Mitsubishi XFORCE เกิดมาจากผลการศึกษาเชิงลึกของแบรนด์ Mitsubishi ที่ขึ้นตรงกับความต้องการของลูกค้า XForce พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับตลาดรถยนต์ในอาเซียน เน้นอุปกรณ์ไฮเทค ความคล่องตัวและประสิทธิภาพการใช้งาน เป็นรถยนต์ 5 ที่นั่งสไตล์ครอสโอเวอร์ที่มีความอเนกประสงค์ X Force อยู่ในกลุ่มเดียวกับ Corolla Cross Honda HR-V Subaru XV มีการผสมผสานประโยชน์ใช้สอย ความน่าเชื่อถือในหลากหลายด้านโดยเฉพาะระบบความปลอดภัยและระบบช่วยทรงตัว ความสะดวกสบายด้านพื้นที่ใช้สอยแบบรถ SUV รวมถึงสมรรถนะทางฝุ่น ที่รู้กันดีว่าเป็นเอกลักษณ์ของยานยนต์จาก Mitsubishi Motors
Xforce HEV IGNITE 899,000 บาท
Xforce HEV ULTIMATE 1,039,000 บาท
Xforce HEV ULTIMATE X 1,089,000 บาท


...






...

หน้าตาของ Xforce ดูทันสมัยคล้ายรถอเนกประสงค์ฝั่งยุโรปมากกว่าจะเป็นรถญี่ปุ่นหน้าตาบ้านๆ กระจังถูกดีไซน์ให้กลมกลืนไปกับกันชนหน้า ไฟหน้า LED กับไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Runninglight ชุดกระจังพลาสติกสีดำ ตัดขอบสี่เหลี่ยมด้วยโครเมี่ยมสีเงิน กันชนหน้าเล่นเหลี่ยมมุมกับกระจังเพื่อสร้างมิติของความลึก! ไฟตัดหมอก LED ติดตั้งอยู่ที่ชายล่างบริเวณมุมทั้งสองข้างของกันชน ขอบฝากระโปรงหน้ามีตัวอักษร Xforce

...



...


ด้านข้างของตัวถัง เน้นมิติของซุ้มล้อด้วยพลาสติกกันกระแทกสีดำ บังโคลนหน้า-หลังที่ยกขอบให้นูนขึ้นมา เส้นด้านข้างของตัวรถอยู่ชายล่างของบานประตู เชื่อมโยงกับพลาสติกกันกระแทกที่ติดตั้งอยู่บริเวณส่วนล่างของประตูทั้งหน้า-หลัง มือจับที่เปิดประตูสีเดียวกับตัวถัง เสาอากาศครีบปลาฉลาม สัญลักษณ์ Hybrid EV ที่ส่วนบนของบานประตูหน้า ล้ออัลลอยลายกงจักรสีดำสลับเงิน ขนาดขอบ 18 นิ้ว ยาง bridgestone alenza ไซล์ 225/50R18 95V มิติตัวถัง ยาว 4,390 มิลลิเมตร กว้าง 1,810 มิลลิเมตร สูง 1,660 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,650 มิลลิเมตร นำ้หนัก 1,245 กิโลกรัม ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 183 มิลลิเมตร ความจุถังเชื้อเพลิง 42 ลิตร










บั้นท้ายสวยงามลงตัวใช้ได้ ไฟท้าย LED มีดีไซน์ขอบตวัดลงด้านล่างที่แปลกตา ฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์ กันชนหลังออกแบบได้ดีเพื่อเพิ่มมิติความคมชัดและลึกของทั้งฝาท้ายและกันชนที่เชื่อมต่อกัน ไม่มีส่วนไหนที่ดูขาด หรือเกินสำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของ Mitsubishi Xforce โดยเฉพาะองศาความลาดเอียงของเสาหน้า กับเสาท้ายขนาดใหญ่บนสีตัวถังแบบทูโทนที่ทำให้รถดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น


