ในโลกแห่งยนตรกรรม รถซาลูนหรูอีกยี่ห้อที่คุณจะลืมไม่ได้ก็คือ หนึ่งเดียวของแบรนด์สี่ห่วงที่มาพร้อมกับช่วงล่างระดับเทพ ใช่ครับ นี่คือ Audi A8L 60TFSI e Quattro S Line ยานแม่ของผู้บริหารระดับสูง Audi A8L ปลั๊กอินไฮบริด โฉมล่าสุด มาพร้อมกับรหัสตัวถัง D5 สำหรับรุ่นที่นำมารีวิวในอาทิตย์นี้ เป็น A8 รุ่นปรับโฉมฐานล้อยาวพิเศษ LWB ความยาวฐานล้อที่มากกว่ารุ่นมาตรฐาน เพิ่มพื้นที่และมอบท่านั่งที่ผ่อนคลายยามเดินทาง เบาะหลังคล้ายโซฟาชั้นดีในเรือนรับรองอย่างหรู ท่านั่งในตำแหน่งเบาะผู้โดยสารตอนหลังของ A8L ทำให้ผู้บริหารระดับสูงและเศรษฐีบางคนที่ซื้อรถรุ่นนี้มักจะขับ ด้วยตัวเองมากกว่าจะมอบหน้าที่อันแสนสนุกให้กับคนขับรถที่รู้ใจ

...

Audi A8 L 60 TFSI e quattro Prestige S Line ราคา (นำเข้า) 7,199,000 บาท

A8 ยานยนต์หรูเจเนอเรชันที่ 4 ของ Audi หลังจากเปิดตัวในปี 2560 ก็ขายเรื่อยมาพร้อมการปรับโฉม และอุปกรณ์อย่างต่อเนื่องเพื่อความทันสมัย เมื่อเวลาเดินมาถึงปี 2566 A8 ใหม่ มีการยกประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนทั้งหมดให้สะอาดขึ้น มลพิษลดลงและประหยัดกว่าเดิม พละกำลัง รูปลักษณ์ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ระบบความปลอดภัยใน A8 ใหม่นั้นดีขึ้นทุกจุด ระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดในซาลูนรุ่นเรือธง เปิดเผยรูปลักษณ์ให้เห็นถึงแนวทางงานออกแบบในอนาคตที่ก้าวล้ำ ดีไซน์ที่เฉียบคม ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ความสะดวกสบายในตำแหน่งเบาะหลัง กลายเป็นนิยามและแนวคิดระดับพรีเมียมของยานยนต์สี่ห่วงในเซกเมนต์สูงสุด A8L รุ่นเสียบปลั๊กชาร์จไฟยังคงเอกลักษณ์เดิม เปรียบเสมือนการเป็นตัวแทนของความสะดวกสบาย องคาพยบทั้งคันพัฒนาโดยวิศวกรที่เชี่ยวชาญด้านการปรับแต่ง ผนวกกับความสามารถในการควบคุม ความแม่นยำในทุกรายละเอียดของงานประกอบ A8 60TFSI e เป็นได้ทั้งรถยนต์นั่งแสนสบาย และรถยนต์สำหรับการขับทางไกลที่ดีเยี่ยม

...

ความเป็น Luxury Car หรือ Premium Car ของเยอรมัน ส่งผลให้ A8L 60TFSI e ทำตัวแตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยเรือนร่างที่สง่างาม ฐานล้อยาวเหยียด เครื่องยนต์อัปเกรดให้ทรงพลังมากกว่าเดิมระบบอัดอากาศแบบทวินเทอร์โบ ระบบไฟฟ้าเสริมแรง Plug in Hybrid เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro รหัส D5 ของ A8L มีการนำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI artificial intelligence เข้ามาใช้งานเป็นแบรนด์แรกของโลกยนตรกรรม เพื่อคอยช่วยเหลือการจัดการต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับระบบช่วยขับ เช่น adaptive cruise control และ active lane assist เวอร์ชันล่าสุด

...

หน้าตาท่าทางแตกต่างไปจาก S-Class S580e และ Series-7 750e เกิดจากดีไซน์ที่แปลกแยกของ Audi การควบรวมอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่อาจคล้ายกับรถของคู่แข่งทั้งสองค่าย A8L มี Dynamic หลังพวงมาลัยพร้อมความนุ่มนวล ด้วยช่วงล่างถุงลมแบบปรับระดับได้ ในขณะเดียวกัน การจูนช่วงล่างในสไตล์ Audi โดยปรับให้มีความนุ่มในโหมด Comfort เพื่อความสบายขณะเดินทาง เรือนร่างที่ซ่อนความดุของ Audi A8 จากงานดีไซน์ที่มีความสง่างามและกลมกลืน ด้านหน้าติดตั้งไฟหน้ามาตรฐาน ใช้ไฟ LED พร้อมไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Runing Light และระบบไฟอัตโนมัติ Adaptive ยกหรือลดไฟสูงอัตโนมัติเมื่อขับบนถนนที่ปราศจากแสงไฟ ไฟ Matrix LED Headlights กำลังในการส่องสว่างแรงและไกล 600 เมตร ทำให้สามารถสังเกตการณ์ถนนด้านหน้าเมื่อขับตอนกลางคืนได้ดี กระจังหน้าแบบใหม่เต็มไปด้วยลายละเอียด ทำให้ส่วนหน้าของ A8L ดูดุดัน ชุดกระจังทรง 6 เหลี่ยม ทำจากพลาสติกสีดำเงาล้อมกรอบกระจังแบบตัดขอบด้วยพลาสติกโครเมี่ยม เมื่อยืนหันหน้าเข้าหารถจะเห็นตราสัญลักษณ์ Quattro เล็กๆ บริเวณมุมด้านซ้าย กันชนหน้าเชื่อมโยงเส้นสายของไฟหน้า กระจังหน้าและฝากระโปรงหน้า เป็นลักษณะการออกแบบยุคใหม่ที่มีการยกเส้นขอบของฝากระโปรงหน้าเพื่อปรับให้สอดรับกับแนวของไฟหน้า เส้นโครเมี่ยมเล็กๆ ในชุดกระจังยังทำให้หน้าตาของ Audi A8L ดูหรูหราแบบเรียบร้อยแต่แฝงด้วยความดุดันจากความใหญ่โตของกระจังและขนาดความกว้างของตัวถัง

...

