นอกจากเตรียมดาวน์โหลดเพลงไว้ฟังแก้เบื่อขณะขับรถทางไกล ในช่วงวันหยุดยาวแล้ว ยานพาหนะที่ใช้เดินทางก็ห้ามละเลยเด็ดขาด วันนี้เครื่องยนต์คนขยันมาแนะนำวิธีเช็กสภาพรถยนต์แบบทำเองได้ มือใหม่แบบไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์ก็ทำตามได้
1. เริ่มต้นตรวจสภาพรถยนต์ด้วยการเดินรอบรถก่อนเลย ก้มๆ เงยๆ ดูใต้ท้องรถเสียหน่อย มีคราบน้ำมันหรือน้ำแอร์ไหลออกมามากเกินปกติหรือไม่ ถ้าผิดปกติ พบช่าง เชิญปากซอยนะจ๊ะ
2. สตาร์ตรถเปิดไฟให้สว่าง แล้วเดินรอบรถตรวจให้ครบว่าไฟติดทุกดวง ไฟสูง ไฟเบรก ไฟฉุกเฉิน ไฟเลี้ยว ไฟตัดหมอก ตรวจดูไฟส่องสว่างทุกดวงให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ปกติ
3. ดับเครื่องเปิดกระโปรงรถ ดูแบตเตอรี่ หัวใจหลักที่คอยจ่ายไฟของตัวรถ หากเป็นแบตเตอรี่แบบน้ำ ควรเติมน้ำกลั่นให้เรียบร้อย ดูอายุของแบตฯ ว่าสมควรเปลี่ยนหรือเปล่า โดยแบตเตอรี่ส่วนใหญ่มีอายุขัยใช้งานประมาณ 2 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแล แต่ถ้าลองสตาร์ตแล้วเสียงไม่เพราะรื่นหู ประกอบกับระยะเวลาที่ใช้งานมา หากเปลี่ยนได้ก็เปลี่ยนเถอะ
...
4. ยางรถยนต์สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน หากยางไม่บวม ผิวหน้ายางความลึกน้อยกว่า 3 มิลลิเมตร จากหน้ายางใหม่ 8-10 มิลลิเมตร ก็เป็นอันว่าได้ฤกษ์เปลี่ยนยางใหม่ หรือถ้ายางยังอยู่ในสภาพดี ควรเติมลมยางตามที่คู่มือรถแนะนำมาไม่อ่อนหรือแข็งจนเกินไป
5. เช็กผ้าเบรก เสียงเบรก และน้ำมันเบรก ตรวจได้โดยการเหยียบเบรก หากมีเสียงดังผิดปกติแสดงว่าผ้าเบรกอาจมีปัญหา ควรเข้าอู่ให้ช่างดูด่วน และอย่าลืมเช็กน้ำมันเบรก ควรให้อยู่ในปริมาณที่เพียงพอ ควรตรวจสอบผ้าเบรกทุก 3 เดือน และเปลี่ยนผ้าเบรกเมื่อผ้าเบรกหนาน้อยกว่า 4 มม. หรือทุกๆ 25,000 - 50,000 กิโลเมตร
6. จอดรถให้อยู่ในที่ราบ เปิดฝากระโปรงรถ มองหาก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง และดึงก้านวัดขึ้นมา ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดน้ำมันเครื่องที่ติดอยู่บนก้านวัด เสียบก้านวัดคืนจุดเดิมแล้วดึงขึ้นมาเพื่อเช็กอีกครั้ง และสังเกตแถบน้ำมันเครื่องที่ติดอยู่บนก้านวัด ควรอยู่ระหว่างขีด F กับ L หรือ Max กับ Min แต่ถ้าอยู่มากหรือน้อยเกินไปควรเติมหรือลดน้ำมันเครื่องให้อยู่ระดับปกติ
7. แม้ตอนนี้อากาศจะร้อนอย่างกับไฟเยอร์ แต่พายุฝนก็อาจตกมาได้อย่างไม่คาดฝัน ดังนั้นที่ปัดน้ำฝนสำคัญมากสำหรับการขับรถทางไกล เพราะฉะนั้นควรเช็กดูว่ายางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ หรือสามารถรีดน้ำได้ดีหรือไม่
สุดท้ายก่อนออกรถ อย่าลืมดูว่าพกใบขับขี่หรือยัง รวมถึงเอกสารสำคัญ เช่น พ.ร.บ.ต้องไม่หมดอายุ ประกันรถยนต์ต่ออายุตามกำหนดหรือไม่ และก่อนออกจากบ้านดึงปลั๊ก ปิดสวิตช์ไฟในบ้าน และล็อกประตูบ้านให้เรียบร้อย เท่านี้ก็เที่ยวอย่างสบายใจแล้ว
ผู้เขียน : เครื่องยนต์คนขยัน
ภาพ : Sathit Chuephanngam