Mitsubishi xForce HEV ใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกับ Xpander HEV เครื่องยนต์ถูกจูนใหม่ให้ตอบสนองได้สอดคล้องกับ 7 โหมดขับเคลื่อนหลัก เพื่อส่งถ่ายความเป็น ไฮบริดอีโมชัน HEV e:Motion 1.6 Hybrid เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงสี่กระบอกสูบ รหัส 4A92 ความจุ 1.6 ลิตร 1,590 ซีซี. ระบบวาว์ลแปรผัน MIVEC กำลังสูงสุด 107 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 134 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที มอเตอร์ไฟฟ้า กำลัง 116 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาดเล็กความจุแค่ 1.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง เกียร์อัตโนมัติ 2-Speed Transaxale ขับเคลื่อนล้อหน้า Mitsubishi เคลมอัตราสิ้นเปลือง Xforce ถึง 24.4 กิโลเมตรต่อลิตร
โหมดการขับขี่ Drive Mode : Normal / Wet / Gravel / Mud / Tarmac ช่วงล่างด้านหน้า แมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพ เหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชันบีมคานแข็ง ระบบเบรก ด้านหน้าและ หลังใช้ดิสก์เบรกทั้งสี่ล้อ













ชุดตกแต่งกันชนหน้า
ชุดตกแต่งกันชนหลัง
ชุดตกแต่งด้านข้างประตู
ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว สีทูโทน
ยาง Bridgestone ALENZA ขนาด 225/50 R18
ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อม Auto Brake Hold
ไฟหน้า LED
ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้า แบบอัตโนมัติ
ไฟท้าย LED โคมสีรมดำ Smoke Chrome
ฝาท้าย เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบเปิด-ปิด ฝาท้าย โดยไม่ต้องใช้มือ Kicks Sensor
ภายในห้องโดยสาร สีดำ Black / สีน้ำตาล Mocha
วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร White Melange Fabric
เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง แบบลดความร้อน Anti-Temperature Rise
เบาะนั่งด้านหลัง แยกอิสระ 60 : 40
เบาะนั่งด้านหลัง ปรับเอนได้ 8 ระดับ
มาตรวัด Full Digital ขนาด 8 นิ้ว
หน้าจอกลาง Touchscreen ขนาด 12.3 นิ้ว
รองรับ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย Wireless
ระบบเสียงรอบทิศทาง YAMAHA Premium Sound
ลำโพง 8 ตำแหน่ง
ที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย Wireless Charger
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone
ระบบปรับสมดุลอากาศ Nanoe X
ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
กล่องเก็บของสามารถแช่เครื่องดื่มเย็น Cool Box
ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light
ระบบเบรก ABS / EBD / BA
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASC
ระบบ Active Yaw Control
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ DIAMOND SENSE
ระบบเตือนมุมอับสายตา BSW
ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง RCTA
ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCM
ระบบไฟสูงอัตโนมัติ AHB
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control
ระบบเตือนเมื่อรถด้านหน้าเคลื่อนที่ LCDN
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย)
ระบบเตือนแรงดันลมยาง TPMS

สีตัวถังภายนอก
สีขาวมุก White Diamond
สีเงิน Blade Silver Metallic
สีเทา Graphite Grey Metallic
สีดำ Jet Black Mica
สีเหลือง Energetic Yellow
สีแดง Red Metallic















ห้องโดยสารสีทูโทนสว่างตาในส่วนของแดชบอร์ดคอนโซลที่มีการใช้ผ้าสีเทามาหุ้มกับพลาสติกที่มีโทนสีตัดกัน เบาะปรับไฟฟ้าหุ้มหนัง ตัวเบาะนั่งสบายใช้ได้ การปรับเบาะค่อนข้างครอบคลุมต่อสรีระของคนขับ ตำแหน่งการใช้อุปกรณ์ โดยเฉพาะจอภาพมอนิเตอร์กลางกับคันเกียร์ที่จับหรือแตะได้อย่างถนัดมือ พื้นที่ของเบาะคู่หน้ามีพอเพียง รวมถึงเบาะหลังปรับได้แบบ 40:20:40 หรือปรับเอนได้ 8 ระดับเพื่อเอนหลังสบายๆเวลาเดินทางไกล เบาะหลังมีพื้นที่วางเท้ามากพอ การออกแบบแนวของหลังคาและความสูงทำให้นั่งเบาะหลังแล้วไม่อึดอัด แต่นั่งสองคนสบายตัวกว่านั่งเบียดกันไปถึงสามคน Mitsubishi แจ้งว่า หนังสังเคราะห์ที่ใช้หุ้มเบาะเป็นแบบ Heat Guard ช่วยป้องกันและสะท้อนความร้อนจากแสงแดด ไม่มีหลังคาพาโนรามิกไฟฟ้า นั่นตัดปัญหาเรื่องน้ำรั่วเมื่อใช้งานไปนานๆออกไปได้ แต่ก็ไม่ครบเท่าที่ลูกค้าบางคนอยากจะได้ในจุดนี้



