สำหรับคนชอบรถประหยัดและมีการตอบสนองดี Nissan Kicks e-Power เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดูจะเหมาะกับการขับแบบประหยัดบวกกับสมรรถนะในการทำความเร็ว! ความประหยัดของระบบส่งกำลัง e-Power ควบคู่กันไปในเครื่องยนต์ที่ถูกใช้เป็นเครื่องปั่นไฟ แทนที่จะใช้ขับเคลื่อนล้อหน้า Kicks เป็นรถ Nissan ที่ขับสนุกและมีประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะเป็น อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่โดดเด่น การเร่งความเร็วจากจุดหยุดนิ่งไปถึงความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แน่นอนว่า สู้รถไฟฟ้าจีนอย่าง BYD Atto 3 ไม่ได้ แต่ Kicks ก็ทำได้ดีกว่าในวันที่ต้องรีบเร่ง เมื่อไม่ต้องรอชาร์จไฟในขณะที่ขับใช้งานทางไกล ในบริเวณที่ปราศจากจุดชาร์จ Kicks เป็นรถที่ขับเรื่อยๆ ในเมืองก็ประหยัดน้ำมันไม่แพ้เจ้าตลาดอย่าง Corolla Cross Hybrid และ Honda HR-V e:HEV ยิ่งถ้าใช้ regenerative braking หรือระบบหน่วงความเร็วเพื่อชาร์จให้คุ้นชิน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะมีตัวเลขที่น่าพึงพอใจ อุปกรณ์บางอย่างไม่มี เช่น ช่องแอร์หลัง ฝาท้ายเปิดด้วยไฟฟ้า ราคา 939,900 บาท กับ Kicks Star Edition มีกล้องรอบคัน และ Auto Brake Hold/เบรกมือไฟฟ้า เป็นรถที่มีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็ต้องต่อสู้อยู่ในกลุ่มรถเจ้าตลาดอย่าง Toyota Corolla Cross กับ Honda HR-V 

...

...

...

อุปกรณ์ใน Nissan Kicks Star Edition ราคา แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) จำนวน 4 โมดูล 96 เซลล์
กระจังหน้ารูปตัววี และคิ้วกันชนหน้าสีดำ
สติกเกอร์สัญลักษณ์ Star Edition ที่เสา C
คิ้วกันชนหลังสีดำ พร้อมสัญลักษณ์ Star Edition
กระจกมองข้างสีเงิน 
สัญลักษณ์ Star Edition ที่พนักพิงศีรษะ
เบาะคู่หน้า คิ้วบันไดสเตนเลส สัญลักษณ์ Star Edition 
ชุดพรมพร้อมผ้ายางปูพื้น สัญลักษณ์ Kicks
ชุดตกแต่งรอบที่ปรับแอร์สีดำ พร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย

...

Nissan เปิดตัว Kicks ในปี 2021 ความสับสนจากการสื่อสารในเรื่องของระบบส่งกำลัง ทำให้ Nissan Kicks ทำตลาดได้ไม่ค่อยจะดีนักเมื่อขึ้นไปอยู่บนโชว์รูม แต่หลังจากนั้น เมื่อคนที่กำลังมองหารถใหม่เข้าใจระบบขับเคลื่อนของ Kicks รถครอสโอเวอร์รุ่นนี้ก็เริ่มขายได้ดีขึ้น  เอาเป็นว่า นี่คือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนเครื่องยนต์ตัวเล็กแบบ 3 สูบ รับหน้าที่ปั่นกระแสไฟป้อนไปให้แบตเตอรี่ ทำให้ Kicks ไม่ต้องเสียเวลาในการชาร์จไฟ เน้นอีกครั้งว่า เครื่องยนต์ของ Kicks ทำหน้าที่เป็นเจเนอเรเตอร์ หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ เครื่องยนต์ถูกใช้เป็นเครื่องปั่นไฟใส่แบตเตอรี่ขนาดกะทัดรัด ไม่ได้ทำหน้าที่ถ่ายแรงบิดไปยังเกียร์เพื่อขับเคลื่อนล้อแต่อย่างใดทั้งสิ้น จุดเด่นของระบบ e:Power ก็คือ การใช้เครื่องยนต์ปั่นกระแสไฟฟ้าแต่เพียงอย่างเดียว ทำให้ไม่ต้องนั่งรอชาร์จไฟนานเหมือนรถไฟฟ้าทั่วไป เครื่องยนต์จะมีโหลดเพิ่มขึ้นก็ต่อเมื่อคนขับใช้ความเร็วสูงต่อเนื่อง เพราะต้องปั่นไฟไปใส่แบตเตอรี่ หรือในบางจังหวะก็ปั่นไฟให้กับมอเตอร์ขับเคลื่อนโดยตรง เมื่อน้ำมันใกล้หมดก็เข้าปั๊มเติมน้ำมันใส่ถังขนาดเล็ก แล้วออกมาวิ่งต่อได้เลยไม่ต้องรอชาร์จไฟแบบรถยนต์ไฟฟ้าให้เสียอารมณ์เพราะเสียเวลา ยิ่งตู้ชาร์จเร็วที่โดนแจมชาร์จหรือมีรถมาชาร์จอยู่ข้างๆ ก็ยิ่งเป็นการดึงกระแสไฟทำให้ช้าหนักเข้าไปอีก การเดินทางไกลไปในสถานที่ที่ไม่มีจุดชาร์จของรถไฟฟ้าทำให้เกิดความกังวล แต่ e-Power ใน Kicks นั้นแค่มีปั๊มน้ำมันก็ไปต่อได้อีกเฉียดๆ 500 กิโลเมตร นั่นจึงเป็นจุดเด่นของ Nissan นอกจากเรื่องของความประหยัด 

