หลังจากออกขายได้ไม่นานนัก Civic รุ่นใหม่ก็ถูกปรับโฉมเพิ่มความสด นี่คือรถทดสอบ Civic RS e:HEV โมเดล Facelift 2024 เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร พลังงานผสมแบบไฮบริด นั่นดูเหมือนจะทำให้ดูช้าลง และอาจทำให้ความสนุกของการขับ New Civic หมดไป แต่เรื่องของระบบส่งกำลังที่ดูธรรมดาเกินไป ไม่ใช่สิ่งที่ Honda ต้องการส่งมอบให้กับลูกค้า Civic e:HEV มีเครื่อง  e:HEV ที่แรงใช้ได้และประหยัดเอาเรื่อง การจูนช่วงล่างและพวงมาลัยที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น ช่วยทำให้ Civic ไฮบริดขับได้อย่างโดดเด่น อัตราสิ้นเปลือง แน่นอนว่าดีกว่ารุ่น 1.5 เทอร์โบ รวมถึงความเงียบ พลังงานในรูปแบบของแรงบิด สำหรับการเร่งความเร็วเพื่อแซง การทรงตัวที่ทำให้คนชอบขับเร็วรู้สึกพึงพอใจ 

...

Honda Civic เป็นซีดานขนาดกะทัดรัดรุ่นขายดีที่ถูกเบียดบังโดยยอดขายของรถเอสยูวีอย่าง C-RV และ H-RV ทุกวันนี้ Civic กลายเป็นรถเล็กที่มีขนาดตัวถังใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ขนาดที่โตขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น หลังจากออกขายได้ไม่นานนักแค่สองปี Civic รุ่นปรับโฉมประจำปี 2024 ก็ถูกส่งออกมาต่อสู้กับรถยนต์ไฟฟ้าของจีน Civic FE รุ่นท็อปสุด RS e:HEV รุ่นปรับโฉม ยังคมีจุดเด่นตรงที่ส่วนกระจังหน้าโหนกนูน ไฟหน้า LED พร้อมระบบยกหรือลดไฟสูงอัตโนมัติมีไฟ LED Daytime Running Light พร้อมกับไฟเลี้ยว LED อยู่ภายใต้กรอบไฟเดียวกัน กระจังหน้าเรียวเล็ก แปะตราสัญลักษณ์ RS เพื่อบ่งบอกตัวตนถึงความเป็น Civic รุ่นสูงสุด ตัวอักษร H โทนสีน้ำเงินบ่งบอกตัวตนถึงรุ่น e:HEV กันชนใหม่ดูมีไดนามิกขึ้นมาอีกนิด ล้อลายใหม่ขอบ 18 นิ้ว พ่นสีเทาด้านที่ล้างทำความสะอาดได้ง่าย เวอร์ชัน RS จะมีชุดแต่งรอบคัน โดยเฉพาะการตกแต่งชิ้นงานรอบตัวถังด้วยพลาสติกสีดำเงา

...

...

กันชนหน้าใหม่มีช่องรับอากาศโดยใช้พลาสติกสีเทาดำตกแต่งเพื่อความสวยงาม ฝากระโปรงหน้าเรียบหรูมีการยกสันนูนบริเวณขอบของไฟหน้าเพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับแก้มข้าง ไฟหน้า LED มาพร้อมระบบไฟอัตโนมัติ ทำงานโดยยกหรือลดไฟสูงขณะขับตอนกลางคืนบนถนนที่ปราศจากแสงไฟ โดยภาพรวม กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ค่อนข้างลงตัว โดยเฉพาะไฟหน้าที่มากับระบบยกหรือลดไฟสูงอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน ไฟตัดหมอกคู่หน้า ไฟท้าย LED แบบ C line ที่ใช้เทคนิค Fine Cut เอกลักษณ์เฉพาะของ Honda ที่ควบคุมการกระจายแสงสว่างอย่างสม่ำเสมอ ให้แสงไฟชัดเจน

...

