแม้จะเห็นว่าดอกยางยังดีอยู่ แต่ใช้มา 5-6 ปีแล้ว ก็สมควรที่จะต้องเปลี่ยนใหม่แล้วละครับ 

...

อายุการใช้งานของยางรถยนต์ บนถนนปกติทั่วไป มีการกำหนดไว้อย่างชัดเจนที่ 3-5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร แต่อายุการใช้งานของยางจะผกผันไปตามสภาพเส้นทาง การขับ อุณหภูมิ และแรงดันลมยาง! หากใช้งานหนัก บนถนนที่ขรุขระ ในสภาวะบรรทุกหนักอย่างต่อเนื่อง คงต้องเปลี่ยนยางก่อนเวลา หรือก่อนที่จะถึงระยะทางที่กำหนด ยาง คือ อุปกรณ์สำคัญที่ไม่ควรละเลยต่อการตรวจสอบ หมั่นเช็กแรงดันลมยางเป็นประจำ และขับด้วยความเร็วที่กฎหมายกำหนดก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางชุดนั้นได้ยาวนานขึ้น.