พูดกันเรื่องพวงมาลัยล็อกกันมาเยอะแล้ว จากกรณีที่ทำให้มีเด็กเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เหตุการณ์ดังกล่าว นำมาซึ่งความสูญเสียที่น่าเศร้าสลดใจ อุบัติเหตุนั้นสามารถป้องกันได้ หากผู้ขับมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ยานพาหนะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ คนในรถทุกคนต้องรัดเข็มขัดนิรภัย เด็กเล็กควรอยู่ในเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย และต้องติดตั้งในตำแหน่งที่ได้รับการแนะนำว่า ทำให้เด็กนั่งได้อย่างปลอดภัย ส่วนเด็กโต ก็ต้องนั่งรัดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งด้วยเช่นกัน รวมถึงยานพาหนะที่ใช้ ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน
เมื่อผู้ขับมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการควบคุมรถยนต์ จะช่วยทำให้การใช้รถใช้ถนนมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น พวงมาลัยล็อกนั้นเกิดได้ยากมาก หรือ % การทำงานผิดพลาดของพวงมาลัยเพาเวอร์สายพานนั้น แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นในรถที่ยังอยู่ในสภาพดี และเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผู้ใช้รถยนต์ควรมีความพร้อมของร่างกาย ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ และมีสภาวะจิตใจปกติ เน้นว่าควรพักผ่อนหลับนอนมาอย่างพอเพียง ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดอาการมึนเมา ไม่โมโหโกรธเกรี้ยวแล้วขึ้นไปขับรถยนต์ด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว ไม่หันหน้าออกไปจากการมองข้างหน้าเพื่อหยิบสิ่งของ การฝึกฝนทักษะในการควบคุมรถยนต์เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ก็เป็นเรื่องที่สมควรเรียนรู้เอาไว้สำหรับการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ทำความรู้จักกับพวงมาลัยในรถยนต์สมัยใหม่
...
พวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิก Hydraulic Power Steering (เหมือนกับพวงมาลัยใน Toyota Hilux REVO Prerunner ที่เกิดอุบัติเหตุ) ทำงานโดยอาศัยกำลังจากเครื่องยนต์ ผ่านสายพานพูเลย์ไปหมุนปั๊มเพื่อสร้างแรงดันในระบบไฮดรอลิก ก่อนส่งแรงดันน้ำมันไฮดรอลิกผ่านท่อแรงดันไปยังกระปุกพวงมาลัย หรือแรคพวงมาลัย เพื่อช่วยผ่อนแรงหมุน ทำให้พวงมาลัยหมุนได้เบามือมากกว่าตอนที่เครื่องยนต์ยังไม่สตาร์ท Toyota ได้ยกเลิกระบบล็อกพวงมาลัยขณะจอดแล้วบิดกุญแจไปที่ตำแหน่งดับเครื่องยนต์ เมื่อช่วงปลายปี 2565 เนื่องจากปัญหาเรื่องของซัพพลายเชน (ขาดแคลนชิปควบคุม)
ข้อดีของพวงมาลัยแบบ Hydraulic Power Steering แข็งแรงทนทาน นิยมใช้ในรถยนต์กระบะที่มีขายในไทย (ยกเว้น Ford ที่ใช้พวงมาลัยไฟฟ้า) ให้ความแม่นยำในการบังคับทิศทาง
