หลายคนน่าจะเคยเป็น ขับรถอยู่ดีๆ ก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่างภายในรถ แม้สายตาจะมองไปที่ท้องถนน แต่จมูกก็ยังไม่หยุดหาต้นตอของกลิ่น จนหลายคนอาจจะต้องจอดรถข้างทางเพื่อมองหาว่ากลิ่นนั้นมาจากไหน 

สำหรับใครที่ยังจำแนกกลิ่นไม่ได้ว่าสิ่งที่ดมอยู่นั้นเป็นกลิ่นอะไร "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" เอาเคล็ดลับดีๆ มากฝาก โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. กลิ่นเหม็นไหม้ หากได้กลิ่นเหม็นไหม้ขณะขับรถอยู่ ให้รีบจอดรถในที่ปลอดภัยให้เร็วที่สุด อาจเกิดได้จากผ้าเบรกมีปัญหา ระบบไฟฟ้าชำรุด เช่น ฟิวส์ขาด ไม่ควรฝืนขับต่อ ให้นำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็กทันที

2. กลิ่นน้ำมันขณะขับ อาจมีการรั่วซึมของน้ำมันเชื้อเพลิง จากฝาถังน้ำมันหลวม ถังน้ำมันรั่ว หรือน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์รั่ว ควรนำรถเข้าเช็กอาการโดยด่วน เพราะมีความอันตรายสูง

3. กลิ่นเหม็นอับ อาจเกิดจากเชื้อราในระบบแอร์ วิธีแก้เบื้องต้นให้เปิดพัดลมแอร์ให้แรงที่สุด และเปิดหน้าต่างระบายกลิ่น ก่อนนำไปตรวจเช็ก ที่สำคัญควรเปลี่ยนกรองแอร์ตามระยะ

...

4. กลิ่นยางไหม้ เกิดได้จากชิ้นส่วนยางต่างๆ เช่น สะพานเลื่อน ท่อลมยางหลวม สายพานไดรฟ์ชำรุด หรือเกิดจากถุงพลาสติกติดอยู่ใต้เครื่องยนต์ก็เป็นไปได้ ควรเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด

5. กลิ่นหวานคล้ายน้ำเชื่อม เกิดจากหม้อพักน้ำหล่อเย็นรั่วซึม ส่งผลให้มดหรือหนูเข้ามาในห้องเครื่องยนต์และกัดทำลายสายไฟต่างๆ ควรนำรถไปตรวจเช็กระบบระบายความร้อน

6. กลิ่นควันไอเสีย สัญญาณเตือนว่าซีลขอบหน้าต่างและขอบประตูอาจเสื่อมสภาพ อันตรายต่อร่างกายเมื่อสูดดมเข้าไป ควรรีบแก้ไขโดยเร็ว

ทั้งนี้ การที่มีกลิ่นควันไอเสียเข้ามาในตัวรถก็อาจมีความเป็นไปได้ที่เรากดปิดปุ่มหมุนเวียนอากาศภายในรถไว้ ฉะนั้นเราต้องกดปุ่มเปิดไว้เพื่อไม่ให้อากาศจากภายนอกเข้ามา

อย่างไรก็ตาม เพียงแค่กลิ่นก็สามารถเตือนภัยผู้ขับขี่ได้ ดังนั้นหมั่นสังเกตและตรวจเช็กรถตลอดเวลา หากพบสิ่งผิดปกติให้นำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็กทันที