อีกตำแหน่งที่คนของ Mitsubishi พยายามนำเสนอก็คือ เครื่องเสียง Yamaha ซึ่งถือเป็นแบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำของญี่ปุ่นที่ผมใช้อยู่ในบ้าน (Yamaha DSP A1 AV) Xforce ติดตั้งเครื่องเสียง dynamic sound yamaha premium sound system พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง การติดตั้งชุดลำโพงที่มีกำลังขับสูง ทำให้แผงประตู คอนโซล และชิ้นส่วนอื่นๆ ถูกปรับให้ต้องรองรับพลังเบสที่ออกมาจากลำโพงและอาจสร้าง resonance หรือเสียงรบกวนซึ่งกลายเป็นแรงสั่นสะเทือนที่ไม่พึงประสงค์เมื่อเล่นเพลงดังๆ ทวิตเตอร์คู่หน้า อยู่ในเสา A ส่วนชายล่างของบานประตูทั้งสี่ก็มีลำโพง Yamaha ฝังอยู่เพื่อสร้างมิติ ความชัดและลึกของดนตรี dynamic sound yamaha premium มาพร้อมโปรแกรมการปรับแต่งเสียง 4 แบบ เพื่อให้มีความสมดุลกับประเภทของเพลงที่เล่น เมื่อลองฟังดู ก็ต้องบอกว่า ลำโพงที่ให้เสียงเป็นธรรมชาติของ Yamaha ใน Xforce เหมาะกับเพลงคลาสสิก เพลง Jazz หรือดนตรีบรรเลงที่ใช้เครื่องดนตรีธรรมชาติมากที่สุด ส่วนเพลงวัยวุ่นสมัยใหม่ dynamic sound yamaha premium ไม่สามารถบ่งบอกตัวตนที่แท้จริงออกมาได้ว่าเป็นชุดลำโพงที่มีคุณภาพขนาดไหน!

















หน้าจอมอนิเตอร์กลาง ขนาด 12.3 นิ้ว สั่งงานด้วยระบบสัมผัส มีความคมชัดและมีลูกเล่นแพรวพราว ใช้แสดงผลได้อย่างหลากหลาย ควบรวมกับระบบอินโฟเทนเมนท์ การเชื่อมต่อ การปรับตั้งค่าต่างๆของตัวรถและการเลือกดูข้อมูลสำคัญของระบบขับเคลื่อน รวมถึงการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับอุปกรณ์ไฟฟ้าพกพาต่างๆ จอแสดงผลกลาง ออกแบบให้เป็นแบบมัลติวิกเจ็ต จอภาพแบ่งออกเป็นสามส่วนเพื่อแสดงข้อมูลต่างๆ พร้อมกันบนหน้าจอเดียว จุดที่ชอบคือการแสดงมาตรวัดที่คล้ายกับมาตรวัดอากาศยาน เช่น ระดับความสูง มุมเอียง และทิศทาง ระบบอินโฟเทนเมนท์ รองรับ apple carplay + android auto รวมถึง Weblink ระบบฟอกอากาศ Nanoe - X ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light ที่คอนโซล แผงประตูด้านหน้า