Honda Civic รุ่นปรับโฉม 2024 มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย กับ 2 ระบบขับเคลื่อ
เบนซิน 2.0 ลิตรระบบฟูลไฮบริด e:HEV เพิ่มความคุ้ ปรับราคาใหม่

Civic Facelift รุ่น e:HEV EL+ ราคา 1,099,000 บาท
Civic Facelift รุ่น e:HEV RS ราคา 1,239,000 บาท
Civic Facelift 1.5 เทอร์โบ รุ่น EL + ราคา 1,039,000 บาท

เทคโนโลยี Roof Braze ลดรอยต่อบริเวณหลังคา ช่วยให้ตัวรถมีเส้นสายที่สวยงามและเฉียบคม มิติตัวถังของ Honda new Civic RS e:HEV มีขนาดความยาว 4,673 มิลลิเมตร กว้าง 1,800 มิลลิเมตร สูง 1,414 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,735 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,546 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,574 มิลลิเมตร รถรุ่นใหม่ ยาวขึ้น 25 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 1 มิลลิเมตร เตี้ยลง 2 มิลลิเมตร และ ระยะฐานล้อยาวขึ้น 37 มิลลิเมตร ล้ออัลลอยสีดำด้าน แบบสปอร์ต ขนาด 18 นิ้ว ยาง michelin pilot sport 4 ไซส์ 235/40 ZR18

ไฟท้าย LED ขนาดใหญ่ ขอบของฝาท้ายติดตั้งสปอยเลอร์ที่มีลักษณะคล้ายกับครีบรีดอากาศ กันชนหลังมีพลาสติกมัลติรีเฟคเตอร์ฝั่งละข้าง ท่อระบายไอเสียแบบแยกหม้อพักสองใบทั้งฝั่งซ้ายและขวา ปลายท่อทรงรีทำจากโลหะชุบสีเงิน เสาท้ายที่ค่อนข้างลาดเอนมีองศาที่ใกล้เคียงกับเสาท้ายของรถรุ่นพี่อย่าง Accord สัญลักษณ์ RS บริเวณมุมขวาของฝาท้าย จุดเด่นของบั้นท้ายก็คือไฟท้าย LED แบบใหม่ที่ใหญ่ขึ้นมากกับชิ้นงานพลาสติกสีดำของครีบรีดอากาศและเสาอากาศครีบปลาฉลาม

Honda Civic 2024 ระบบความปลอดภัย Honda SENSING ทุกรุ่นย่อย เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และหลัง 4 จุด Google built-in แอป บริการของ Google ติดตั้งในตัว ในทุกรุ่นย่อย เครื่องเสียงลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระ และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

Civic RS e:HEV มีการออกแบบที่ Honda เรียกว่า “Fine Morning” เน้นการสร้างความรู้สึกที่แปลกใหม่ของงานตกแต่งภายใน แดชบอร์ดคอนโซลที่ห่อหุ้มด้วยไวนิลแบบผิวสัมผัสนุ่ม ความสะดวกสบายเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร วัสดุและรูปแบบของเบาะตัวใหม่ ลามไปถึงเบาะหลังที่มีพื้นที่กว้างมากพอ งานตกแต่งด้วยพลาสติก หนังเทียมและผ้าเนื้อดีที่ทำให้ผิวสัมผัสเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น FE มาพร้อมคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ จัดวางเลย์เอาต์และฟังก์ชันการใช้งานให้ลงตัว ด้วยรูปแบบใหม่ที่ฉีกออกไปจาก Civic รุ่นที่แล้วแบบหน้ามือเป็นหลังมือ มันยังทำตัวได้ดีเมื่อลองนั่งในเบาะผู้โดยสารตอนหลัง เบาะแบบใหม่หุ้มด้วยไมโครไฟเบอร์ที่ให้ผิวสัมผัสคล้ายกับหนังกลับ Alcantara สะดวกสบายยิ่งขึ้นกับเบาะที่นั่งคนขับที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ พร้อมโครงสร้างแผ่นเรซินรองรับสรีระแบบเต็มพื้นที่ ตั้งแต่ช่วงหลังส่วนบน กระดูกเชิงกราน จนถึงต้นขา เพื่อให้ได้ความรู้สึกในการนั่งที่โอบกระชับและรับน้ำหนักได้อย่างสมดุล เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า เบาะทุกตำแหน่งเย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง ซึ่งแสดงออกถึงความเป็นรถ Honda ในเวอร์ชัน RS ห้องโดยสาร รุ่น e:HEV RS เบาะที่นั่งลายใหม่ Prime smooth วัสดุเบาะหนังกลับและหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ตกแต่งแผงคอนโซลหน้าและแผงประตูด้านข้างสีแดงสไตล์สปอร์ต ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง เบาะที่นั่งด้านหลัง แยกพับแบบ 60:40 

มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย อุปกรณ์ชาร์จโทรศัพท์มือถือไร้สาย (Wireless Charger) ช่องปรับอากาศและช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เบาะหลังแบบปรับพับได้ มาตรวัดแบบใหม่ เป็นมาตรวัดแบบจอภาพ TFT LCD บรรจุจอแสดงข้อมูล MID multi function display ควบรวมไว้ในกรอบวงกลมของมาตรวัดรอบและวัดความเร็ว จุดที่ทำออกมาได้น่ารักดีก็คือ กึ่งกลางของมาตรวัดจะแสดงผลรูปรถและระบบต่างๆ ทั้งไฟเลี้ยว ไฟหน้า ไฟเบรก ไฟฉุกเฉิน มาตรวัดความเร็ว ตรงกึ่งกลางจะแสดงสถานะของโหมดขับเคลื่อนเมื่อสวิตช์ปรับโหมดถูกกดใช้งาน

เครื่องเสียง Bose หน้าจอสัมผัส 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto(TM) ไร้สาย รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ในทุกรุ่นย่อย Honda CONNECT เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ตำแหน่งของจอภาพมอนิเตอร์กลางสั่งงานด้วยระบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว วางอยู่บนแดชบอร์ด ความคมชัดใช้ได้ แต่กล้องมองหลังยังต้องปรับปรุง บรรจุฟังก์ชันการใช้งานระบบอินโฟเทนเมนต์ การเชื่อมต่อสื่อสารต่างๆ ระบบบลูทูธซึ่งกลายเป็นของที่ขาดไม่ได้สำหรับรถยนต์ยุคใหม่ Honda ออกแบบหน้าจอได้ดีตรงที่มีปุ่มปรับความดังของลำโพงติดอยู่ข้างจอภาพด้านขวา รองรับ Apple CarPlay แบบไม่ต้องเสียบสายให้วุ่นวายอีกต่อไป กล่องเก็บของใต้คอนโซลกลางสำหรับวางโทรศัพท์เพื่อชาร์จไฟ ส่วนโทรศัพท์ที่จะชาร์จได้คงต้องเป็นรุ่นใหม่อย่างแน่นอนที่สุดเพราะลองเอา iPhone 7 ลงไปวางก็ยังนิ่งเงียบไม่มีไฟเข้าแต่อย่างใดทั้งสิ้น Honda ยังให้ช่องเสียบไฟแบบ 12V 180W มาให้ คู่กับช่อง USB สำหรับโทรศัพท์ที่หิวกระหายการชาร์จ ส่วนจอภาพก็มาครบทั้งเนวิเกเตอร์ กล้องมองด้านหลังและด้านข้าง (ซ้าย) คำนวณระยะทางและอัตราสิ้นเปลือง ความคมชัดของจอเมื่อลองเล่นโหมด VDO ผ่าน USB ถือว่าใช้ได้