ข้อเสียก็คือ มันทำงานร่วมกับน้ำมันในการถ่ายทอดกำลัง เมื่อมีชิ้นส่วนซีล-ท่อทางชำรุด ก็ย่อมเกิดปัญหาการรั่วซึม ข้อควรระวังในการใช้งานก็คือ ไม่หักพวงมาลัยจนสุดค้างไว้นานๆ อาจทำให้น้ำมันเกิดแรงดันสูงกว่าปกติ และทำให้ระบบเกิดการรั่วซึมได้
อาการแรคพวงมาลัยเสื่อม
มักเกิดขึ้นได้เมื่อรถยนต์ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนานและไม่ได้มีการตรวจสอบซ่อมบำรุง
อาการแรครั่ว ปั๊มเพาเวอร์เสีย
ในกรณีที่ของเหลวหล่อลื่นเกิดการรั่วซึม น้ำมันไหลออกจากระบบ พวงมาลัยเพาเวอร์จะมีน้ำหนักที่มากกว่าปกติ จนสามารถรู้สึกได้ หรืออาจขับไปกระแทกกับสิ่งกีดขวางบนถนนแต่ไม่รู้ว่าการกระแทกทำให้เกิดการรั่วซึม ในการณีที่รั่วจนน้ำมันเพาเวอร์หมด พวงมาลัยจะมีน้ำหนักมาก บังคับทิศทางได้ยาก มีอาการคล้ายกับพวงมาลัยล็อก
ชิ้นส่วนในระบบบังคับเลี้ยวเสียหาย
ชิ้นส่วนในระบบบังคับเลี้ยวที่อาจเกิดความเสียหายแล้วส่งผลต่อการควบคุมทิศทางของรถ ก็คือ ลูกหมากปลายแรค แกนพวงมาลัย - ในกรณีที่เกิดความเสียหาย และไม่สามารถบังคับทิศทางของรถได้เนื่องจากพวงมาลัยไม่ตอบสนองต่อการหักเลี้ยวไปยังทิศทางที่ต้องการ
กรณีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ต้องรอผลสรุปจากการพิสูจน์ทราบของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ที่น่าจะให้ความกระจ่างมากกว่าการอ่านโพสต์ข้อมูลต่างๆ นานา วนไปวนมาในโลกโซเชียล ซึ่งบางข้อมูลดูจะมั่วและสร้างความสับสนมากกว่าความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering)
ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ตัวสร้างกำลังผ่อนแรงแทนปั๊มไฮดรอลิกแรงดันสูง การทำงานก็คือ เมื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ เซนเซอร์จะเริ่มต้นการทำงานตามซอฟต์แวร์ที่โปรแกรมเอาไว้ ระบบควบคุมการทำงาน จะทำการปรับการทำงานของมอเตอร์ที่ทำหน้าผ่อนแรงหมุนแทนที่ปั๊มเพาเวอร์ เมื่อวิ่งเร็วมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กจะหน่วงให้น้ำหนักของพวงมาลัยมากขึ้น ECU หรือ electronic control unit จะรับสัญญาณจากเซนเซอร์ต่างๆ เช่น เซนเซอร์ตรวจจับความเร็วและแรงบิด เพื่อควบคุมการทำงานของมอเตอร์หน่วงน้ำหนักของพวงมาลัย ให้มีน้ำหนักที่ถูกต้อง โดยแปรผันน้ำหนักไปตามความเร็วและโหมดของการขับเคลื่อน และให้แน่ใจว่า ระบบ มีการจัดการที่ดีที่สุดและมั่นคง ภายใต้สภาวะของการควบคุมทิศทางที่ถือว่ามีความสำคัญสูงสุด
ข้อดี ของพวงมาลัยไฟฟ้าก็คือ มีน้ำหนักพวงมาลัยเบา ไม่มีปัญหารั่วซึมของระบบ ไม่กินกำลังเครื่องยนต์เพราะไม่มีสายพานไปคล้องเครื่องเพื่อหมุนปั๊ม
ข้อเสีย อาจตอบสนองไวกว่าพวงมาลัยเพาเวอร์ไฮดรอลิก มีระยะฟรีตรงกลางน้อย ตอบสนองไวเกินไปสำหรับนักขับบางคนที่เป็นมือใหม่
...
