ในโลกแห่งการแข่งขันโดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ทุกแบรนด์ต่างโหมโฆษณาว่ารถของตนนั้นเจ๋งกว่ารถคู่แข่ง ในความเป็นจริงเมื่อมองจากราคา Ford Ranger Wildtrak V6ค่าตัว 1.5 ล้านบาท คือผู้ท้าชิงบัลลังก์ของ Hilux GR Sport ที่มีราคา 1.49 ล้าน ด้วยระบบขับเคลื่อนที่ทรงพลังและช่วงล่างที่มาดมั่น Ranger V6 โดดเด่นด้านระบบส่งกำลังและความสบายในการเดินทาง นี่คือรถกระบะขนาดค่อนข้างใหญ่ที่มีเทคโนโลยีมากกว่านิยายวิทยาศาสตร์ มองเผินๆ Ranger Wildtrak ก็เหมือนกับกระบะคันโตทั่วไปที่เรียกร้องความสนใจด้วยเรือนร่างบึกบึน มีเพียงสัญลักษณ์ V6 พลาสติกสีดำตรงบริเวณแก้มข้างเท่านั้นที่บ่งบอกถึงพละกำลังที่หลบซ่อนอยู่ภายใน อุปกรณ์ทุกอย่างออกแบบให้รองรับการใช้งานหนัก รวมถึงสมรรถนะที่เน้นพลังงานในรูปของแรงบิด การออกแบบสไตล์อเมริกันนั้นโดนใจคนไทยไม่น้อย รถกระบะไลฟ์สไตล์ยังคงได้รับความน่าเชื่อถือสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย และความสามารถด้านการออกแบบก็เป็นส่วนหนึ่งของ Ranger
Ford Ranger Wildtrak V6 3.0 Diesel 4X4 10AT : 1,519,000 บาท
...
...
รถทดสอบ Ford Ranger Wildtrak V6 3.0 Diesel สีเทา Meteor Grey ตัวถังทั้งยาวและกว้างแต่ก็ยังไม่เต็มทรงเท่ากับ Raptor ตัวถังเหลี่ยมทำให้รถดูเป็นทรงกล่องซึ่งสไตล์การออกแบบก็ลอกมาจากกระบะรุ่นต่างๆ ในไลน์รถกระบะของ Ford ที่ขายในสหรัฐอเมริกาและวางตัวอยู่ใต้ตำแหน่งของ Ford Maverick กับ Ford F-150 ไฟวิ่งตอนกลางวันทรง C คือเอกลักษณ์ใหม่ของ Ranger มาพร้อมระบบไฟอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่ทำงานได้ดีสูสีกับรถยุโรป! ด้านหน้าบึกบึน โป่ง ซุ้มล้อพองามและกราฟิกสัญลักษณ์ Wildtrak ที่ด้านหลัง วิศวกรของ Ford ได้เพิ่มความอเนกประสงค์ของรถกระบะคันนี้ด้วยการเพิ่มที่เหยียบขึ้นกระบะท้ายให้กับตัวถังด้านหลังของซุ้มล้อหลัง ความคิดเห็นจากลูกค้าหลังการใช้งานแสดงให้เห็นว่าเจ้าของรถบางคนใช้การเหยียบกันชนหลังเพื่อเข้าถึงพื้นที่บรรทุกบนกระบะท้าย การเพิ่มขั้นเหยียบทำให้สะดวกต่อการใช้งาน ฝาท้ายแบบผ่อนแรงยกปิดมีรูสำหรับยึดเพื่อให้สามารถใช้เป็นโต๊ะทำงาน พื้นที่เก็บสัมภาระมีขนาดใหญ่ ตอบสนองข้อกำหนดน้ำหนักบรรทุกหนึ่งตันสำหรับรถปิกอัพเพื่อให้ผ่านคุณสมบัติเป็นรถเพื่อการพาณิชย์ แต่คนที่ซื้อ Ranger Wildtrak V6 มักจะใช้เป็นรถเดินทางมากกว่าจะเอามาขนของ มิติตัวถัง ยาว 5,370 มิลลิเมตร กว้าง 1,918 มิลลิเมตร สูง 1,884 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 3,270 มิลลิเมตร
...
...