ไฟหน้า Digital Matrix LED และไฟท้ายแบบ OLED
ไฟหน้า Digital Matrix LED เทียบได้กับเครื่องฉายวิดีโอ ใช้เทคโนโลยี DMD (digital micromirror device) อุปกรณ์กระจกไมโครดิจิทัล ไฟหน้าแต่ละดวงมีกระจกขนาดเล็กประมาณ 1.3 ล้านชิ้น ทำหน้าที่แบ่งแสงออกเป็นพิกเซลเล็กๆ ช่วยปรับการมองเห็นในที่มืด เพิ่มแสงสว่างบนถนนที่ปราสจากแสงไฟ ทำให้สามารถควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ ฟังก์ชันใหม่ที่ทำให้เรื่องที่ยากมีความเป็นไปได้ นั่นก็คือไฟช่องทาง และไฟแสดงทิศทางสำหรับขับขี่บนทางหลวง ไฟหน้าจะเปล่งแสงส่องสว่างเฉพาะเลนของคนขับให้สว่างเป็นพิเศษ ไฟแสดงทิศทาง ออกแบบการทำงานเพื่อช่วยให้ผู้ขับอยู่ในเลนของตนเอง เมื่อขับผ่านถนนที่กำลังมีการก่อสร้างซึ่งมักจะไม่มีเส้นแบ่งช่องทาง และอาจก่อให้เกิดอันตราย ไฟหน้า Matrix LED แบบดิจิทัล พร้อมฟังก์ชัน coming home/leaving home แบบไดนามิก เมื่อปลดล็อกและออกจากรถ ระบบไฟจะส่องแสงสว่างคล้ายกับเครื่องสไตล์ที่ฉายบนพื้น หรือผนัง A8 รุ่นปรับโฉมยังมาพร้อมกับไฟท้าย OLED แบบดิจิตอล (OLED = organic light-emitting diode) เมื่อเลือกโหมด Dynamic ไฟท้าย OLED จะทำการปรับเปลี่ยนรูปแบบภายในกรอบไฟท้ายให้กว้างขึ้น เพิ่มความสว่างมากกว่าเดิม ระบบควบคุม และสั่งงานไฟท้ายจะทำงานด้วยการเปิดไฟ OLED ในรูปแบบเฉพาะในโหมดสูงสุดเท่านั้น แม้ในตอนกลางวัน เมื่อมีรถคันอื่นวิ่งเข้ามาใกล้กับส่วนท้ายของ A8 ภายในระยะ 2 เมตร ระบบ OLED ทั้งหมดจะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติทันที สำหรับฟังก์ชันเพิ่มเติมได้แก่ สัญญาณไฟเลี้ยวแบบไดนามิก รวมถึงฟังก์ชัน coming home/leaving home

รถยนต์อย่าง Audi A8L สีเงิน Floret silver metallic แสดงถึงสถานะและอำนาจของสายงานบริหาร คนที่นั่งเบาะหลังส่วนใหญ่เป็นนายกรัฐมนตรี ประธานบริษัทมูลค่าหลายหมื่นล้าน นักการทูต หรือแม้แต่มาเฟียตัวเอ้! ภายนอกของมันจึงดูเหมือนเป็นเครื่องมือที่แสดงออกถึงความมั่นใจ กระจังหน้าแบบใหม่ Singleframe กว้างขึ้น มุมโครเมียมที่เพิ่มขนาดจากล่างขึ้นบนประดับประดาชุดกระจังหน้าอย่างหรู กรอบกระจกรอบคันหุ้มด้วยวัสดุโลหะสีเงิน ช่องรับอากาศด้านข้างตั้งตรงมากขึ้นจากสไตล์การออกแบบที่เน้นความสดใหม่ ไฟหน้าใหม่ ขอบด้านล่างด้านนอกสร้างรูปทรงที่แปลกตา และแตกต่างไปจากรถคู่แข่งอย่างชดเจนในด้านของเอกลักษณ์ และสไตล์ที่ค่อยๆ ปรับเปลี่ยน องค์ประกอบของการจัดวางที่แม่นยำที่ส่วนหน้าของรถ เพิ่มการแสดงตัวตนและอำนาจอย่างโจ่งแจ้ง ไฟท้าย OLED สว่างคมชัดพร้อมลูกเล่นการเรียงแสงไฟที่แสดงให้เห็นถึงเทคนิคใหม่ของไฟท้าย 

ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม Adaptive Air Suspension ปรับระดับการทำงานไปตามสภาพถนนและสไตล์การขับขี่ผ่านโหมดควบคุมการขับเคลื่อน ทรงด้านข้างมีความยาว 5 เมตร ยาวสูสีกับ BMW 750e และ S580eแนวของเสาหน้าที่สอดรับกับผืนหลังคาค่อยๆ ลาดเอียงลงไปจนถึงเสาหลัง มือจับที่เปิดประตูสีเดียวกับตัวถังโดยมีชิ้นงานพลาสติกโครเมี่ยมสีเงินเพื่อยกระดับของความหรู กรอบกระจกบานประตูทั้งสี่ เดินเส้นด้วยโลหะสีเงิน เสาอากาศทรงเรียวเล็กติดอยู่บริเวณกึ่งกลางบนสุดส่วนท้ายของผืนหลังคา เส้นด้านข้างตัวถังคมชัด ล้ออัลลอยลาย 10 ก้านคู่แบบใหม่ สวยงามล้างทำความสะอาดด้านในได้ ล้อขอบ 20 นิ้ว ห่อรัดด้วยยาง Bridgestone Potenza ขนาด 265/40 R20 เท่ากันทั้งสี่ล้อ มิติตัวถัง ยาว 5,320 มิลลิเมตร กว้าง 1,945 มิลลิเมตร สูง 1,488 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 3,128 มิลลิเมตร หนัก 2,480 กิโลกรัม ตัวถังของ A8L ใหม่ ใช้หลักการ Audi Space Frame (ASF) ประกอบด้วยชิ้นส่วนอะลูมิเนียมถึง 58 เปอร์เซ็นต์ ห้องโดยสารมีส่วนประกอบของเหล็กขึ้นรูปร้อน เสริมด้วยแผงด้านหลังที่มีความแข็งแรงสูงเป็นพิเศษ วัสดุสังเคราะห์ที่ห่อหุ้มห้องโดยสารมีความแข็งแกร่งสูง ทำจากโพลีเมอร์เสริมคาร์บอนไฟเบอร์ แท่งสตรัททาวเวอร์ทำจากแมกนีเซียม เติมเต็มแนวคิดโครงสร้างน้ำหนักเบา ความแข็งแกร่งของ Body ถือเป็นการวางรากฐานใหม่สำหรับการควบคุมที่แม่นยำ เน้นความสบาย การเก็บเสียงและความปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ 

ไฟท้าย OLED ทรงยาว มีหลอด LED จำนวน 135 ยูนิตต่อข้าง ระบบไฟท้ายแบ่งแยกการทำงานออกเป็น 6 กลุ่มหลัก เช่น ไฟหรี่ ไฟถอย ไฟตัดหมอก ไฟเบรกและไฟเลี้ยว พร้อมไฟกระพริบฉุกเฉินเมื่อใช้เบรกแบบกะทันหัน A8L ใหม่ ยังมาพร้อมกับการลดความหนาของฝากระโปรงท้าย ชุดไฟที่เชื่อมต่อกันยาวตลอด เดินเส้นคาดกลางชุดไฟท้ายด้วยพลาสติกโครเมี่ยมเส้นเล็ก ฝากระโปรงท้ายยกมุมแบบตูดเป็ดบริเวณขอบของฝาท้าย เชื่อมต่อกับแนวของเสาหลังที่สอดรับกับไฟท้ายทรงยาว กันชนหลังมีพลาสติกแผงมัลติรีเฟคเตอร์ติดอยู่ที่มุมของกันชนทั้งสองข้าง ท่อระบายอเสียถูกซ่อนอยู่ด้านในโดยมีชิ้นงานพลาสติกโครเมี่ยมสีเงินทำเป็นทรงเหลี่ยมที่ดูคล้ายท่อมาตกแต่งแทนท่อจริงที่มองแทบไม่เห็น ฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์ที่คอยตรวจจับการใช้เท้ากวาด และจะเปิดออกแบบอัตโนมัติหรือใช้การกดปุ่มเปิดก็ได้ทั้งนั้น

