ข่าวใหญ่ในโลกของรถแฮทช์แบ็กก็คือ MINI ได้เปิดตัวรถรุ่น John Cooper Works ทั้ง Cooper Hatch และ Aceman ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ใช่แล้ว MINI Aceman ก็มีให้เลือกทั้งรุ่นมาตรฐานและรุ่น John Cooper Works ถือเป็นการเปิดตัว JCW รุ่นไฟฟ้าล้วนเป็นครั้งแรกโดยยังคงมีฟิลลิ่งของรถสันดาปแม้จะเปลี่ยนไปใช้มอเตอร์ขับเคลื่อน ตามด้วย John Cooper Works ขับเคลื่อนด้วยเครื่องสันดาปที่มาครบทั้งคูเป้และเปิดประทุน แอบกระซิบว่ารถ JCW รุ่นเครื่องยนต์ที่โชว์ตัวในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ต้องยืมมาจากอินโดนีเซียเลยทีเดียวเพราะใหม่เอี่ยมอ่องแบบส่งมาไทยไม่ทัน
MINI JCW Electric 2,199,000 บาท
...
MINI JCW Aceman Electric 2,399,000 บาท
MINI ได้เปลี่ยนชื่อ 'Hatch' เป็น 'Cooper' สำหรับรถรุ่นสามประตูคันเล็ก แต่น่าเสียดายที่ชื่อนี้ทำให้เกิดปัญหา เมื่อต้องตั้งชื่อรุ่น JCW ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ดังนั้น แทนที่จะใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Mini Cooper John Cooper Works รถเล็กรุ่นใหม่ของอังกฤษที่ครอบครองโดย BMW นี้จึงมีชื่อว่า Mini John Cooper Works Electric และเพื่อเพิ่มทางเลือก MINI Aceman John Cooper Works จึงถูกผลิตออกมาขายพร้อมๆกัน
John Cooper Works Electric ทั้งสองรุ่น เปิดตัวที่งาน Paris Motor Show ทั้งสองใช้ระบบส่งกำลังแบบเดียวกันทุกประการ มอเตอร์ไฟฟ้าขับหน้าของ MINI John Cooper Works Hatch ส่งกำลัง 258 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ไปยังล้อหน้า ทำความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 5.9 วินาที และ 6.4 วินาทีสำหรับ Aceman John Cooper Works ที่ใหญ่กว่าและเทอะทะกว่านิดเดียว ทั้งสองคันทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถเข้าถึงตัวเลขกำลังสูงสุดได้เมื่อกดสวิตช์ 'Boost' แบบใหม่ล่าสุด ที่ติดตั้งไว้อยู่หลังพวงมาลัยด้านซ้าย ปุ่มนี้ จะเพิ่มกำลังขึ้นมาอีก 10 วินาที เอาไว้เร่งแซง หรือต้องการระเบิดพลังงานในช่วงสั้นๆ
...
แบตเตอรี่มีความจุ 54.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง เหมือนกับ Cooper SE รุ่นมาตรฐาน แต่ JCW ไฟฟ้า กลับมีสเปกที่สูงกว่า JCW รุ่นแฮทช์แบ็ก 3 ประตูที่ดูมันสุดๆ สามารถวิ่งได้ 375 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ส่วน Aceman JCW วิ่งได้ 355 กิโลเมตร ทั้งสองรุ่น มีระบบชาร์จ DC รองรับที่ 95 กิโลวัตต์ เคลมว่า ชาร์จจาก 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ได้ในเวลาไม่ถึง 30 นาที
MINI JCW E สามประตู มีมิติตัวถังยาว 3,858 มิลลิเมตร กว้าง 1,756 มิลลิเมตร สูง 1,460 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,526 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้อง 124 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,655 กิโลกรัม
...
MINI Aceman JCW E มีมิติตัวถังยาว 4,079 มิลลิเมตร กว้าง 1,754 มิลลิเมตร สูง 1,514 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,606 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 143 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,750 กิโลกรัม
...