พวงมาลัยทรงสามก้านแบบใหม่ของ Mitsubishi Motor หุ้มหนังรอบวงเพิ่มความกระชับ พวงมาลัยมีขนาดกำลังพอดี มีหน้าตาคล้ายๆกับพวงมาลัยของ Xpender ก้านวง มีสวิชท์สั่งงานต่างๆ ติดตั้งอยู่เต็มไปหมด ก้านวงด้านขวา เป็นสวิชท์สั่งงานของระบบ Adaptive Cruise Control ส่วนด้านซ้ายใช้ควบคุมและปรับตั้งจอภาพมาตรวัด ปุ่มควบคุมระดับเสียงของลำโพง ปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์ ปุ่มเลือกฟังก์ชันของระบบอินโฟเทนเมนท์







สิริรวม ภายในกว้างพอสมควรกับขนาดตัวถังที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก พื้นที่เก็บของหลากหลาย รุ่นท็อป Ultimate X มาพร้อมระบบเสียง Dynamic Sound Yamaha Premium ลำโพง 8 ตำแหน่ง ห้องโดยสาร สีดำ Black / สีน้ำตาล Mocha วัสดุตกแต่งภายใน White Melange Fabric เบาะหุ้มหนังลดความร้อน Anti-Temperature Rise เบาะนั่งด้านหลัง แยกอิสระ 60 : 40 เบาะนั่งด้านหลัง ปรับเอนได้ 8 ระดับ มาตรวัด Full Digital ขนาด 8 นิ้ว หน้าจอกลาง Touchscreen ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย ที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย Wireless Charger ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone ระบบปรับสมดุลอากาศ Nanoe X ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กล่องเก็บของสามารถแช่เครื่องดื่มเย็น Cool Box ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light เรียกว่าเยอะใช้ได้เลยทีเดียว
ระบบความปลอดภัย ADAS
ระบบเบรก ABS / EBD / BA
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASC
ระบบ Active Yaw Control
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ DIAMOND SENSE
ระบบเตือนมุมอับสายตา BSW
ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง RCTA
ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCM
ระบบไฟสูงอัตโนมัติ AHB
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control
ระบบเตือนเมื่อรถด้านหน้าเคลื่อนที่ LCDN
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย)
ระบบเตือนแรงดันลมยาง TPMS









ข้อดีของระบบฟูลไฮบริด ในรถยนต์ทั้งสองรุ่น ก็คือ ความเงียบ ไหลลื่น อัตราเร่งออกตัว ในการใช้ EV PRIORITY MODE และ TARMAC MODE มีประโยชน์ในชีวิตการขับขี่จริงโดยเฉพาะการใช้ความเร็วต่ำในที่ชุมชน การประหยัดน้ำมันในสภาพการจราจรติดขัดรวมไปถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศได้น้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน 100% นั้นเอง
DRIVE MODE โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ
Mitsubishi Xforce HEV มีโหมดการขับขี่ที่ตอบสนองความต้องการในสถานการณ์รูปแบบต่างๆ ถึง 7 รูปแบบ ทั้ง 7 โหมด เปิดมิติการขับขี่ที่ครอบคลุมการใช้งานเกือบจะทุกสภาพเส้นทาง ทั้ง 7 โหมด มีดังนี้
CHARGE MODE : โหมดการชาร์จพลังไฟฟ้าขณะขับขี่ที่จะสามารถชาร์จไฟฟ้ากลับสู่แบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น
EV PRIORITY MODE : โหมดพลังงานไฟฟ้าที่จะเป็นการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ 100%
NORMAL MODE : โหมดขับขี่ธรรมดา สำหรับการขับขี่ในสภาพถนนทั่วไปในชีวิตประจำวัน
WET MODE : โหมดถนนเปียกลื่น สำหรับการขับขี่บนสภาพถนนที่มีความลื่นสูง เช่น ขณะฝนตก
GRAVEL MODE : โหมดถนนลูกรัง สำหรับการขับขี่บนสภาพถนนขรุขระหรือถนนลูกรัง
TARMAC MODE : โหมดถนนลาดยาง สำหรับการขับขี่บนถนนลาดยางมะตอย
MUD MODE : โหมดถนนโคลน สำหรับการขับขี่บนถนนที่เป็นดินโคลน
AYC ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง อีกโหมดที่ช่วยทำให้รถมีความเสถียร ก็คือ AYC ระบบควบคุมการทำงานของล้อด้านในและด้านนอกขณะเข้าโค้ง ให้ทำงานสัมพันธ์กันและรักษาสมดุลของตัวรถทำให้สามารถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ระบบจะช่วยดึงรถกลับเข้ามาอยู่ในเส้นทางหากเริ่มมีอาการเสียหลัก