ปุ่มปรับทิศทางลมของช่องแอร์ เป็นก้านพลาสติกสำหรับปรับทิศทางลมแอร์ วัสดุคาดกลางคอนโซลตกแต่งสีแดงเพิ่มเติม ดีไซน์แบบรังผึ้งทำจากพลาสติกเกรดดี จุดที่สวยงามและคล้ายกับรถรุ่นพี่อย่าง Accord ก็คือ ปุ่มปรับอุณหภูมิแบบดิจิทัลแยกโซน ปุ่มปรับจะมีการเรืองแสงสีขาวอยู่ภายใน การปรับตั้งง่ายๆ แค่หมุนไปตามความต้องการ ทั้งปรับทิศทางของลมแอร์ ปรับอุณหภูมิแยกซ้ายขวา กับสวิตช์สั่งงานอยู่ด้านล่าง ติดตั้งมาในตำแหน่งที่สามารถเอื้อมมือไปปรับได้อย่างสะดวกระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) Google built-in แอปและบริการของ Google ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ช่อง 2 ช่องด้านหน้า และ 2 ช่องด้านหลัง 

พวงมาลัยสามก้านแบบใหม่ มีทรงที่เพรียวบางน่าจับมากกว่าเดิม มาพร้อมกับหนังที่หุ้มรอบวงและเย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายแดงเหมือนกับเบาะและแผงประตู พวงมาลัยยังมีแป้นเปลี่ยนเกียร์ติดมาให้ใช้งานเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนรูปแบบของตัวแป้น Paddle Shift ใหม่ ก้านวงด้านขวา ใช้ปรับตั้งระบบปรับความเร็วอัตโนมัติ Honda Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow ส่วนก้านวงด้านขวาใช้ปรับโหมดการเลือกเล่นในระบบอินโฟเทนเมนต์ ส่วนซุ้มคันเกียร์มีช่องวางแก้วน้ำมาให้สองตำแหน่ง คันเกียร์แบบใหม่หุ้มด้วยถุงหนังสีดำเย็บตะเข็บด้วยด้ายแดง พนักเท้าแขนที่เปิดออกแล้วเป็นกล่องเก็บของเล็กๆ แผงประตูแบบใหม่บริเวณตอนหน้าทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสารติดตั้งแถบไฟ LED เรืองแสงสีแดงในตอนกลางคืน

Civic RS e:HEV 3 โหมด ปรับเปลี่ยนการตอบสนองของเครื่องยนต์และระบบเกียร์ โหมดการขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) สำหรับโหมดการขับขี่ เลือกได้ 3 โหมด ได้แก่

ECON Mode - โหมดการขับขี่แบบประหยัด พร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น

Normal Mode - โหมดการขับขี่แบบปกติ สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป

Sport Mode - โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่การทำงานของเครื่องยนต์ตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ (เฉพาะรุ่น RS)

เครื่องยนต์พลังงานผสมไฮบริด เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC 1,993 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 81.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 96.7 มิลลิเมตร ระบบจ่ายเชื้อเพลิง Direct Injection ฝาสูบแบบ Atkinson Cycle เครื่องยนต์เพียวๆ ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 182 นิวตันเมตร เสริมแรงบิดด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบเกียร์ กำลัง สูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร เครื่องยนต์วางตามขวาง ขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผัน E-CVT เป็นระบบเกียร์แบบเดียวกับ Honda Accord Hybrid แต่มีการปรับปรุงการทำงานใหม่ แบตเตอรี่ในระบบ Hybrid ที่ใช้จ่ายไฟให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า แบบ Lithium-ion ความจุ 1.0 KWh ชุด Intelligent Power Unit (IPU) ยกระดับการทำงานใหม่หมด ในจุดนี้ ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก โดยปรับการทำงานร่วมกับ Power Control Unit (PCU) ที่ควบคุมการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ตัวเลขสมรรถนะ เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

มอเตอร์ไฟฟ้า AC Synchronous Permanent Magnet Electric Motor 2 ตัว ประกอบด้วยมอเตอร์ปั่นไฟหรือ Generator และมอเตอร์เสริมแรงบิดสำหรับขับเคลื่อนร่วมกับเครื่องยนต์ กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร ที่ 0-2,000 รอบต่อนาที