ห้องโดยสารอุดมไปด้วยอุปกรณ์ตกแต่ง Wildtrak เบาะดำเย็บด้ายเหลืองปรับไฟฟ้า พนักพิงหลังปักตราสัญลักษณ์ Wildtrak พวงมาลัยสี่ก้านหุ้มหนังแท้เย็บด้ายสีเดียวกับตัวเบาะ หน้าจอสัมผัสแนวตั้งขนาด 12 นิ้ว คล้ายกับจอของ Mustang Mach-E ระบบอินโฟเทนเมนต์ที่เชื่อมต่อกับโปรแกรม SYNC 4 เวอร์ชันล่าสุดของ Ford เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศแบบดูอัลโซน ไฟ LED ระบบเปิดประตูและสตาร์ทรถโดยไม่ต้องใช้กุญแจ อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Wildtrak จะมีอุปกรณ์ครบครัน แต่ก็ไม่ใช่รุ่นท็อปในกลุ่มนี้แล้ว เนื่องจากตำแหน่งดังกล่าวถูกยกให้กับ Raptor นั่นเอง
พวงมาลัยแบบ 4 ก้าน ไม่มีแป้น Paddle Shift แต่ใช้การกดปุ่มข้างคันเกียร์แทน พวงมาลัยหุ้มหนังตกแต่งด้วยพลาสติกสีดำเงา มีสวิตช์สั่งงานมัลติฟังก์ชันมาให้เพียบเหมือนเดิม พวงมาลัยมีขนาดพอดีออกแบบให้จับได้ถนัดมือ ปรับตั้งได้ 4 ทิศทางทั้งใกล้-ไกลและสูง-ต่ำ สวิตช์มัลติฟังก์ชันใช้สำหรับการปรับตั้งค่าต่างๆ เช่น ระบบปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ Cruise control สวิตช์เลือกดูข้อมูลการขับขี่ผ่านจอ Multi information display ที่ด้านขวาและซ้าย ปรับความดังของลำโพง ปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์ในระบบบลูทูธ ปุ่มระบบสั่งงานด้วยเสียง
นอกเหนือจากเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร แล้ว Ford ยังนำเสนอเครื่องยนต์ดีเซล V6 3.0 ลิตร 250 แรงม้า 600 นิวตันเมตร ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ระบบส่งกำลังพ่วงกับชุดขับเคลื่อนสี่ล้อ ระบบจะเปลี่ยนจาก 2WD เป็น 4WD ได้ผ่านปุ่มกลมแบบหมุนหลังซุ้มคันเกียร์ ตำแหน่งการขับเน้นนั่งสูง ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจน ด้านหน้าทรงเหลี่ยมทำให้มีพื้นที่ฝากระโปรงหน้าที่อาจบดบังสิ่งที่อยู่ข้างหน้า Wildtrak V6 จึงมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ช่วยจอดด้านหน้าและระบบกล้อง 360 องศาที่แสดงมุมมองบนหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูง
เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแบบ V6 ความจุ 3.0 ลิตร รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล B20 ขึ้นไป ปริมาตรความจุ 2,993 ซีซี กระบอกสูบ 84.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 90.0 มิลลิเมตร ลำดับการจุดระเบิด 1-4 2-5 3-6 อัตราส่วนกำลังอัด 16.0-1 เพลาลูกเบี้ยวแบบคู่ Dual Overhead cam กำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 3,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,250 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter เบรกมือไฟฟ้า มาตรฐานมลพิษ EURO-5 ช่วงล่าง
ด้านหน้า Double Wishbone คอยล์สปริง เหล็กกันโคลงด้านหลัง Leaf Spring แหนบซ้อน ระบบเบรก ด้านหน้าดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลัง ดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน
เครื่องยนต์ V6 รุ่นนี้ มีประวัติย้อนกลับไปไกลลิบถึงช่วงทศวรรษ 1990 เป็นเครื่องดีเซล V6 ที่ใช้ร่วมกับ Peugeot, Land Rover, Jaguar ในรถสเตชั่นแวกอน Ford Territory ที่ดัดแปลงมาจาก Ford Falcon ในอดีต V6 ดีเซลของ Ford มีความจุ 2.7 ลิตร แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเครื่องยนต์ดีเซล V6 ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบเดี่ยวหรือคู่ (ทวินเทอร์โบ) ประจำการอยู่ใน Ford F-150 โดยมี Power Stroke ที่ปรับแต่งมาคล้ายกับ Ranger V6 ในปัจจุบัน