สิ่งรบกวนสมาธิของการควบคุมรถยนต์
1. โทรศัพท์มือถือ
โลกโซเชียล นำพาให้ผู้คนในปัจจุบันเสพติดการเล่นมือถือชนิดเอาเป็นเอาตาย ผลเสียของการโทร ถ่ายรูป อัพรูป หรือแชตเฟซบุ๊กเพื่อตอบข้อความ คือสิ่งเลวร้ายที่ทำให้ผู้ขับขาดสมาธิในการควบคุมแบบไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวก็ยังไม่สนใจ เป็นเรื่องแย่ที่เกิดขึ้นทุกวัน สำหรับนักขับที่ขาดความระมัดระวังใส่ใจในเหตุการณ์ตรงหน้าขณะขับขี่ การเสียสมาธิขึ้นอยู่กับเรื่องที่กำลังพูดคุยหรือกำลังดูภาพอ่านเรื่องราวในโลกโซเชียลเป็นหลัก เมื่อขาดสมาธิทิศทางของรถยนต์ก็จะเริ่มเบี่ยงเบนไปจากเลนที่ตัวเองวิ่งอยู่ เปลี่ยนช่องทางโดยไม่ให้สัญญาณ ขับช้าคร่อมเลนจนทำให้รถหลังไม่สามารถแซงผ่านไปได้ สุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเสพติดโลกโซเชียลระหว่างการขับขี่ก็คือหวดเข้าไปที่ท้ายรถคันข้างหน้าเต็มเหนี่ยว หากมีเรื่องคอขาดบาดตายจำเป็นที่จะต้องคุยหรือใช้โทรศัพท์จริงๆ จังๆ ควรหาที่จอดหรือรีบคุยรีบวางดีกว่ามานั่งจ้อไปตลอดทางจนทำให้สมาธิในการควบคุมรถยนต์หดหายไปและตามมาด้วยอุบัติเหตุ นักขับที่มีธุรกิจยุ่งต้องรับสายทั้งวันเกือบจะตลอดเวลาแม้ในขณะที่กำลังขับรถควรหาหูฟังและควรเชื่อมต่อโทรศัพท์ให้เข้ากับระบบบลูทูธเพื่อหลีกเลี่ยงการละมือไปจากพวงมาลัยรวมถึงการละสายตาไปจากการสังเกตการณ์ด้านหน้าเพื่อควานหาโทรศัพท์ ไม่อยากชนก็อย่าทำ
...
2.ตุ๊กตาและเครื่องประดับประดาต่างๆ
เสาหน้า เสากลางและเสาท้ายบวกกับรูปแบบของรถยนต์ที่คุณขับขี่เป็นตัวการในการบดบังมุมมองของการขับขี่อยู่แล้ว นักขับบางคนชอบสะสมสิ่งของน่ารักเอาไว้ในรถ เช่น ตุ๊กตาหมีไซส์ยักษ์ หรือคิขุ มากกว่านั้นก็เล่นตุ๊กตาโดราเอมอนกับสารพัดสารพันตุ๊กตาที่โด่งดังในโลกโซเชียลพวกกระต่ายไลน์ไซส์โต บางคนชอบนำพระเข้ามาบูชาในรถเพื่อคอยเตือนสติ ไม่ว่าจะเป็นลูกประคำ พระพุทธรูปทั้งองค์เล็กองค์ใหญ่ ห้อยมาลัยดอกไม้สดพวงโต วัตถุต่างๆ เหล่านี้นอกจากจะบดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นรอบตัวแล้วยังทำให้เสียสมาธิในการควบคุมแบบไม่รู้ตัวอีกด้วย การเคลื่อนไหวของรถยนต์ร่วมทางรอบตัวบวกกับสิ่งของที่ห้อยแขวนประดับประดาอยู่ในห้องโดยสาร
แม้แต่พื้นที่เล็กๆ ด้านหลังของกระจกบังลมบานหลังก็ยังแออัดยัดทะนานอุดมไปด้วยตุ๊กตุ่นตุ๊กตาสุดน่ารักนับสิบตัวเรียงรายก่ายกองจนบดบังการมองเห็นบริเวณด้านหลังจนหมด ลองเอาออกให้ห้องโดยสารโล่งดูบ้าง คุณจะพบว่ามุมมองที่โปร่งโล่งช่วยทำให้เห็นรอบตัวและสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ดีกว่าเดิม รถติดฟิล์มดำมืดตึ้บยังกับถ้ำหมีก็อาจเกิดอุบัติเหตุจากการมองไม่ชัด โดยเฉพาะช่วงก่อนค่ำโพล้เพล้ และมีพายุฝนฟ้าคะนองฝนตกหนักในระหว่างการขับ ฟิล์มกันแดดดำมืดทำให้การมองเห็นแย่ลงมากจึงต้องใช้ความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้นเมื่อคิดจะติดฟิล์มทึบ ฟิล์มใสสำหรับกันแสงแดดก็มีให้เลือกใช้แถมยังช่วยทำให้ทัศนวิสัยการมองไม่แย่ตามความมืดอีกด้วย
...