Honda เคลมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 25.0 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ขับจริงด้วยโหมดสปอร์ตบนเส้นทางภูเขา ใช้ความเร็วต่อเนื่อง ทำได้ 17.2 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อย CO2 อยู่ที่ 96 กรัม/กิโลเมตร

ระบบรองรับของ Civic Turbo RS 2022 ด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง สำหรับกันสะเทือนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงค์ ช่วงล่างชุดใหม่ทำให้สัดส่วนความสูงลดลงเล็กน้อย เหล็กกันโคลงมีการเพิ่มความหนาขึ้นอีกนิดเพื่อความแข็งแรง เข้ายึดซับเฟรมช่วงล่างติดกับตัวถังถูกขั้นด้วย Hydraulic Suspension Bushing ช่วยซับแรงสั่นสะเทือน ระบบบังคับเลี้ยวยังคงใช้พวงมาลัยไฟฟ้า Dual Pinion Variable Ratio Electric Power Assisted Rack and Pinion Steering มีการปรับปรุงการทำงานคล้ายกับพวงมาลัยไฟฟ้าติดตั้งมอเตอร์ทั่วไป แต่สิ่งที่แตกต่างจากพวงมาลัยไฟฟ้าแบบอื่นๆ ก็คือนอกจากจะใช้มอเตอร์ผ่อนแรงหมุนเหมือนกันแล้ว อัตราทดของพวงมาลัยยังแปรผันไปตามความเร็วได้แบบอัตโนมัติ เป็นการเพิ่มเติมประสิทธิภาพของชุดบังคับเลี้ยวให้ดีขึ้นกว่าที่เคยมีมา น้ำหนักที่ผกผันไปตามความเร็วมีทั้งเบาสบายมือในย่านความเร็วต่ำ และตึงกระชับสอดรับกับการใช้ความเร็ว ส่วนห้ามล้อใช้ดิสเบรกหน้า-หลัง จานดิสหน้ามีช่องระบายความร้อน พร้อมกับระบบช่วยเบรก เช่น ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA

เครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตร มีมอเตอร์อยู่ในระบบเกียร์ E-CVT (Electrical Continuously Variable Transmission) อัตราเร่งในโหมด Sport และการบริหารเชื้อเพลิงเมื่อขับเร็วจี๋อยู่ในเกณฑ์ดี ระบบส่งกำลัง CVT ใน Civic e:HEV ปรับให้เกียร์ที่มีมอเตอร์เสริมแรงตอบสนองได้เร็วและเทแรงบิดได้ดีกว่าเดิม ลดอาการย้วยของเกียร์ สมรรถนะด้านอัตราทดที่แปรผันได้ สอดรับกับแรงม้าและแรงบิดของเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เกียร์ e:CVT หรือเกียร์อัตราทดต่อเนื่องแปรผันใน Civic e:HEV ยังเพิ่มความสะดวกในการใช้งานด้วยการติดตั้งแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ Paddle Shift มาให้หลังพวงมาลัย Paddle ใน Civic e:HEV กลายเป็นระบบ regenerative braking ที่ปรับการหน่วงได้หลายระดับเพื่อชาร์จกลับพลังงานไฟฟ้า