ลองขับสั้นๆ แค่ 5-6 รอบสนาม ในปทุมธานีสปีดเวย์ ด้วยความเร็วที่ไม่สูงเท่ากับการขับในสนามแข่งแบบแทรคที่ไม่ใช่สนามแดรก์ ทั้งสองคัน ยังคงคุณลักษณะที่คู่ควรกับชื่อ JCW ระบบกันสะเทือนแบบใหม่ที่ปรับแต่งค่ามาเฉพาะของ John Cooper Works ตัวช่วย ESP ที่คอยรักษาเสถียรภาพของรถเมื่อใส่โค้งหนักๆ ในจุดนี้ถือว่าทำได้ดีมาก พอรถเริ่มเสียอาการ ระบบจะไม่ปล่อยให้สูญเสียทิศทางไปมากกว่าที่เป็นอยู่ และจะทำการตัดกำลัง หรือเบรกในล้อฝั่งตรงข้ามเพื่อช่วยให้รถกลับเข้าสู่เส้นทางได้อย่างรวดเร็ว MINI JCW E สามประตู มาพร้อมกันทั้งสองอาการ เมื่อขับเร็วในโค้งมุมแคบ มันเริ่มด้วยหน้าดื้อตามด้วยท้ายที่ปัดออกด้านตรงข้ามกับโค้ง แต่ระบบควบคุมการทรงตัวที่ทำงานเร็วจะเข้ามาแทรกแซงและช่วยดึงให้รถกลับเข้าสู่เส้นทางได้ง่ายขึ้น สำหรับการควบคุมรถมินิฟิลลิ่งโกคาร์ต ทั้งสองคันมีชุดแต่งตัวถังที่ดุดันกว่า MINI E รุ่นมาตรฐาน สปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ MINI JCW E ยัดล้อขนาด 18 นิ้ว และ Aceman JCW E ขนาด 19 นิ้ว คาลิปเปอร์เบรกสีแดงและหลังคาสีแดง
จอห์น คูเปอร์ วิศวกรและนักแข่งชาวอังกฤษในตำนาน (ค.ศ. 1923-2000) ไม่มีโอกาศได้เห็นชื่อเต็มของตัวเองที่ถูกนำไปใช้ใน MINI ซึ่งออกแบบโดย BMW ปัจจุบันโลกใบนี้มี MINI John Cooper Works รุ่นใหม่ๆ ออกมาหลายรุ่น แต่ JCW แฮทช์แบ็ก 3 ประตูขนาดเล็ก เป็นรุ่นที่น่าจดจำ ทุกวันนี้ John Cooper Works MINI Hatch มีทั้งไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปภายใน สำหรับคนที่ชอบของใหม่ แต่ JCW EV ถือเป็นการออกนอกลู่นอกทางสำหรับแฟน MINI John Cooper Works ซึ่งเป็นการเข้าสู่ตลาดรถแฮทช์แบ็ก EV ที่กำลังได้รับความนิยม
MINI JCW Hatch พลังไฟฟ้า เร่ง 0-100 ใน 5.9 วินาที มีมอเตอร์ไฟฟ้า 258 แรงม้าที่ทำให้รถพุ่งออกตัวอย่างรวดเร็ว สัมผัสของช่วงล่างส่งถ่ายความกระชับในโค้งมุมแคบและขับสนุกเหมือนเดิม แน่นอนว่ารุ่น EV หนักกว่ารุ่นเครื่องยนต์สันดาปภาย ซึ่งต้องใช้เวลาตะกายจาก 0-100 ใน 6.4 วินาที โดยมีน้ำหนัก 1,425 กิโลกรัม ทำให้ JCW EV รุ่นสามประตูหนักกว่าถึง 230 กิโลกรัม น้ำหนักมาจากชุดแบตเตอรี่ 54.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ติดตั้งตรงกลาง (ใช้งานได้ 49.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง) ให้ระยะทางวิ่งเมื่อชาร์จไฟมาเต็มไกลประมาณ 370 กิโลเมตร กำลังขับเคลื่อนเต็มที่ 258 แรงม้า (มากกว่า Cooper Electric SE ทั่วไป 43 แรงม้า) พร้อมแรงบิด 350 นิวตันเมตร สามารถทำได้เพียงช่วงสั้นๆ ผ่านฟังก์ชัน 'Electric Boost'
ปกติจะเห็นได้ว่ามอเตอร์ถูกจำกัดไว้ที่ 227 แรงม้า เนื่องจากกำลังมาจากมอเตอร์ที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้าเพียงตัวเดียว MINI JCW Electric มีการออกแบบภายนอกที่ต่อยอดจากดีไซน์ของ SE รุ่นมาตรฐาน โดยมีการเพิ่มชุดแต่งและโทนสีกับรูปลักษณ์พร้อมโลโก้ John Cooper Works สีแดง ขาว และดำ แบบใหม่ โดยได้แรงบันดาลใจจากธงตาหมากรุกของมอเตอร์สปอร์ต เป็นการยกย่องมรดกการแข่งรถของ John Cooper ขอบสีดำเงา สเกิร์ตข้างสีดำ แผ่นแอโรไดนามิกที่เสา C สปอยเลอร์หลัง ช่วยเพิ่มพลศาสตร์อากาศ ขณะที่แผ่นสะท้อนแสงแนวตั้งและตัวกระจายอากาศสีแดงตัดกับกันชนหลังสีดำ
ล้อขนาด 18 นิ้ว ปรับให้เหมาะกับหลักอากาศพลศาสตร์ในสีดำ พร้อมแถบสีแดง คาลิปเปอร์เบรกสีแดง Chili Red โลโก้ JCW สีขาวและหลังคาสีแดง Chili Red ส่วนหลังคาสีดำถึงแดงหลายโทนเฉพาะของ John Cooper Works มีให้เลือกเป็นอุปกรณ์เสริม