Aero Dynamic ของ Audi นั้นมีความเข้มข้นด้านพัฒนาการ ถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญในลำดับต้นๆ ของการออกแบบรถรุ่นเรือธง ใต้ท้องรถถูกปิดเพื่อป้องกันกระแสลมหมุนวนด้วยวัสดุ PVC ตัวเลขค่าสัมประสิทธิ แรงเสียดทานอากาศของ Audi A8L 60TFSI e Quattro S Line อยู่ที่ 0.26 (cd0.26) เป็นผลมาจากการออกแบบและปรับปรุงระบบอากาศพลศาสตร์ซึ่งมีส่วนอย่างมากในการเพิ่มประสิทธิภาพของการทรงตัวและอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง มีการทดสอบในขั้นตอนของการวิจัยและพัฒนา ด้วยการนำเอารถเข้าไปในอุโมงค์ลม พร้อมกับทดสอบความเร็วของลมในระดับ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อปรับให้ตัวถังและวัสดุซับเสียงช่วยป้องกันเสียงลมในย่านความเร็วสูง บริเวณซุ้มล้อทั้งสี่ ซึ่งเป็นจุดที่สร้างแรงต้านทานอากาศขณะขับเคลื่อน สูงถึง 40-50% ของพื้นที่ตัวถังทั้งหมด มีการปรับให้ล้อและซุ้มล้อมีส่วนช่วยในการลดแรงต้านของกระแสลมได้ถึง 0.03 (cd0.03)ใต้ซุ้มล้อ หุ้มด้วยฉนวนป้องกันเสียง ทั้งเสียงยางและเสียงลม รวมถึงการผลึกความแน่นหนา บริเวณแผงกั้นระหว่างห้องผู้โดยสารตอนหลังกับห้องเก็บสัมภาระส่วนท้าย โดยใช้วัสดุ CFRP carbon fiber reinforced plastic ออกแบบให้มีขนาดความหนามากถึง 19 ชั้น ทำเป็นแผงกั้นในส่วนของ Firewall ทำให้ห้องโดยสารของ A8L เหมือนถูกปิดผลึกมาเป็นอย่างดี 

มุมมองด้านข้างมีบุคลิกของรถซาลูนหรูดูสะดุดตาด้วยวัสดุสีเงินกับล้ออัลลอยเงาแวววาว โดมหลังคาแบนราบ เส้นสายที่เหยียดยาวบริเวณด้านข้าง โดยเฉพาะเส้นข้างด้านบน ช่วยเน้นขนาดความยาวของตัวถัง ส่วนโค้งของซุ้มล้อกว้างขึ้น บ่งบอกถึงระบบขับเคลื่อน Quattro Ultra เส้นด้านข้างตัวถังที่คมชัด ลากจากแก้มข้างไปสุดที่มือจับที่เปิดบานประตูหลัง บั้นท้ายมาพร้อมไฟท้าย OLED แบบใหม่ เชื่อมต่อไฟท้ายทั้งสองฝั่งด้วยเส้นโครเมียม ไฟท้ายปรับแต่งการส่องสว่างได้เฉพาะตัวด้วยเทคโนโลยี OLED ควบคุมการทำงานด้วยระบบดิจิตอล แถบไฟภายในแบ่งส่วนที่เชื่อมต่อกันให้มุมมองที่ลึกและชัดเจน ดิฟฟิวเซอร์ที่กันชนหลัง Audi A8 60TFSI e มีช่องรับอากาศที่ปรับการไหลให้เหมาะสมภาย ท่อท้ายปลอมทรงเหลี่ยมที่ตกแต่งอยู่ด้านนอกใต้กันชนหลัง ส่วนท่อจริงนั้นซ่อนอยู่ข้างในและถูกปิดบังเอาไว้ด้วยกันชนหลังทรงหรู เป็นรายละเอียดการออกแบบสไตล์สปอร์ตที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ Audi

นอกเหนือจากรูปลักษณ์ภายนอกที่สง่างามแล้ว Audi ยังจัดแพ็กเกจชิ้นงานตกแต่งภายนอกแบบโครเมียมให้กับลูกค้าไทย เป็นครั้งแรกของ A8L 60TFDI e Quattro ที่มาพร้อมกับแพ็คเกจอุปกรณ์ตกแต่งภายนอก S line ใหม่ล่าสุด ทีมดีไซน์ปรับด้านหน้าให้มีสัมผัสแบบไดนามิก สร้างความแตกต่างจากรุ่นพื้นฐานให้มากกว่าเดิม ล้ออัลลอยลายใหม่แบบสิบก้านคู่ที่โดดเด่น บริเวณใกล้กับช่องรับอากาศด้านข้างของกันชนหน้าออกแบบให้มีมิติที่ลึกและซับซ้อน เพื่อทำให้ส่วนหน้าของเรือธงรุ่นปรับโฉมดูดีขึ้นกว่าเดิม

สีของ A8L มีทั้งหมด 11 สี ได้แก่ สีเขียวเมทัลลิก new metallic district green สีเขียวใหม่ Firmament blue สีฟ้าใหม่ สีเทา Manhattan gray สีน้ำเงิน Ultra blue Audi A8 ยังมีออปชันเสริมที่ต้องจ่ายเพิ่มหากต้องการสร้างความแตกต่างอย่างสะดุดตา ด้วยสีเคลือบด้าน 5 สี ได้แก่ สีเทา Daytona Grey, สีเงินยวง Floret Silver คันทดสอบ , สีเขียวกระจ่าง District Green, สีเทา Terra Grey และสีขาวด้าน Glacier White ด้วยโปรแกรมพิเศษของ Audi เฉพาะสีที่ลูกค้าสั่งแล้วจ่ายเงินเพิ่ม!