เกียร์ Electrical Continuously Variable Transmission ลื่นไหลไร้รอยต่อ การทำงานเรียบเนียน อาการย้วยหายไป กดแป้น Paddle Shift เพื่อเพิ่มหรือลดการหน่วงของระบบสะสมพลังงาน เมื่อขับลงจากทางลาดชันหรือเส้นทางบนภูเขาที่ต้องใช้เกียร์ต่ำขึ้น-ลง เกียร์ CVT ของ Civic e:HEV นอกจากจะช่วยหน่วงความเร็วขณะขับลงเนินแล้ว ชุดสายพานส่งกำลังยังใช้สายพานโลหะที่มีความคงทนถึงสองเส้น เกียร์ CVT ลูกนี้ยังทำให้อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อทดลองขับ เกียร์ CVT ที่ปรับใหม่ของ Civic e:HEV ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร มีส่วนช่วยสร้างอัตราเร่งที่ดีขณะออกตัวจากสัญญาณไฟ การทำงานของเกียร์ที่มีมอเตอร์เสริมแรงช่วยผ่องถ่ายแรงบิด ออกแบบมาให้เพิ่มความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ย่านความเร็วเดินทางบนไฮเวย์ เกียร์ CVT ช่วยปรับให้รอบเครื่องยนต์ต่ำลง โดยใช้อัตราทดต่ำ ซึ่งช่วยลดรอบเครื่องยนต์ลงได้มาก เพื่อทำให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลง เมื่ออัตราสิ้นเปลืองที่ลดลง ทำให้ค่าการปล่อย Co2 ต่ำลงด้วย

กำลังสูงสุดรวม 184 แรงม้า ในย่าน 5,000 - 6,000 ต่อนาที แรงบิด 315 นิวตันเมตร ในย่าน 0-2000 รอบต่อนาที เน้นเทแรงบิดสูงสุดในรอบต่ำ เพื่อการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งที่ว่องไวใช้ได้ ช่วงล่าง Civice e:HEV รับมือกับสภาพผิวถนนที่มีความหลากหลายได้ดี ในด้านของความนุ่มนวล กระชับและสอดรับกับสภาพถนนที่หลากหลาย การขับบนถนนสารพัดรูปแบบ ช่วงล่างจะต้องเจอกับผิวถนนที่ไม่เรียบ Civic RS ไฮบริด มีความสบายมากกว่าเดิม จากโช้คอัพและสปริงที่คอยผ่อนสั้นผ่อนยาว ทำให้นั่งขับทางไกลได้โดยไม่มีอาการเหนื่อยล้า ยางติดรถ Pilot Sport 4 ไซส์ 235/40ZR18 มีประสิทธิภาพในด้านการยึดเกาะกับผิวถนนที่สูงมาก แต่เสียงการทำงานของยางจะดังกว่ายาง Yokohama ขอบ 17 นิ้วใน RS 1.5 Turbo เมื่อบดลงไปบนพื้นถนน การยึดเกาะของยางที่ออกมาแบบมาสำหรับรถสปอร์ตพลังสูง ให้สัมผัสถึงกริ้บที่หนึบแน่นเหมือนกับยางสปอร์ตพันธุ์แท้ทั่วไป โดยเฉพาะอาการในโค้งที่เกาะหนึบราวกับตุ๊กแก เมื่อซัดเร็วๆ Pilot Sport 4 ส่งถ่ายกริ้บที่มาดมั่นของยางสายพันธุ์สปอร์ตออกมาอย่างเต็มข้อ มันพยายามเกาะจิกให้ติดกับผิวถนนอยู่ตลอดเวลาจากการปรับแต่งช่วงล่างของวิศวกร Honda ทำให้เกิดความมั่นใจเมื่อใช้ความเร็วสูง โดยเฉพาะการเทโค้ง ที่ความเร็วสูง Pilot Sport 4 ส่งเสียงดังไม่แตกต่างไปจากยางสปอร์ตทั่วไป ซึ่งไม่เน้นการเก็บเสียงแต่เน้นไปที่การยึดเกาะ ที่ความเร็วต่ำถือว่าเก็บเสียงของหน้ายางที่บดลงไปบนถนนได้ดีพอใช้ ดอกยางแบบสปอร์ตและแก้มยางที่แข็งแรง มีส่วนช่วยทำให้รถเกาะถนนได้ดีมาก