ระบบขับเคลื่อน e-Power กึ่งไฟฟ้าของ Kicks ทำให้ไม่ต้องมานั่งชาร์จพลังงาน เพราะใช้เครื่องยนต์เป็นเครื่องปั่นไฟในตัวเอาไปเก็บในแบตฯ หรือบางจังหวะก็แปลงพลังงานไฟฟ้าถ่ายเทตรงๆ ไปยังมอเตอร์ขับเคลื่อนเมื่อคนขับใช้ความเร็วสูง หรือขับแบบเร่งความเร็วอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด รถทดสอบ Nissan Kicks พร้อมชุดแต่ง Star Edition ที่ Nissan Thailand ส่งมาให้ทดสอบ เป็นรถยนต์คอมแพ็กครอสโอเวอร์ที่มีการปรับปรุงใหม่ให้ใช้งานได้อย่างโดนใจมากกว่าเดิม ในเวอร์ชันของปี 2024 Kicks มาพร้อมเทคโนโลยี e:power เจเนอเรชัน 2 (2nd Generation e-POWER) ระบบขับเคลื่อนกึ่งรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ต้องพึ่งพาการชาร์จไฟฟ้าใส่แบตเตอรี่จากสถานีชาร์จไฟเมื่อเดินทางไกล 

Nissan Kicks Star Edition มีอัตราเร่งตีนต้นพอใช้ได้ ช่วงล่างกับพวงมาลัยที่ทำให้ขับสนุก ส่วนจะตอบโจทย์คนรุ่นใหม่หรือไม่ ก็น่าจะอยู่ที่ว่า คุณไม่ต้องไปกลัวว่าแบตฯ จะหมดกลางทาง หากมีน้ำมันเหลืออยู่ในถังมากพอ ก็ไปต่อได้เลย อัตราสิ้นเปลืองเมื่อขับเร็วบนเส้นทางภูเขาขึ้นลงเนินในอำเภอหนองปรือ-ศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ที่ 15 กิโลเมตรต่อลิตร ขับเรื่อยๆ บนทางราบ อัตราสิ้นเปลืองลดลงมาเหลือ 17 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อน้ำมันใกล้หมดก็เข้าสถานีบริการเชื้อเพลิง ใช้เวลาเติมแค่ 2-3 นาที น้ำมันเต็มถังก็ออกไปวิ่งต่อได้อีก 500 กิโลเมตร โดยไม่ต้องรอชาร์จเหมือนรถยนต์ไฟฟ้า 100% ซึ่งต้องใช้เวลาในการชาร์จไฟ 1-2 ชั่วโมง คนที่มีธุระรีบร้อนจะต้องเดินทางไกลให้ทันเวลา รถไฟฟ้าราคา 8-9 แสนบาท อาจประหยัดค่าน้ำมันตลอดอายุการใช้งาน แต่ก็ต้องเสียเวลารอชาร์จ หรือมีค่าใช้จ่ายเรื่องประกันภัยที่สูงกว่า บางจุดของรถยนต์ไฟฟ้ายังมีค่าซ่อมบำรุงที่แพงกว่ามากอีกด้วย  

Nissan Kicks e:POWER รุ่นปรับปรุง 2024 ติดตั้ง เทคโนโลยี e:POWER เจเนอเรชันที่ 2 (2nd Generation e-POWER) แบตเตอรี่ขนาด 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWH) มอเตอร์ไฟฟ้าเดินเงียบ เครื่องยนต์แม้จะถูกเร่งความเร็วในรอบสูงก็มีเสียงการทำงานที่ไม่ดังมากนัก และเงียบกว่าเวลาเร่งเครื่องเมื่อเทียบกับรถคู่แข่งที่เป็นเครื่องยนต์ไฮบริด Kicks เร่งเต็มที่แล้วมีเสียงเครื่องเบากว่า เทคโนโลยีคันเร่ง e-Pedal step เร่ง แล้วชะลอความเร็วได้ด้วยการใช้แป้นคันเร่งเดียว เมื่อยกคันเร่งความเร็วจะถูกหน่วงโดย regenerative braking หรือระบบเบรกสะสมพลังงาน ระบบดังกล่าวสามารถปรับตั้งการหน่วงได้สามระดับ ทำให้เมื่อขับแบบเรื่อยๆ จะใช้เบรกไม่มากเท่ากับรถยนต์สันดาปภายใน เพราะแค่ยกคันเร่ง ความเร็วก็ลดลงทันทีเหมือนการแตะเบรกเบาๆ โดยเฉพาะโหมดสปอร์ตนั้น ระบบ regenerative braking ทำงานหน่วงความเร็วได้อย่างชัดเจนมากที่สุด