การขับทดสอบสั้นๆในสนามปทุมธานีสปีดเวย์โดย Mitsubishi Motor Thailand เพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัสกับไดนามิกส์ของรถยนต์รุ่นใหม่ XForce โดยภาพรวม Xforce HEV ULTIMATE X ราคา 1,089,000 บาท ทำได้ดีเกือบทุกสถานี โดยเฉพาะการรักษาสมดุลในโค้งมุมแคบ การถ่ายเทน้ำหนักและการทำงานของ AYC ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง ไม่เปิดโอกาสให้รถเสียหลักและจะเข้ามาแทรกแซงทันทีที่รถเริ่มเสียอาการ ไม่ว่าจะเป็นการขับเข้าโค้งด้วยความเร็วเกินบนทางฝุ่น การดึงรถกลับเข้าสู่เส้นทางในโค้งมุมแคบ โหมด Wet ใช้งานได้ดีเมื่อทดสอบบนผิวแทรคที่เปียกชื้นซึ่งเป็นการจำลองสถานการณ์ขับขี่ขณะที่มีน้ำขังอยู่บนผิวถนน ระบบ Adaptive Cruise Control ช่วยลดอาการเมื่อยล้าเมื่อขับทางไกล หยุดและเคลื่อนตัวตามรถคันข้างหน้า แต่ก็ต้องมีการกดสวิชท์ re-Set ทุกครั้งที่คันหน้าเคลื่อนตัว






สรุป....บางคนมองเรื่องของราคาและเอาไปเทียบกับรถจีนที่ขยันถล่มราคากันแทบจะทุกอาทิตย์ Xforce รุ่นท็อป HEV ULTIMATE X ราคา 1,089,000 บาท มีรูปทรงที่สวยงามใช้ได้ ภายในมีพื้นที่พอเพียงต่อการใช้งาน จอภาพมาตรวัดและจอมอนิเตอร์กลาง คมชัดมองเห็นได้ง่ายและสั่งงานได้เร็วด้วยการสัมผัสที่ปราศจากอาการหน่วงหรือชักช้าเสียเวลา เบาะไฟฟ้า ฝาท้ายไฟฟ้า และเครื่องเสียง dynamic sound yamaha premium sound system กับระบบความปลอดภัยและระบบช่วยขับอีกนับสิบรายการถือว่าพอสมน้ำสมเนื้อกับราคาที่ต้องควักกันเป็นล้าน ยอมรับว่าราคาระดับนี้ พี่มิตซูเค้ายัดของมาให้ใช้เยอะจริง สำหรับคนที่เคยขับ Xpender HEV การลองมาขับ Xforce ก็จะได้รสชาติอีกแบบที่แตกต่างออกไป ครอสโอเวอร์รุ่นนี้ เกาะถนนใช้ได้ ขับบนทางฝุ่นพร้อมโหมดรองรับถือว่าเหนือกว่าคู่แข่งทุกแบรนด์เมื่อวิ่งเร็วๆบนทางลูกรังหรือทางดิน ไว้เอามาเดี่ยวแล้วจะลองว่าที่เคลม 24 กิโลเมตรต่อลิตรนั้นจริงหรือเปล่า เพราะถ้าทำได้ก็ถือว่าเป็นรถที่ประหยัดเอาเรื่องเลยทีเดียวละครับ สำหรับขาเที่ยว มีข้อเสนอพิเศษเมื่อจองซื้อ Mitsubishi Xforce HEV ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม และรับมอบรถภายในวันที่ 31 กรกฎาคม เจอกับแคมเปญ “Early Bird Offers เฉพาะช่วงเปิดตัว” รับบัตรของขวัญที่พักโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา 10,000 บาท.