ภายในโทนสีดำและแดง โดยมีสีสองสีถักเป็นเส้นบนแผงหน้าปัดและแถบผ้าบนพวงมาลัย เบาะนั่งด้านหน้าแบบสปอร์ต หน้าจอสัมผัส OLED แบบวงกลมที่บรรจุฟังก์ชันการใช้งานนับร้อยรายการ เป็นภายในของ MINI ยุคใหม่ที่ดูทันสมัยแต่ยังคงกลิ่นไอคลาสสิคของ MINI ในยุคแรกเอาไว้ ผ้าที่สั่งทอเป็นพิเศษสำหรับเบาะนั่งแบบสปอร์ต แผงแดชบอร์ดหุ้มด้วยผ้าสีแดงและดำที่มีลวดลายพิเศษ พวงมาลัยสปอร์ตจับกระชับมือ แป้น Boost ที่ด้านซ้ายและแถบผ้าที่แปลกตาตรงกึ่งกลางด้านล่างของพวงมาลัย หน้าจอสัมผัส OLED ขนาด 9.5 นิ้ว รวมถึงจอแสดงผลการขับขี่สมรรถนะสูงที่ประกอบด้วยมาตรวัด G-Force และมาตรวัดความเร่ง MINI John Cooper Works Electric ถือเป็นตัวแรงพลังไฟฟ้าล้วนรุ่นแรก แบบ 3 ประตู มาพร้อมช่วงล่างที่ผ่านการปรับจูนมาในสไตล์ JCW ให้ความรู้สึก “Go-Kart feeling” ภายในห้องโดยสาร ยังเต็มไปด้วยโทนสีแดงและดำอันเป็นเอกลักษณ์ของจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ทั้งพวงมาลัยสปอร์ต JCW สีดำที่ประดับด้วยตะเข็บสีแดงและหุ้มผ้าที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาเพื่อให้จับถนัดมือ เบาะสปอร์ต JCW ให้การรองรับที่มั่นคงระหว่างการขับขี่แบบสุดตัว ตกแต่งด้วยตะเข็บสีแดงตัดกับหนังเทียมสีดำเช่นเดียวกับผิวหน้า ของคอนโซล นอกจากนี้ ระบบ MINI Experience Modes ในรุ่นนี้ ยังมีโหมด Go-Kart ที่เพิ่มเข้ามาสำหรับรถยนต์ ตระกูล JCW โดยเฉพาะเพื่อเติมกลิ่นอายของมอเตอร์สปอร์ตให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยโหมดนี้จะตั้งค่าพวงมาลัย ให้ไวมากขึ้น คันเร่งตอบสนองเร็วขึ้น และแสดงข้อมูลเพิ่มเติมบนหน้าจอ OLED ทรงกลมด้านหน้า ทั้งแรงบิด กำลังเครื่องยนต์ และแรง G แบบเรียลไทม์
จอแสดงผลบนกระจกบังลม ระบบชาร์จไร้สาย ระบบช่วยปรับไฟสูง เบาะนั่งด้านหน้าปรับอุณหภูมิได้ และแพ็คเกจกระจกมองข้าง ระบบเสียง Harmon Kardon เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว กล้องรอบทิศทาง 4 ตัว ทำให้ MINI John Cooper Works Electric ระบุช่องสำหรับการจอดรถในที่ว่างได้แม่นยำยิ่งขึ้น ระบบจะเริ่มการจอดรถโดยอัตโนมัติในพื้นที่ที่มีพื้นที่จำกัด ขณะเดียวกัน ฟังก์ชันจอดรถระยะไกลซึ่งรวมอยู่ในตัวเลือก Parking Assistant Plus จะทำให้สามารถจอดรถได้โดยใช้สมาร์ทโฟน เนื่องจากไม่มีประตูหลัง ทำให้พื้นที่ด้านหลังค่อนข้างคับแคบ ประตูท้ายรถมีพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดเล็ก 210 ลิตร เมื่อพับพนักพิงหลังแบบ 60:40 ลงแล้ว จะมีพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มเป็น 725 ลิตร
MINI John Cooper Works Electric ชาร์จได้โดยใช้ไฟกระแสสลับ 11 กิโลวัตต์และไฟกระแสตรงสูงสุด 95 กิโลวัตต์ ใน สถานีชาร์จด่วน DC แบตเตอรี่ของทั้งสองรุ่นสามารถชาร์จจาก 10 ถึง 80% ได้ในเวลาไม่ถึง 30 นาที การใช้ MINI Navigation ทำให้มั่นใจได้ว่าแบตเตอรี่แรงดันไฟสูงจะถึงอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อการชาร์จล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดเวลาในการชาร์จ สามารถปรับการชาร์จให้เหมาะสมกับตารางเวลาได้ ตั้งเวลาเริ่มชาร์จ กำหนดเวลาชาร์จที่ใช้งานได้ และกำหนดความจุแบตเตอรี่เป้าหมายตามเวลาออกเดินทาง ส่วนแอพ MINI ใช้ดูภาพรวมสถานะของรถยนต์และกระบวนการชาร์จได้อย่างสะดวก รวมถึงสถานะแบตเตอรี่ปัจจุบัน แผนเส้นทางที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับการชาร์จ และประวัติการชาร์จ ในที่สุด ผู้ขับขี่สามารถสั่งให้เครื่องปรับอากาศในห้องโดยสารทำงานตามเวลาออกเดินทางที่กำหนดได้