ภายในของ A8 คล้ายห้องรับแขกที่มีการปรับแต่งให้กว้างและโปร่งโล่ง ชุดไฟ Ambient Light Plus ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยการเรืองแสงอย่างหรูในยามค่ำคืน ไฟอ่านหนังสือที่ด้านหลังก็ยังใช้เทคโนโลยี Matrix LED เบาะนั่งและอุปกรณ์ของเบาะใน A8 รุ่นปรับปรุง ถูกเน้นด้านความหลากหลายของการใช้งาน การปรับท่านั่งที่ครอบคลุม ทำให้การควบคุมรถ หรือนั่งโดยสารทำได้อย่างสบายตัว โดยเฉพาะเบาะหลังซึ่งมีออปชันเสริมให้เลือก ที่นั่งพักผ่อนใน A8 L4 ถือเป็นจุดสุดยอดของโปรแกรมการพัฒนายานยนต์ลีมูซีนระดับบน มีที่วางเท้าที่ด้านหลังของเบาะผู้โดยสาร สามารถเปิดใช้งานเพื่อให้ความอบอุ่น และนวดฝ่าเท้าได้หลายระดับ แพ็กเกจที่นั่งพักผ่อน ประกอบด้วยการนวดหลังพร้อมเบาะรองนั่งแบบนิวแมติก กับระบบนวด 18 ตำแหน่ง พนักพิงศีรษะปรับด้วยไฟฟ้า แดชบอร์ด และคอนโซลกลางเชื่อมต่อกันอย่างกลมกลืนกับจอภาพและช่องแอร์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบดีลักซ์สี่โซน หน้าจอแบบใหม่ที่ด้านหลัง ตู้เย็นสำหรับแช่เครื่องดื่ม (ออปชันเสริม) รวมถึงช่องวางเครื่องดื่มพวกขวดแชมเปญ ควบรวมอยู่ในโปรแกรมตกแต่งพิเศษของ Audi ที่เน้นความสะดวกสบายในสภาพแวดล้อมที่วุ่นวาย

รูบนหนังที่ใช้หุ้มเบาะ, ม่านบังแสงเปิดและปิดด้วยไฟฟ้า, ช่องแอร์บริเวณเสากลาง ผ้ากำมะหยี่ที่นุ่มสบาบบนพนักพิงศีรษะ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Valcona สีน้ำตาลคอนยัค วัสดุไมโครไฟเบอร์ Dinamica สีขาวหุ้มบริเวณขอบเสาหน้า กลาง หลัง และเพดานรถทั้งหมด ลักษณะเฉพาะของ A8 ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ก็คือ การกำหนดค่าโทนสีภายในที่มีให้เลือกตามใจลูกค้า รวมถึงการออกแบบของ Audi ในสีเงินพาสเทล และภายใน S line สีดำ สีแดงเมอร์โลต์ หรือคอนญัก แพ็กเกจเครื่องหนังและอุปกรณ์เครื่องหนังหลายรายการจาก Audi Exclusive เป็นออปชันเสริมราคาแพงที่มีให้เลือกมากมาย พร้อมแพ็กเกจระบบเสริมคุณภาพอากาศด้วยเครื่องสร้างประจุไอออน และกลิ่นหอมที่ทำให้สดชื่น

MMI Navigation plus เป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน Audi A8 60TFSI e เชื่อมโยงกับระบบ Infotainment แบบโมดูลาร์รุ่นที่สาม (MIB 3) ออกแบบคล้ายเฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งในห้องนั่งเล่นด้วยโทนสีดำขลิบเงิน A8L PHEV ยังติดตั้งหน้าจอแบบใหม่ที่ด้านหลัง จอภาพปรับแต่งขนาดให้เหมาะกับการใช้งาน ตามความคาดหวังของผู้โดยสารเบาะหลังในปัจจุบัน ด้วยจอแสดงผลขนาด 10.1 นิ้ว จำนวน 2 จอ ความละเอียดระดับ Full HD ติดอยู่ที่ด้านหลังของเบาะหน้า จอภาพแสดงเนื้อหาจากอุปกรณ์ของผู้โดยสาร สามารถรับสตรีมเสียง และวิดีโอผ่านการแคสต์ รวมถึงจากแพลตฟอร์มสตรีมมิง 

ระบบเสียง Bang & Olufsen ปรับแต่งพิเศษ สำหรับนักฟังที่ชื่นชอบเสียง Hi-Fi มีการนำระบบเสียง 3D สู่เบาะหลัง แอมพลิฟายเออร์กำลังขับ 1,920 วัตต์ ลำโพง 23 ตำแหน่ง พร้อมเลนส์ทวีตเตอร์ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าจากแผงหน้าปัด ผ่านรีโมทตสำหรับเบาะหลังซึ่งติดตั้งอย่างแน่นหนากับที่วางแขนตรงกลาง สามารถควบคุมฟังก์ชันความสะดวกสบาย และความบันเทิงได้จากแผงควบคุมบนพนักเท้าแขนบริเวณเบาะหลัง ชุดควบคุมพร้อมหน้าจอสัมผัสมีขนาดใหญ่พอๆ กับสมาร์ทโฟน

การสั่งงานและการปรับตั้งค่ารวมถึงการแสดงผลต่างๆ ด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ติดตั้งอยู่ตรงหน้าในตำแหน่งคนขับ เป็นมาตรวัดจอภาพแบบ TFT thin film transistor LCD หน้าปัดมาตรวัดของ A8L คล้ายกับมาตรวัดจอภาพใน A7 และ Q8 สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้อย่างหลากหลาย เช่น ปรับให้ชุดมาตรวัดรอบและความเร็วเล็กลงโดยนำเอาเนวิเกเตอร์ หรือระบบนำทางด้วยดาวเทียมมาไว้ตรงกลางจอภาพ ปรับให้ขนาดของมาตรวัดรอบและมาตรวัดความเร็วมีขนาดที่ใหญ่กว่าปกติโดยสามารถนำข้อมูลต่างๆ มาแสดงไว้ตรงกึ่งกลางระหว่างมาตรวัดทั้งสอง จอภาพมาตรวัด TFT thin film transistor LCD ยังหลอมรวมการแสดงผลแบบ MID หรือ multi information display โดยทำการแสดงผลของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ระบบมัลติมีเดีย วัน เดือน ปี และอุณหภูมิภายนอกห้องโดยสาร คำนวนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง แจ้งเตือนการใช้พลังงาน รวมถึงเป็นจอมอนิเตอร์เล็กๆ ของระบบความปลอดภัย Audi Driver Assist

พวงมาลัยทรงสี่ก้าน หนังที่ใช้ห่อหุ้มรอบวงจับได้กระชับมือแต่แป้น Paddle Shift มีขนาดเล็กเหมือนเดิม พวงมาลัยของ A8L บริเวณก้านวงด้านขวา เป็นที่อยู่ของสวิตช์สั่งงานด้วยเสียง ปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์บูลธูท ปุ่มเร่งหรือลดเสียงจากลำโพงและปุ่มเล็กๆ สำหรับการเลือกสถานีวิทยุหรือการเลือกเพลงจากการเล่นผ่าน USB, DVD, CD, MP3 สวิตช์ที่ก้านวงด้านซ้ายสำหรับการปรับตั้งหรือเลือกแสดงผลผ่านจอภาพมาตรวัด Virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายและตอบสนองรวดเร็วเมื่อกดสั่งงาน สำหรับซุ้มเกียร์ก็ยังคงความหรูหราของชาติพันธุ์รถซาลูนชั้นดีจากงานตกแต่งด้วยวัสดุอะลูมิเนียมกับดีไซน์ของคันเกียร์ที่คล้ายคันเร่งของเรือแข่งความเร็วสูง