แน่นอนว่าการที่เครื่อง Diesel V6 มีปริมาณ CO2 สูง (254 กรัม) ได้ทิ้งรอยด่างดำเอาไว้จนในอนาคต เครื่องยนต์รุ่นนี้จะไม่สามารถใช้งานได้ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในยุโรป ปัจจุบัน เครื่องยนต์ V6 Wildtrak (และ Volkswagen Amarok ที่กำลังจะออกสู่ตลาดเร็วๆ นี้) ถือเป็นราชาแห่งการจุดระเบิดด้วยแรงอัดมหาศาล การใส่เครื่องยนต์รุ่นเก่า (ปรับจูนใหม่) รูปตัววี ที่มีถึง 6 กระบอกสูบ เข้าไปใน Ranger ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในบางพื้นที่ที่ลูกค้าอยากได้แรงบิดเพิ่ม ปัจจุบัน Wildtrak เป็นเรนเจอร์รุ่นเดียวที่มีทั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ และดีเซล V6 3.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว การคำนวณว่าเครื่องยนต์ใหญ่กว่านั้นกินน้ำมันมากกว่า 0.8 ลิตรต่อ 100 กม. ในแง่ของอัตราสิ้นเปลืองโดยรวมนั้นดูเหมือนจะไม่เป็นจริงเสมอไป จากการทดสอบลากยาวๆไปยังอำเภอลานสักในจังหวัดอุทัยธานี เครื่อง V6 ดีเซล โบร์เดี่ยว ทำอัตราสิ้นเปลืองได้ที่ 10.5 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อใช้ความเร็ว 90-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อระเบิดพลังงานในย่านความเร็วสูงต่อเนื่อง อัตราสิ้นเปลืองหล่นลงมาเหลือ 8.5 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่ารับได้เลยเมื่อเทียบกับขนาด น้ำหนัก ด้วยความแรงและการเร่งแซงที่เฉียบขาด แต่ดูเหมือนว่าแฟนๆ Ranger จะมองข้ามปัจจัยด้านอัตราเร่งไป ทุกวันนี้ Wildtrak V6 เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมในตลาดต่างประเทศ ทำให้ต้องรอรถหลังการสั่งจองนานมาก
แม้ว่าจะเก่า แต่เครื่องยนต์ V6 ใน Ranger Wildtrak มีการปรับจูนใหม่หมด รูปแบบของขุมกำลัง V6 ก่อนหน้านี้ไม่เพียงแต่สร้างมาตรฐานสำหรับรถกระบะดีเซลแรงบิดสูงเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นฟันเฟืองที่สำคัญที่สุดในกลุ่มรถขายดีของ Ford Motor และการดำรงอยู่ของแบรนด์ ก็ขึ้นอยู่กับรถกระบะตัวขายโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก พลังขับเคลื่อนที่ไม่เคยมีมาก่อนใน Ranger Wildtrak จับคู่กับเกียร์ออโตมิชิแกน 10 สปีด + ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่สามารถเปลี่ยนเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลังได้ ถือเป็นระบบขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ซึ่งไม่มีคู่แข่งแบรนด์ใดในไทยสามารถเทียบเคียงได้ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีเพิ่มเติม ตั้งแต่หน้าจอขนาดใหญ่ ทุกฟังก์ชั่นไปจนถึงโหมดการขับที่ปรับเปลี่ยนการตอบสนองของเครื่องยนต์ จุดเปลี่ยนเกียร์ และการทำงานของเฟืองท้าย Ranger Raptor นั้นเฉียบคม แต่ Wildtrak V6 ก็สมควรได้รับการยกย่องให้เป็น Ranger ที่ดีที่สุดสำหรับคนทั่วไป ด้วยจุดแข็งด้านพละกำลังและความสามารถในการขับทางไกล ไม่ว่าจะเป็นด้านวิศวกรรม คุณสมบัติ การออกแบบ และไดนามิกขณะใช้ความเร็ว