3. สมาธิอยู่ที่การมองเห็น และตอบสนองต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
การมองเห็นเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยทำให้การขับขี่เกิดความปลอดภัย อุบัติเหตุบนถนนที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเกิดจากการมองที่ไม่ดี หรือไม่ได้มอง มัวแต่ละสายตาไปมองอย่างอื่นแทนที่จะเฝ้ามองถนนข้างหน้า มองวิวทิวทัศน์ที่ขับผ่าน หรือมองหาของในรถ ก็ล้วนเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ขับละสายตาจากถนนข้างหน้าหันไปมอง จนเกิดอุบัติเหตุชนรถคันข้างหน้ามามากต่อมากแล้ว การมองโดยขาดความระมัดระวังในเรื่องสมาธิการมอง ที่เชื่อมโยงกับการควบคุมทิศทางของรถยนต์ มักจบลงด้วยการแก้ไขที่ไม่ทันต่อเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่ควรละสายตาจากการมองเห็นที่บริเวณด้านหน้านานเกินไป หลีกเลี่ยงการมองจ้องหรือมองเพียงแค่ผ่านๆ แวบเดียว ไม่หันไปหยิบสิ่งของต่างๆ เช่น ขวดน้ำ โทรศัพท์มือถือ แล้วหันมาใส่ใจกับการมองตรงหน้า เพื่อการควบคุมทิศทางของรถยนต์ให้อยู่ในช่องทางที่ถูกต้อง
4. อย่าใจลอย
ตั้งใจและจดจ่อกับการขับอย่างเต็มที่ อย่าให้สิ่งอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจของคุณ ใช้สายตาจดจ่ออยู่กับถนนข้างหน้า มองให้ทั่วและมองให้ไกล สลับกับมองกระจกหลังและกระจกมองข้าง สังเกตการณ์รอบๆ ตัวขณะขับขี่ หากขับในเมืองในเขตที่มีโรงเรียนหรือมีผู้คนพลุกพล่าน ให้ระวังคนเดินบนถนน จักรยาน มอเตอร์ไซค์ สัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขหรือแมวที่อาจวิ่งตัดหน้า
4.ท่านั่งขับ ท่าจับพวงมาลัย สำคัญนะครับ
ปรับที่นั่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ก่อนเริ่มเดินทาง รวมถึงตั้งระบบต่างๆ บนรถของคุณให้เรียบร้อย การนั่งขับแบบรถสปอร์ต เล่นยืดเบาะจนแขนตึงขาเหยียดเป็นท่านั่งที่อันตราย หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินท่านั่งแบบนอนขับจะไม่สามารถควบคุมพวงมาลัยเพื่อหักหลบอย่างรวดเร็วได้เลย ปรับตั้งเบาะให้แขนหย่อนพอสมควร ไม่ใช่ต้องยืดแขนจนสุดเพื่อควบคุมการเลี้ยวซึ่งเป็นท่าที่ผิด รวมถึงช่วงขาก็ต้องไม่ตึงเกินไป ปรับตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ก่อนออกรถ เช่น จีพีเอส เบาะนั่ง กระจกมองข้างและมองหลัง อุณหภูมิภายในห้องโดยสาร และระบบเครื่องเสียงก่อนออกเดินทาง ศึกษาเส้นทางให้ดีๆ และตรวจสอบสภาพการจราจรล่วงหน้าก่อนการเดินทาง
กรณีอุบัติเหตุดังกล่าว กลายเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน เนื่องจากมีเด็กเสียชีวิต คงต้องรอให้ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมยานยนต์ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าไปตรวจสอบรถยนต์คันเกิดเหตุอย่างละเอียด เพื่อสรุปผลการตรวจสอบว่า สาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากอะไร?