ยางรถยนต์แต่ละแบบ แต่ละขนาด มีความเหมาะสมที่จะต้องใช้แรงดันลมยางต่างกัน การเติมลมยางให้เหมาะสมกับการใช้งานรวมถึงประเภทของยางจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะส่งผลถึงการสึกหรอของยางแล้ว ยังมีผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่อีกด้วย  

ถ้าใช้งานยางติดรถยนต์มาจากโรงงานขนาดมาตรฐาน ไม่ได้มีการบรรทุกหนักกว่าปกติ แรงดันลมยางควรมีอัตราที่เหมาะสม ตรงกับที่ระบุในคู่มือหรือที่เสากลาง (สำหรับรถยนต์บางรุ่นบางยี่ห้อที่ติดสติกเกอร์แจ้งเตือนแรงดันลมยางกับน้ำหนักบรรทุกที่ถูกต้อง) อัตราส่วนแรงดันลมยางที่บริษัทผู้ผลิตระบุเอาไว้นั้นถือเป็นค่ากลาง ที่มีความเหมาะสมสำหรับการใช้งานทั่วไป 

...

ส่วนการใช้งานจริง แรงดันลมยางที่เหมาะสมกลับขึ้นตรงต่อความพึงพอใจของผู้ขับ อาจแตกต่างไปจากตัวเลขที่ระบุ แต่ไม่มากนัก เพราะการกำหนดค่าแรงดันลมยางมาจากโรงงานจะเป็นค่ากลางๆ ที่สามารถใช้งานยางได้ดีพอสมควร หากจะเติมตามความพอใจของตนเอง ต้องเริ่มเติมลมยาง จากค่ากลางของบริษัทผู้ผลิตแล้ว เพิ่ม หรือลดลงมาเล็กน้อยแล้วลองขับดูว่าชอบแบบไหน ลองจับอาการและการสึกหรอของยาง สัมผัสของระบบรองรับว่าเติมลมยางมากกว่าเดิม 1-2 ปอนด์ จนทำให้รู้สึกแข็งกระด้าง หรือเติมลมยางอ่อนเกินไปจนทำให้เกิดการสึกหรอ เร่งแล้วหนืด เสียงดัง หรือมีอาการที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆ ส่วนอายุการใช้งานยาง อย่างที่บอกว่า ยางคือชีวิต ไม่ควรลากยาวเกินกว่า 40,000 กิโลเมตร แม้จะเห็นว่า ดอกยังเยอะ เนื้อยังนิ่ม กดแล้วไม่แข็งกระด้าง แต่ระยะทางที่ใช้งานมากว่าสี่หมื่นกิโลเมตรนั้นสมควรที่จะต้องเปลี่ยนยางชุดใหม่ได้แล้ว 

หลักการจับความรู้สึกง่ายๆ ของการเติมลมยางก็คือ เติมมากกว่าที่ระบุ ยิ่งลมยางสูง จะทำให้ยางแข็งกระด้าง หน้ายางบริเวณกึ่งกลางจะสึกมากกว่าขอบยางหรือดอกยางด้านใน หากเติมแรงดันลมยางอ่อนเกินไป หน้ายางจะสึกหรอบริเวณริมขอบนอกทั้งด้านนอกและด้านในของดอกยาง เกิดอาการหน่วงเวลาเร่งความเร็ว แต่ไม่กระด้าง 

สาเหตุที่บอกว่า แรงดันลมยางที่เป็นค่ากลางระบุจากบริษัทผู้ผลิต อาจขัดแย้งกับความรู้สึกเดิมๆ ของหลายคนที่เชื่อว่า แรงดันที่ระบุนั้นเหมาะสมที่สุด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงค่าแรงดันลมยางตามใจชอบได้ ในความเป็นจริง บริษัทรถยนต์ที่ระบุตัวเลขแรงดันลมยาง แม้จะรู้เรื่องน้ำหนักรถ ตัวเลขอัตราส่วนการกระจายน้ำหนัก และขนาดของยาง แต่ไม่ทราบว่ายางเส้นที่ใช้งานจริงมีโครงสร้างของยางแบบไหน มีน้ำหนักบรรทุกแค่ไหน สภาพผิวถนนท่ีขับเป็นอย่างไร และผู้ขับ ขับรถยนต์ในลักษณะไหน? 

ยางที่มีแรงดันลมต่ำกว่าที่ระบุจากบริษัทผู้ผลิต จะมีแรงต้านการหมุนสูงกว่ามาก แรงต้านการหมุนคือแรงที่ต้องใช้ในการสร้างเพื่อดันยางไปข้างหน้า ยิ่งลมในยางต่ำลงเท่าใด ก็ยิ่งต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการทำให้ยางหมุนได้ การรักษาแรงดันลมยางให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดของขนาดยางและการรับน้ำหนักบรรทุก เพื่อให้ยางมีอายุการใช้งานยาวนาน หากเติมลมยางน้อยเกินไปน้ำหนักของรถจะอยู่บนไหล่ยางมากขึ้น ทำให้สึกหรอที่ส่วนนอกของดอกยางมากขึ้น แรงดันลมยางต่ำ หรือลดลง เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เติมลมยางไม่เต็ม ยางโดนตะปูหรือของมีคมทำให้ลมรั่วออกมาทีละน้อย สาเหตุที่พบบ่อย ก็คือ ตะปู สกรู น็อตที่แหลมคม หรือแม้แต่เศษหินคมๆบาดเข้าไปในเนื้อยางจนทะลุ

...

แรงดันลมยางที่เหมาะสมซึ่งขึ้นตรงกับความพึงพอใจของผู้ขับเกิดจากการเปลี่ยนล้อและยางให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพราะการเปลี่ยนล้อและยางให้มีขนาดท่ีใหญ่กว่าเดิม ค่าแรงดันลมยางก็ต้องเปลี่ยนให้สูงขึ้นตามความใหญ่ที่เพิ่มขึ้น (แต่แก้มยางกลับเตี้ยลง ทำให้กระด้าง) สำหรับคนที่ไม่ได้เปลี่ยนขนาดของล้อและยาง ใช้ค่าแรงดันลมยางมาตรฐานจะเหมาะสมกับการใช้งานทั่วไปอยู่แล้ว ไม่ต้องไประแวง ยกเว้น ต้องบรรทุกเต็มอัตราเพื่อเดินทาง อันนั้นก็ต้องเติมเผื่อให้แข็งขึ้นอีก 3-5 ปอนด์ ส่วนยางเส้นโตแก้มเตี้ย การอัดลมยางมากกว่าที่ค่ากำหนดช่วยลดความเสียหายของล้อและยางได้บ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมดเพราะหลุมบ่อบนถนนนั้นสามารถทำให้ยางแก้มเตี้ยและล้อวงโตเสียหายมานักต่อนักหากขับไม่ระวัง. 

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

...