เครื่องยนต์แรงบิดดีตั้งแต่รอบต่ำ กดเต็มตอนออกตัวก็ดึงหลังติดเบาะพร้อมอาการฟรีทิ้งของแรงบิด 600 นิวตันเมตร ความเร็วไหลไปที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แรงบิดรอบกลางๆ ถึงปลายก็ยังดึงใช้ได้แต่ออกมาในลักษณะที่ราบเรียบไม่กระโชกโฮกฮาก เหมาะสมกับการทำความเร็วต่อเนื่องเมื่อวิ่งบนไฮเวย์ การทำงานของเกียร์ 10 สปีด ในตำแหน่งเกียร์ 8-9-10 ที่ช่วยลดรอบเครื่องยนต์ ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงเมื่อวิ่งด้วยความเร็วคงที่ เครื่อง V6 มีเสียงการทำงานที่เบามาก รวมถึงการเก็บเสียงจนทำให้แปลกใจ
คันเกียร์อิเล็กทรอนิกส์แบบสั้นสำหรับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด มีความรู้สึกและการทำงานที่ไม่ธรรมดา และต้องใช้เวลาสักพักในการทำความคุ้นเคย ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ว่ามันดี เนื่องจากไม่มีการตอบสนองแบบสัมผัส กระปุกเกียร์นั้นทำงานได้ยอดเยี่ยมมากในบางครั้งที่ต้องกระโดดข้ามเกียร์เพื่อปรับอัตราทดให้สมดุลและว่องไว ชอฟแวร์ควบคุมการทำงานของเกียร์ 10 สปีด ปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ไม่มีอากาชักช้า หน่วงหรือสับสนเหมือนรุ่นก่อนหน้า
แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สายทำงานได้ดี ไม่ทำให้มือถือของคุณเป็นไข้ตัวร้อน มีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับสมาร์ทโฟนตัวยาวๆในเคสกันน้ำขนาดใหญ่ได้อย่างสบาย ส่วนบันไดเหยียบที่ด้านท้าย เป็นการปรับเพิ่มที่เรียบง่ายแต่มีประโยชน์ Wildtrak V6 มีไฟส่องสว่างและเดือยยึดแบบปรับได้ที่ทันสมัย ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ Nissan ใช้กับ Navara รถ Ranger Wildtrak V6 ยังมาพร้อมแผ่นปิดรองกระบะท้ายพลาสติกอย่างหนา เต้าเสียบไฟ 12 โวลต์ กับฝาท้ายกระบะแบบยกง่ายไม่ต้องออกแรงมาก กันสะเทือนหลังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้มีเสถียรภาพที่ดีขึ้นบนพื้นผิวขรุขระ ซึ่งสร้างความแตกต่างได้มากทีเดียว โดยสามารถรับมือกับหลุมบ่อและรอยบุบอื่นๆ ได้ดี มีอาการกระตุก กระตุก และกระตุกน้อยลง การขับขี่จะกระเด้งเล็กน้อย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่นั่งเบาะหลัง และเช่นเดียวกับรถกระบะทั่วไป การขับขี่จะรู้สึกดีที่สุดเมื่อมีน้ำหนักอยู่ที่เบาะหลัง อย่างไรก็ตาม การขับขี่จะผ่อนคลายและมั่นใจมากขึ้นเมื่อไม่ได้บรรทุกของ
ยางออลเทอร์เรน Goodyear 255/55 R20 ให้การทรงตัวและการยึดเกาะถนนที่ดีเพียงพอ เพิ่มศักยภาพในการขับขี่ที่เร้าใจบนถนนแห้ง แต่เมื่อฝนตก ยางดูเหมือนจะขาดการยึดเกาะพอสมควรจนต้องลดความเร็วลงมา จากประสบการณ์ในการลองขับรถกระบะยาง AT ยางรุ่นนี้รักษาการทรงตัวบนถนนด้วยความเร็วที่หลากหลายได้ดี แต่เมื่อมีฝนตก การยึดเกาะดูเหมือนจะลดลงไปพอสมควร นอกจากการปรับแต่งแบบไดนามิกแล้ว ยังต้องยกความดีความชอบให้กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่เชื่อมต่อกับเครื่องดีเซล V6 และเกียร์ 10 สปีด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อทำให้ยางรุ่นนี้มีประโยชน์อย่างชัดเจนบนเส้นทางขรุขระ สำหรับฟิลลิ่งของพวงมาลัยไฟฟ้ายังคงให้ความรู้สึกของการตอบสนองช้าไปนิด แต่มีความหนักแน่นมากกว่าเดิม ซึ่งเหมาะกับสไตล์และภาพลักษณ์ของรุ่น Wildtrak พวงมาลัยหน่วงน้ำหนักเบาที่ความเร็วต่ำ ทำให้จอดและถอยหลังได้ง่าย ไม่รู้สึกหนักหรือบังคับรถได้ยากเกินไป แต่วงเลี้ยวกว้างขึ้น เนื่องจากล้อที่กว้างขึ้น ซึ่งสร้างปัญหาการกลับรถเมื่อใช้งานในเมืองพอสมควรเมื่อจะกลับลำในที่คับแคบ!