MINI John Cooper Works Electric สีเทา Legend Grey, แดง Chili Red II, ขาว Nanuq White, ดำ Midnight Black II และน้ำเงิน Blazing Blue
MINI John Cooper Works Aceman น้องใหม่ล่าสุด ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า กำลัง 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้า เหมือนกับ MINI John Cooper Works Electric รุ่น 3 ประตู แต่มีห้องโดยสารที่กว้างกว่าและตัวถังที่ยกสูงจากพื้นมากขึ้น ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 6.4 วินาที แบตเตอรี่แรงดันสูง ขนาด 54.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จเต็มวิ่งไกล 355 กิโลเมตร ( WLTP) ชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้ในเวลา 31 นาที ด้วยระบบชาร์จไฟกระแสตรง 95 กิโลวัตต์ หรือ 5 ชั่วโมง 30 นาที ด้วยระบบชาร์จไฟกระแสสลับ 11 กิโลวัตต์
ดีไซน์เฉพาะตัวแบบ John Cooper Works ลายคาดสปอร์ตสีแดง-ดำ หลังคาและฝาครอบกระจกมองข้างโทนสีเดียวกัน JCW Aceman ใส่ล้ออัลลอย John Cooper Works ขอบ 19 นิ้ว ลาย Strive Spoke ทูโทน ห้องโดยสารมีหลังคากระจกพาโนรามา ตกแต่งภายในสไตล์ John Cooper Works พวงมาลัย JCW เฉพาะรุ่น เบาะนั่งสปอร์ต จอแสดงผล OLED ทรงกลม ฟังก์ชัน MINI Experience Modes รองรับโหมด Go-Kart ระบบ Digital Key Plus ใช้สมาร์ทโฟนเป็นกุญแจรถแบบดิจิทัล ล็อกและปลดล็อกรถได้โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า ทั้ง MINI John Cooper Works Aceman และ John Cooper Works Electric มาพร้อมฟังก์ชัน Remote Parking ที่ช่วยควบคุมการจอดและนำรถออกจากที่จอดผ่านสมาร์ทโฟนได้
MINI John Cooper Works Aceman สีเทา Legend Grey, แดง Chili Red II, ขาว Nanuq White และดำ Midnight Black II
ส่วน JCW รุ่นสันดาปภายใน MINI John Cooper Works หลังคาแข็งและ Convertible เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงสี่สูบ TwinPower Turbo ความจุ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 170 กิโลวัตต์ / 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ ร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.1 วินาที ส่วน JCW Convertible ทำเวลา 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ 6.4 วินาที ความเร็วสูงสุดของทั้งสองรุ่นอยู่ที่ 250 และ 245 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
หลังคาผ้าของรุ่น JCW Convertible เปิดออกได้ในเวลา 18 วินาที ขณะขับขี่ที่ความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งสองรุ่นติดตั้งโลโก้ JCW แบบใหม่ที่ด้านหน้า กระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยมสีดำเงาแ ช่องรับอากาศขนาดใหญ่ ท้ายรถมีดิฟฟิวเซอร์สีดำ ชุดท่อไอเสียติดตั้งตรงกลาง ล้ออัลลอย John Cooper Works ขนาด 18 นิ้ว แบบ Lap Spoke ทูโทน
MINI John Cooper Works และ John Cooper Works Convertible 2025 มาพร้อมโหมด Go-Kart ที่ใช้งานได้ผ่าน MINI Experience Modes โหมดนี้จะปรับพวงมาลัยและคันเร่งให้ตอบสนองไวขึ้น แสดงข้อมูลสมรรถนะเพิ่มเติมบนหน้าจอ OLED ทรงกลม ทั้งสองรุ่นยังรองรับการเข้าถึงตัวรถด้วยระบบ MINI Digital Key Plus.