Audi A8L 60TFSI e quattro เรือธงรุ่น Plug-in Hybrid (PHEV) ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรงบิดขนาดกะทัดรัด เชื่อมต่อการทำงานกับระบบเกียร์ เครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาดความจุ 3.0 ลิตร TFSI แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ด้านหลัง เก็บพลังงานไฟฟ้า 17.9 kWh กำลังของเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า รวม 340 kW หรือ 462 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร Audi A8 L 60 TFSI e quattro เร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ใน 4.9 วินาที รุ่น Plug-in Hybrid มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 โหมด เร่ิมจากโหมด “EV” การขับขี่ด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โหมด “Hybrid” การผสานรวมระบบขับเคลื่อนทั้งสองแบบ (เครื่องยนต์ + มอเตอร์) อย่างมีประสิทธิภาพ โหมด “Hold” การอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าที่มีอยู่ โหมด "ชาร์จ" เครื่องยนต์สันดาปจะทำหน้าที่ชาร์จแบตเตอรี่ สำหรับกาชาร์จไฟที่บ้าน หรือสถานีชาร์จ สามารถชาร์จสูงสุดด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC 7.4 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จจาก 0 ไปจนถึง 100% ภายใน 55 นาที และขับไกลด้วยโหมด EV ที่ 52 กิโลเมตร

Audi ปรับการทำงานของเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลังหรือเกียร์ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro และระบบกันสะเทือน Adaptive Air Suspension เครื่องยนต์ V6 เวอร์ชั่นเบนซิน ขนาด 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 60TFSI e ความจุ 2,995 ซีซี กลไกภายในประกอบด้วย ระบบเชื้อเพลิง FSi เทอร์โบชาร์จเจอร์คู่แบบ Twin Scroll เพลาลูกเบี้ยวแปรผัน variable camshaft timing ชุดวาว์ล audi valvelift system ที่ฝั่งวาว์ลไอดี อากาศหรือไอดีที่ถูกอัดผ่านเทอร์โบ Twin Scroll จะถูกลดอุณหภูมิ เพื่อเพิ่มความหนาแน่นด้วยชุดอินเตอร์คูลเลอร์แบบแยกฝั่ง ซ้าย-ขวา ก่อนส่งเข้าไปยังห้องเผาไหม้ในรูปแบบสูบตัว V ทั้งสองฝั่ง เครื่องยนต์รุ่นนี้ มีขนาดความกว้างกระบอกสูบ 84.5 มิลลิเมตร ช่วงชัก 89.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.2:1 ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ Tiptronic 8 speed พร้อมกลไก Quattro with ultra technology มอเตอร์ไฟฟ้าขั้นอยู่ตรงกลางระหว่างเกียร์และเครื่องยนต์ แบตเตอรี่ Lithium-ion 17.9 kWh จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับมอเตอร์เสริมแรง

เครื่องยนต์ V6 PHEV เชื่อมต่อกับระบบเกียร์ทิปโทรนิค 8 สปีดที่ปรับเปลี่ยนเกียร์อย่างรวดเร็ว และนุ่มนวล ปั๊มไฟฟ้าส่งถ่ายน้ำมันหล่อลื่นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างต่อเนื่องในขณะที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และเครื่องยนต์สันดาปถูกดับ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro กระจายแรงบิดระหว่างล้อหลังขณะขับเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว และทำให้การควบคุมมีเสถียรภาพมากขึ้น

ระบบกันสะเทือนใน Audi A8 ผสมผสานความสนุกในการขับขี่แบบสปอร์ต กับความนุ่มนวลเข้าด้วยกัน การทำงานของระบบกันสะเทือนแบบแอร์สปริง Adaptive Air Suspension ส่วนหนึ่งมาจากรูปแบบการขับขี่ที่แตกต่างซึ่งเกิดจากการเลือกโหมดการขับขี่ของคนขับ สปีดความเร็ว องศาของพวงมาลัย สภาพผิวถนน ระบบกันสะเทือนถุงลมแบบปรับได้พร้อมชุดบังคับเลี้ยวท่ีแม่นยำ ด้วยพวงมาลัยไฟฟ้าโปรเกรสซีฟ

ระบบกันสะเทือนแบบคาดการณ์ล่วงหน้า
จุดเด่นของ A8 ที่ได้รับการปรับปรุงคือระบบกันสะเทือนแบบคาดการณ์ล่วงหน้า ควบคุมตำแหน่งของแชสซีได้อย่างแข็งขันในทุกสถานการณ์การขับ ระบบกันสะเทือนแบบคาดการณ์ล่วงหน้า เมื่อเปิดใช้งานผ่านโหมดไดนามิก ซาลูนเรือธงขนาดใหญ่จะสำแดงฤทธิ์เดชด้านสปอร์ตด้วยการเข้าโค้งอย่างคมกริบ ส่วนหน้าของรถไม่ยุบตัวลงเมื่อใช้เบรกหนักๆ ในทางตรงกันข้าม โหมด Comfort+ การบังคับเลี้ยวทำงานร่วมกับกล้องหน้า ระบบสามารถรับรู้ความไม่สม่ำเสมอ ภายในข้อจำกัด พร้อมกับปรับความสมดุลของช่วงล่างและพวงมาลัยไฟฟ้า เพื่อให้การควบคุมในย่านความเร็วสูงมีความง่ายและปลอดภัย

โหมด Comfort+ ระบบกันสะเทือนแบบคาดการณ์ล่วงหน้ามีคุณสมบัติพิเศษ: ฟังก์ชันต้านการเอียงตัวในโค้ง เมื่อเข้าโค้ง ระบบจะยกด้านข้างของรถที่อยู่ด้านนอกโค้งขึ้น พร้อมๆ ไปกับลดระดับตัวถังด้านตรงข้ามลง ระบบสามารถเอียงเข้าสู่โค้งได้สูงสุดถึง 3 องศา ที่ความเร็วระหว่าง 80 ถึง 130 กม./ชม. ขณะขับทางตรง Comfort+ พร้อมระบบกันสะเทือนแบบคาดการณ์ล่วงหน้าจะเพิ่มหรือลดระดับความสูงของรถ เพื่อช่วยในการเข้าและออกจากรถได้สะดวกขึ้น Adaptive Air Suspension ยกความสูงขึ้น หรือลดระดับลงได้สูงสุดถึง 50 มิลลิเมตร (2 นิ้ว)

Audi A8 รุ่นปรับปรุงมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ประมาณ 40 ระบบ ได้แก่ Audi pre Sense Basic และระบบความปลอดภัยด้านหน้า Audi Pre Sense เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน จุดเด่นของแพ็กเกจ “Park” คือระบบช่วยจอดระยะไกลแบบพลัส ซึ่งสามารถเคลื่อนรถซีดานขนาดใหญ่เข้าและออกจากช่องจอดรถแบบขนาน หรือช่องจอดได้โดยอัตโนมัติ คนขับไม่จำเป็นต้องอยู่ในรถด้วยซ้ำถึงจะทำเช่นนั้นได้ (ออปชันเสริม)