โดยรวมแล้ว Wildtrak V6 ราคา 1,519,000 บาท ทำให้ผมนึกถึงตอนที่ Ranger รุ่นเครื่อง 3.2 ลิตร กระบะที่สร้างความประหลาดใจให้กับคู่แข่ง หลังจากนั้น Ford ก็ทำได้อีกครั้ง ด้วยการใส่ความเร่าร้อนให้มากขึ้นในกลุ่มรถกระบะ Ranger ทั้งหมดทั้งปวงด้วยเครื่องยนต์ที่พัฒนามานาน จนกลายเป็น Wildtrak V6 ที่ได้รับการยกระดับปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ไล่ตั้งแต่ระบบส่งกำลัง ช่วงล่าง ความสบายในห้องโดยสารและระบบความปลอดภัย มีเหตุผลในการเลือกใช้เครื่องยนต์ดีเซลสี่สูบเทอร์โบคู่ ซึ่งตามตรรกะแล้ว เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 213 แรงม้า เป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่การมาถึงของรถที่มีสมรรถนะดีกว่า สมบูรณ์แบบมากกว่า แม้จะเป็นรอง Raptor ชัดเจนว่าคนที่เลือก Wildtrak V6 ต้องการเพลิดเพลินกับแรงบิดที่มากขึ้น ความนุ่มนวลและแรงขับเคลื่อนเพิ่มเติมนั้นเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการขับทางไกล แต่ไม่อยากจากแพงกว่าและต้องการความประหยัดที่ยังมีให้อยู่ สุดท้าย Ford ยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพการขับ ความสะดวกสบาย การออกแบบภายใน มากกว่าความเร็วสูงสุดที่ทำได้แค่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งก็ถือว่าเร็วมากแล้วในรถปิคอัพหนักสองตัน ระวังใบสั่งจะปลิวว่อนนะครับ.
อุปกรณ์ภายในห้องโดยสาร
ระบบเลือกโหมดการขับขี่ Terrain Management แบบหมุน
ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB
ฟังก์ชั่น Auto Brake Hold
ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger
เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง
เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง
เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง แบบ Wildtrak
ช่องต่อไฟ 12V 1 ช่อง
ช่องต่อไฟ 230V 1 ช่อง
มาตรวัด Full Digital แบบสี ขนาด 8.0 นิ้ว
ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
ระบบ Engine Remote Start
ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone
ระบบปรับอากาศ สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงอัตโนมัติ
ช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า แบบ USB บนกระจกมองหลัง
ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light
กระจกหน้าต่างไฟฟ้า พร้อมระบบ One-Touch คู่หน้า
หน้าจอกลางระบบ Touchscreen ระบบ Multi-touch ขนาด 12.0 นิ้ว
รองรับ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย Wireless
ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A
ระบบ FordPass Connect
ช่องเชื่อมต่อ USB 4 ตำแหน่ง
ลำโพง 6 ตำแหน่ง
ระบบความปลอดภัย
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control พร้อมระบบ Electric Brake Booster
ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HLA
ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM
ระบบช่วยลงทางลาดชัน HDC
ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน Emergency Assistant
ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่าง Adaptive Cruise Control พร้อมระบบ Stop & Go
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane Centering
ระบบเปิด-ปิดไฟสูง อัจฉริยะ Auto HighBeams
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ พร้อมตรวจจับคนเดินถนน AEB
ระบบเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keeping Assist
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning
ระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Information
ระบบตรวจจับรถขณะก่อนออกจากช่อง Cross Traffic Alert
ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง Reverse Brake Assist
ระบบช่วยหักพวงมาลัย เพื่อเลื่องการปะทะ Evasive Steering Assist
ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย-หัวเข่าคนขับ)
ระบบกล้องรอบคัน 360 องศา
เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด ด้านหน้า และ ด้านหลัง
สีส้มเหลือง Luxe Yellow
สีเทา Meteor Grey
สีดำ Absolute Black
สีขาว Arctic White