การสร้างเสียงจำลองในโหมดสปอร์ตเพื่อสร้างความเร้าใจก็ทำได้ดี แต่มันเบาเกินไปและมีเสียงคล้าย Super Bike อยากให้ Honda ออกแบบซอฟต์แวร์ของเสียงจำลองจากเครื่องยนต์ให้สามารถปรับความดังได้ รวมถึงแปรผันโทนเสียงไปตามการใช้ Paddle Shift นั่นจะดีมากเลย การทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร e:HEV ที่เร้าใจกว่า เมื่อเทียบกับเครื่องเบนซินตัวเล็กความจุ 1.5 ลิตร เครื่องยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่มีรอบสูงใช้ได้ เมื่อขับแบบลากรอบ เสียงเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 4 สูบ ไม่มีระบบอัดอากาศ จะครางเบาๆ การตอบสนองของเครื่องยนต์ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมาก รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองก็ยังโดดเด่นแม้จะขยี้คันเร่งมาตลอดทางก็ไม่ได้กินจุมากมายอะไรเนื่องจากการปรับจูนมาจากโรงงานเพื่อทำให้เครื่องยนต์ไฮบริดตัวนี้กินเชื้อเพลิงเท่าที่จำเป็น เชื้อเพลิงแบบ E10/E20 หรือโซฮอล์ 91 ก็เพียงพอต่อความต้องการไม่จำเป็นต้องดิ้นรนไปเติม แต่เวลาทดสอบทางไกล ผมชอบเติมโซฮอล์ 95 เพื่อให้ค่าออกเทนของเชื้อเพลิงเหมาะสมกับประสิทธิภาพของเครื่องยนต์

ระบบบังคับเลี้ยวแม่นยำ มีน้ำหนักที่เหมาะสมในทุกย่านความเร็ว เกิดจากการปรับปรุงอย่างตั้งใจของ Honda การขับออกทางไกลไปถึงหลังเขื่อนปราณบุรี ซึ่งมีทางขึ้นลงเนินสลับโค้งขึ้นลงเขา  RS e:HEV เปิดเผยความสามารถออกมาให้เห็นว่ารุ่นไฮบริดขับได้ดีกว่ารุ่น 1.5 เทอร์โบ ขากลับจากปราณบุรีที่ต้องผจญกับฝนตกหนักตลอดทางและมีแอ่งน้ำขังอยู่บนถนนจนมาถึงด่วนพระรามสองตอนสามทุ่ม ทันเวลาปิดพอดี ได้ยาง Pilot Sport 4 ช่วยเอาไว้ได้เยอะมาก แม้ภายนอกจะดูมีอายุ แต่ภายในก็ตกแต่งมาดี มีความสวยงามน่าใช้ อุปกรณ์ในระบบความปลอดภัยและระบบช่วยขับให้มาเยอะพอสมควร ราคาที่แพงกว่า เกิดจากการโยกเทคโนโลยีไฮบริดลงมาใส่ ทำให้เกิดต้นทุนที่แพงกว่ารุ่นปกติ Civic RS e:HEV มีการขับที่เฉียบคม ทำให้กลายเป็นรถที่ตัดสินใจซื้อได้ไม่ยาก เป็นซีดานเล็กที่วางตัวอยู่เหนือรถคู่แข่งอย่าง Toyota Corolla Altis GR Sport ถ้าลองขับก็จะรู้ได้ถึงความแตกต่างเป็น Civic ที่มีให้ทั้งความนวล อัตราเร่ง การทรงตัวในโค้ง การถ่ายเทน้ำหนักขณะเบรก ส่วนระบบความปลอดภัยโดยเฉพาะกล้องมองด้านข้างนั้นไม่ต้องใส่มาให้ก็ได้เพราะไม่ค่อยได้ใช้งาน โดยภาพรวม RS e:HEV มีประสิทธิภาพดีเกือบจะทุกจุดยกเว้นราคาที่แพงกว่าคู่แข่ง ถ้าอยากได้และไม่ได้เดือดร้อนเวลาผ่อนก็จัดเลยครับ รับรอง ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน.

Honda Civic Facelift 2024

สีภายนอก 6 สี
สีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น EL+ และ e:HEV EL+
สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)
สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)
สีดำคริสตัล (มุก)
สีขาวแพลทินัม (มุก)

ภายในสีดำและสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)