ระบบช่วยเหลือ “City” ประกอบด้วยระบบช่วยเตือนทางแยก ระบบแจ้งเตือนทางม้าลาย ระบบแจ้งเดือนด้านข้าง ระบบแจ้งเตือนการขับออกนอกช่องทาง ระบบความปลอดภัย Audi pre Sense 360° เบื้องหลังระบบช่วยเหลือใน Audi A8 คือระบบควบคุมการช่วยเหลือผู้ขับขี่ส่วนกลาง (zFAS) ทำหน้าที่คำนวณสภาพแวดล้อมรอบรถอย่างต่อเนื่องในขณะที่ขับเคลื่อน

เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ Tiptronic ZF 8 speed เชื่อมต่อกับกลไกขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา Quattro with ultra technology กระจายแรงบิดผ่านกระบวนเฟืองสุริยะ หรือ Planetary Gear ระบบ Quattro ใน A8L ทำงานด้วยกลไกเฟืองต่างขนาดควบคุมด้วยสมองกลอิเล็กทรอนิกส์ ในสภาวะของการขับแบบปกติ Quattro จะกระจายกำลังแรงขับเคลื่อนไปที่ล้อหน้าและล้อหลังในอัตราส่วน 40/60 พร้อมส่งแรงบิดไปที่ล้อหน้าได้อย่างอิสระมากถึง 70/30 หรือส่งแรงบิดไปที่ล้อหลังได้ถึง 85% (หน้า 15% หลัง 85%) การกระจายแรงบิดในลักษณะดังกล่าวมอบสัมผัสที่มั่นคงและเต็มไปด้วยความเสถียรเมื่อต้องวิ่งผ่านผิวถนนที่มีความหลากหลาย ชุดขับเคลื่อน Quattro ที่ต่อกับเกียร์ Tiptronic ZF 8 speed ทำหน้าที่แปรผันแรงบิดจากเครื่องยนต์ถ่ายลงเกียร์ไปยังเพลาขับเคลื่อนทั้งสี่ล้อแบบอิสระตามสภาพการขับขี่ในแบบ Real Time หรือปรับเปลี่ยนการทดกำลังแปรผันไปตามสภาพเส้นทาง เพื่อทำให้การทดกำลังจากเครื่องยนต์ลงไปที่พื้นถนนปราศจากอาการลื่นไถล ซึ่งอาการดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นของการเสียการทรงตัว เมื่อคนขับใช้ความเร็วสูงมากจนเกินไปจนระบบ Quattro เอาไม่อยู่ ระบบรักษาเสถียรภาพของตัวรถหรือ ESC จะเข้ามาแทรกแซงการทำงานทันทีด้วยการสั่งเบรกล้อแต่ละข้างอย่างอิสระ จนกระทั่งรถสามารถกลับเข้าสู่การควบคุมอีกครั้ง

ช่วงล่างหรือกันสะเทือนแบบ Five Link ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แขนยึดผลิตจากอะลูมินั่มอัลลอย เพื่อลดน้ำหนักส่วนเกินใต้สปริง ช่วงล่างถุงลมทำงานด้วยไฟฟ้า Adaptive Air Suspension ใช้ถุงลมหรือ แอร์สปริง ปรับระดับความสูง-ต่ำของตัวรถได้อย่างหลากหลายถึง 5 ระดับ เพื่อปรับให้ความสูงของรถเหมาะสมกับสภาพเส้นทางหรือการใช้ความเร็ว ช่วงล่างแบบ Adaptive Air Suspension ของ A8L เลือกปรับตั้งได้ 5 ระดับ ตามรูปแบบของการขับขี่ ความฉลาดของระบบก็คือมันจะปรับเตี้ยลงโดยอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วเพิ่มขึ้น เพื่อลดแรงต้านของอากาศและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการลดอาการโคลงตัว ในโหมด Comfort นั้นย้วยไปนิด ส่วนโหมด Dynamic นั้น มีการทำงานของ Adaptive Air Suspension ลงตัวมากที่สุดเมื่อใช้ความเร็วสูงในการเดินทาง โหมด Dynamic จะจัดการทุกอย่าง เพื่อการทำความเร็วในลักษณะเชิงรุกอย่างเต็มสูบ เมื่อขับเร็ว ระบบจะปรับลดความสูงของช่วงล่างแบบ Adaptive Air Suspension ลงอีก 40 มิลลิเมตรจากความสูงมาตรฐาน นอกจากจะปรับระดับความสูงไปตามความเร็วที่ใช้

โหมดการขับเคลื่อนหรือ audi drive select ปรุงแต่งการขับในชีวิตประจำวันมากถึง 5 รูปแบบ เริ่มจากโหมดประหยัดอย่าง Efficiency เครื่องยนต์จะตอบสนองอย่างค่อยเป็นค่อยไป ระบบเกียร์จะเปลี่ยนขึ้นสู่เกียร์สูงอย่างรวดเร็วเพื่อลดรอบเครื่องยนต์ ระบบ Auto Start/Stop คอยดับเครื่องยนต์และปรับการทำงานของระบบแอร์เพื่อคงความประหยัดสูงสุด โหมด Comfort ใช้งานได้ดีทั้งการขับในเมืองหรือการขับบนไฮเวย์ การตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์อยู่ในเกณฑ์ปานกลางและยังมีความประหยัดเมื่อใช้ความเร็วคงที่ โหมดต่อมาก็คือ Auto เป็นโหมดผสมผสานใช้ขับเร็วก็ได้หรือไหลไปเรื่อยๆ ก็ดี โหมดนี้ คันเร่งไฟฟ้าจะตอบสนองได้ไวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับโหมด Comfort สำหรับโหมด Dynamic เป็นโหมดสปอร์ตที่เน้นการขับที่เร่งรีบ คันเร่งตอบสนองได้เร็วกว่าทุกโหมด เกียร์ออโต้ 8 สปีดจะคาอยู่ที่เกียร์ 4-5 เพื่อเตรียมความพร้อมในการเรียกแรงบิดจากเครื่องยนต์ให้มีความสมบูรณ์แบบด้วยการทำงานที่รวดเร็วและฉับไว เมื่อใช้ Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ ส่วนโหมด Individual คนขับสามารถปรับตั้งการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ และชุดบังคับเลี้ยวโดยแยกย่อยการปรับตั้งค่าของการตอบสนองได้อย่างหลากหลาย

มีหลายจุดที่ให้ความรู้สึกยอดเยี่ยมในรถ Audi หลายรุ่นแต่ความสบายหลังพวงมาลัยคงต้องยอมรับว่าเรือธงรุ่นนี้วิ่งดีสุดในแบบของรถผู้บริหาร สัมผัสแรกก็คือ ความสบายของเบาะคนขับ การจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่เน้นจุดศูนย์กลางการใช้งานไปที่คนขับและเบาะหลัง พวงมาลัยไฟฟ้าเที่ยงตรงสุด เครื่องยนต์พลังงานผสมให้กำลังสูงอย่างต่อเนื่อง กระชากร่างหนัก 2 ตันให้พุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว รวมถึงสมดุลของรถที่ทรงตัวได้ดีมากในย่านความเร็วสูง แน่นอนว่าช่วงล่างให้สัมผัสแนวเดียวกับคู่แข่งอย่าง S-Class และ 7 Series ทั้งความหนักแน่นนุ่มนวลและการซับแรงสะเทือนของ Adaptive Air Suspension ปัญหาของ Audi ก็คือลูกค้ามักไปลองขับแค่ BMW และ Mercedes-Benz โดยยังไม่เคยมาลองขับรถของแบรนด์สี่ห่วง หรือเคยขับแต่ไม่แน่ใจในเรื่องของศูนย์บริการ ราคาอะไหล่ หรือแม้แต่ราคาขายต่อหลังจากผ่านการใช้งานมานาน และหลังจากได้ลองขับ รวมถึงเกิดความเชื่อมั่นในด้านบริการหลังการขายจากปากต่อปากของคนในคลับ Audi ลูกค้าที่เคยมีทั้ง BMW และ Mercedes-Benz ส่วนใหญ่ก็มักจะเปลี่ยนใจหันมาซื้อรถยนต์ของแบรนด์สี่ห่วงเพื่อสนองตอบความต้องการของตัวเอง

Audi A8L 60TFSI e มีรูปลักษณ์และความรู้สึกหลังพวงมาลัยคล้ายคลึงกับ BMW750e ความสบายและพื้นที่ภายในโดยเฉพาะเบาะหลัทำออกมาสูสีกับ S580e เครื่องยนต์ของ 750e และ S580e เป็นเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง เทอร์โบ ความจุ 3.0 ลิตร พร้อมระบบ Plug in Hybrid แต่ A8L เป็นเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบและมาพร้อมกับระบบ Plug in Hybrid ที่มีประสิทธิภาพ มอเตอร์เสริมแรงบิดในเกียร์ผสานกับเครื่องยนต์จนได้พลังงานที่ค่อนข้างเกินความจำเป็น พูดง่ายๆ ก็คือ คุณปลดปล่อยแรงบิดของมันได้แค่ 60-70 % เท่านั้นเพราะไม่มีถนนที่ยาวและโล่งมากพอที่จะไปถึงความเร็วสูงสุด การเร่งออกตัว 0-100 มีแรงดึงที่หนักหน่วงราวกับกำปั้นของ ไมค์ ไทสัน เป็นรถซาลูนหรูที่มีพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวาง ต้องไม่ลืมว่าคนที่ซื้อรถซาลูนตัวถังช่วงยาวแบบนี้ ก็ต้องพาภรรยาออกไปช็อปปิ้งเหมือนกัน แม้ BMW 750 จะมีภายในสวยเพียงใดก็ตาม แต่ A8L ที่ให้ความพิเศษมากกว่าก็ยังเป็นทางเลือกที่แตกต่างอย่างเด่นชัด ข้อดีอีกจุดของ A8L ก็คือ ตำแหน่งของเบาะคนขับที่จัดวางได้อย่างไร้ที่ติ เบาะนั่งและพวงมาลัย ปรับได้ทุกทิศทาง และให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถขณะขับเคลื่อน ความยาว 5.3 เมตร ไม่ได้สร้างปัญหาในการเลี้ยวกลับลำแต่ก็ต้องคอยระวังการขับในเมืองโดยเฉพาะพี่มอเตอร์ไซค์ที่ชอบแทรกตัวเข้ามาทั้งซ้ายและขวา ขนาดความกว้างรวมกระจกมองข้างเฉลี่ย 2 เมตรเศษทำให้ต้องใช้ความระวังอยู่เหมือนกันหากคิดจะรูดเร็วๆ ผ่านซอยที่คับแคบ ซึ่งถนนแบบนี้มีอยู่ทั่วไปในกรุงเทพมหานคร

มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยเพื่อให้กำลังเพิ่มเติมอีก 136 PS และแรงบิด 350 นิวตันเมตร (258 ปอนด์-ฟุต) ผมพยายามคำนวณเพื่อค้นหาว่าระบบส่งกำลังสามารถสร้างพลังงานได้เท่าไร เพราะกำลังทั้งหมดไม่ใช่ผลรวมทางคณิตศาสตร์ A8 60TFSI e เหมือนกับยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริด PHEV มอเตอร์ไม่สามารถส่งกำลังได้ทั้งหมดในเวลาเดียวกัน พลังงานสูงสุดที่ A8 60 TFSI e ทำได้ คือ 449 PS แรงบิด 700 นิวตันเมตร (516 ปอนด์-ฟุต) นั่นมากเกินความจำเป็นในการใช้งานไปไกลลิบ

อัตราเร่งตอนออกตัวไม่มีคำว่ารีรอ ช่วงล่างถุงลม ผสานยาง Bridgestone Potenza Sport ทำหน้าที่ได้ดีในการถ่ายเทแรงบิดลงสู่ผิวถนนพร้อมการยึดเกาะและระยะเบรกที่ช่วยทำให้มั่นใจ แบตเตอรี่ขนาดพอเหมาะไว้ที่ด้านหลังมีน้ำหนักพอสมควร แต่ A8 ขนาด 2.3 ตัน ก็สามารถเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.9 วินาที สำหรับรถลีมูซีนขนาดใหญ่คือ โคตรเร็ว แรงบิด 350 นิวตันเมตร ของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ปราศจากอาการรอรอบ ถูกส่งออกมา ทันทีที่ความเร็วใดๆ ก็ตามเมื่อคันเร่งถูกกระตุ้น นับเป็นประสบการณ์ทดสอบรถรุ่นเรือธงที่วิ่งได้เนียนเอาเรื่องแทบจะไม่แตกต่างจากคู่แข่ง

A8L 60 TFSI e เป็นรถเร็วที่ทำให้การขับด้วยความเร็วสามหลักเป็นเรื่องง่าย ผมต้องคอยมองมาตรวัดความเร็ว MMI อยู่ตลอดเวลา A8L ทำได้ดีพอสมควรในโค้งมุมกว้าง แต่ถ้ามาเร็วเกินไป ไดนามิกของมันก็ไม่สามารถปิดบังมวล 2.3 ตันขณะเทโค้งแรงๆได้ เมื่อดูน้ำหนักตัวรถทั้งคันแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าในย่านความเร็วต่ำเมื่อขับในเมือง แรงบิด 700 นิวตันเมตร มีความฉับไวและคล่องตัวอย่างสมดุล แต่อย่าไปคาดหวังว่ามันจะคล่องตัวเท่ากับ RS5 นั่นไม่ใช่ประเด็นการใช้งานของ A8L ซึ่งมักจะทำตัวสุขุมและให้ทางรถที่เปิดไฟเลี้ยวเสมอ 

นี่คือรถลีมูซีนที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด วิ่งเงียบ และมอบความผ่อนคลายเหนือสิ่งอื่นใด A8 60 TFSI e ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริหารระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกระชากออกตัวอย่างรวดเร็ว มอเตอร์ไฟฟ้าจะขับเคลื่อนโดยที่ไม่ได้ยินเสียงจากระบบส่งกำลังแม้แต่เสียงกระซิบ ภายใน A8 เงียบจนน่าขนลุก หากไม่เปิดเพลงฟังมันจะเงียบมากจนอาจทำให้รู้สึกอึดอัดได้ ระบบเสียง Bang & Olufsen ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นจริงๆ โดยเฉพาะการเล่นซาวด์จากเครื่องดนตรีคลาสสิค

A8 ถูกตั้งค่าให้ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวให้ได้มากที่สุดจนกว่าไฟในแบตฯจะเหลือน้อยจนไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ เครื่องยนต์จะเข้ามารับหน้าที่ต่ออย่างราบเรียบไม่มีอาการกระตุกสำหรับการเชื่อมต่อของทั้งสองระบบ สตาร์ทรถ A8L 60TFSI e จะเข้าสู่โหมด Auto Hybrid แบบอัตโนมัติ ซึ่งหมายความว่าคุณจะใช้เฉพาะอิเล็กตรอนเพื่อให้ผ่านไปได้นานที่สุดเท่านั้น ซึ่งสามารถทำได้ที่ความเร็วสูงสุด  140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะทำให้สามารถขับบนทางหลวงได้เช่นกัน อย่าคิดว่าด้วยความเร็วขนาดนั้น คุณสามารถขับได้ระยะทางไกลเกินไป เพราะนี่เป็นรถที่หนักและแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนก็มีความจุแค่ 17.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อขับใช้งานในเมือง A8 ที่มีไฟเต็มแบตฯจะวิ่งได้ไกลประมาณ 65 กิโลเมตร เพียงพอสำหรับการเดินทางไปทำงานในเมือง

เครื่องยนต์สันดาปภายในทำงานอย่างเงียบเชียบตลอดการขับทดสอบ 600 กิโลเมตร ไปกุยบุรีแล้ววกกลับกรุงเทพฯภายในวันเดียว เป็นการขับรถคันยาวเหยียดที่เต็มไปด้วยความผ่อนคลาย ไม่มีเสียงรบกวน อาการสั่นสะเทือนหรือเสียงจากภายนอกหลุดลอดเข้ามา การสลับระหว่างเครื่อง V6 เทอร์โบกับมอเตอร์ไฟฟ้าเรียบเนียนไร้รอยต่อของกลไก จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์สันดาปภายในก็ต่อเมื่อกดคันเร่งจนสุดเท่านั้น โหมดการขับออกแบบมาสำหรับระบบส่งกำลังปลั๊กอิน-ไฮบริด สามารถชาร์จแบตเตอรี่โดยใช้เครื่องยนต์เบนซินเป็นเจนเนอเรเตอร์ 

เมื่อพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ แล้ว Audi A8 60 TFSI e เป็นตัวเลือกที่ดีในกลุ่มยานยนต์รุน่เรือธง เนื่องจากมีกำลังที่มากเกินพอสำหรับสถานการณ์ทุกประเภท รวดเร็ว สบาย และเงียบที่สุดในกลุ่มนี้ แน่นอนว่ายังมีรุ่นที่มีกำลังแรงกว่า นั่นคือ S8 แต่รุ่นนั้นสงวนไว้สำหรับลูกค้าประเภทพิเศษเท่านั้น โดยรวมแล้ว A8 อยู่ในกลุ่มเดียวกับ S-Class และ 7 Series และเป็นตัวเลือกที่อยู่ตรงกลางเช่นกัน โดยอยู่ระหว่างคู่แข่งหลักสองรายจากเยอรมนีในด้านความหรูหรา/คุณสมบัติ และความสปอร์ต/การควบคุม A8 สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์สี่ห่วง ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีมากมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง นั่นคือจุดประสงค์หลักของอาวดี้รุ่นเรือธง เพื่อแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าแบรนด์สามารถรวบรวมความเชี่ยวชาญที่หลากหลายในแต่ละสาขา แล้วนำมาใส่ไว้ในยานพาหนะได้อย่างกลมกลืน A8 บรรลุจุดประสงค์ ด้วยเทคโนโลยีที่น่าทึ่ง ตั้งแต่ระบบกันสะเทือนถุงลมอันชาญฉลาดและการติดตั้งระบบขับเคลื่อน PHEV ที่ใช้งานได้ดี ไปจนถึงฟังก์ชันการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 และอื่นๆ อีกเพียบ บวกกับการตกแต่งภายในที่แปลกแยกและแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ นับเป็นการสร้างสรรค์ยานพาหนะที่วิ่งเงียบสนิทและเร็วจนน่าตกใจ เป็นรถลีมูซีนที่เหมาะจะขับเองมากกว่าไปนั่งอยู่เบาะหลังละครับ.


Audi A8 L 60 TFSI e quattro Prestige S Line ราคา (นำเข้า) 7,199,000.00 บาท

เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร Plug in Hybrid
กำลังรวม 462 แรงม้า 700 นิวตันเมตร
เร่ง 0-100 ใน 4.7 วินาที
แบตเตอรี่ความจุ 17.9 kWh
รองรับการชาร์จด้วยไฟ AC สูงสุด 7.4 kW ชาร์จไฟจาก 0-100% ในเวลา 1 ชั่วโมง 55 นาที
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro
ช่วงล่างถุงลม Adaptive Air Suspension
ระบบควบคุมความปลอดภัย Audi pre sense basic /Audi pre sense Rear / lane change assist / Audi assist warning /rear cross traffic assist

ล้ออัลลอย ขอบ 20 นิ้ว
ชุดแต่งภายนอก S Line
กล้องมองรอบคัน
เบาะหุ้มหนัง Valcona
เบาะหลังแยกอิสระแบบ First Class พร้อมระบบนวด ระบบระบายอากาศ ระบบอุ่นร้อน
ที่พักเท้าผู้โดยสารด้านหลัง (ซ้าย) ปรับไฟฟ้า ระบบอุ่นร้อน
เบาะหนังตกแต่งแบบ Diamond cut
จอภาพแสดงผลด้านหลังสองตำแหน่ง Full HD ขนาด 10.1 นิ้ว แบบแยกอิสระ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ไฟหน้า Digital HD Matrix LED
ไฟท้าย OLED
ระบบช่วยผ่อนแรงปิดประตู
ระบบช่วยปรับอูณหภูมิห้องโดยสารก่อนการขับเคลื่อน
เครื่องเสียง Bang & Olufsen ปรับแต่งพิเศษ พร้อมระบบเสียง 3D
แอมพลิฟายเออร์กำลังขับ 1,920 วัตต์
ลำโพง 23 ตำแหน่ง