2nd Generation e-POWER พัฒนาขึ้นโดยแนวคิดการเคลื่อนที่ด้วยพลังงานไฟฟ้าของ Nissan หรือ Nissan Intelligent Mobility ในเจเนอเรชันที่ 2 ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนรถ และใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็ก ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้ากำลังสูง ส่งเข้าแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ทำให้ผู้ขับ ไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการขับและการใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวัน นั่นคือ ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จพลังงานไฟฟ้าจากภายนอกหรือการหาสถานีชาร์จ กำลังและสมรรถนะการขับขี่ที่คล่องแคล่ว ว่องไว เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งที่รวดเร็วใช้ได้ e:POWER เจเนอเรชันที่ 2 รวมเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) กับมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ควบรวมเป็นยูนิตเดียวกัน ทำให้ส่วนของ Inverter มีขนาดเล็กลง 40% น้ำหนักลดลง 30% และเพิ่มความจุแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (Lithium-ion battery) มากขึ้นเป็น 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ช่วยให้เครื่องยนต์มีการทำงานเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าน้อยครั้งลง ลดแรงสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนจากการสตาร์ตของเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น Nissan รับประกันระบบ e-POWER 5 ปี หรือ ระยะทาง 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน

เครื่องยนต์สันดาปภายในของระบบอี-พาวเวอร์ ได้ถูกกำหนดให้มีการทำงานในรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมในการผลิตกระแสไฟฟ้า ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงใกล้เคียงกับ Toyota Corolla Cross เครื่องยนต์ HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบแถวเรียง DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ต่อพ่วงไปยังส่วนประกอบของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าหลัก เช่น เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร (Nm) แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) จำนวน 4 โมดูล 96 เซลล์ เร่งความเร็วราบรื่น เงียบใช้ได้ และการประหยัดน้ำมันที่มีประสิทธิภาพ Nissan เคลมอัตราประหยัดน้ำมันถึง 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร ขับจริงอย่างที่บอกว่า ถ้าขับเร็วก็กิน 15 กิโลลิตร ขับเรื่อยๆ ขยายไปได้ถึง 17 กิโลเมตรต่อลิตร

Normal mode
การขับขี่ในแบบปกติที่ตอบสนองการเร่งความเร็วได้ดี ลักษณะการใช้งานเหมือนขับขี่รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไป มีโหมด D สำหรับการขับขี่ปกติ และ B ที่เพิ่มแรงหน่วงขณะลดความเร็ว ลดการใช้ผ้าเบรก และสร้างกระแสไฟฟ้ากลับคืน

Sport mode
เพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อนและตอบสนองอัตราเร่งและการชะลอความเร็ว

ECO mode
เน้นการออกตัวที่นุ่มนวล ปรับการทำงานของระบบ e:POWER ลดการใช้พลังงาน เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อน มีการใช้เชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ

EV mode
ปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบตเตอรี่ โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกระทั่งพลังงานในแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ วิ่งจริงได้ระยะทางสั้นๆ ในย่านความเร็วต่ำที่ 2-3 กิโลเมตร เครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นมาเพราะแบตเตอรี่ของรถไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่อะไร ใช้วิ่งช้าๆ ในช่วงสั้นๆ เพื่อลดมลพิษ

e-Pedal Step เทคโนโลยีหน่วงความเร็ว ช่วยให้ผู้ขับสามารถเร่งและลดความเร็วเพียงการใช้แป้นคันเร่งเดียว เมื่อยกเท้าออกจากแป้นคันเร่ง ระบบชาร์จพลังงานกลับคืนหรือ regenerative braking ใน e-Pedal Step จะหน่วงความเร็วของรถเพื่อช่วยชาร์จไฟกลับคืนสู่แบตฯ ทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ Sport MODE และ ECO MODE (ทั้งตำแหน่ง D และ B) เมื่อผู้ขับยกเท้าจากคันเร่ง รถจะชะลอความเร็ว โดยความเร็วจะลดลงต่ำสุด 5 กม./ชม. (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุกและความลาดชันของทางที่ขับขี่) ช่วยให้ขับได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการกะระยะห่างระหว่างรถคันหน้า การชะลอเมื่อลงเขาหรือ เมื่อเจอลูกระนาดในเขตชุมชน ชะลอความเร็วอย่างนุ่มนวลขณะทำการเข้าโค้ง นอกจากนี้ขณะที่ e-Pedal Step ทำงาน เครื่องจะสามารถชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ขณะลดความเร็ว เมื่อมีการยกหรือถอนเท้าออกจากคันเร่ง

Kicks Star Edition 2024 รุ่นตกแต่งพิเศษ มาพร้อมลุคใหม่ เน้นอุปกรณ์ตกแต่งที่ทำให้ดูสปอร์ต สำหรับชุดแต่ง Star Edition การออกแบบทั้งหมด Nissan Thailand นำมาใส่ไว้ใน Kicks e:Power คันทดสอบ ทั้งภายนอกและภายใน ภายนอก ชุดแต่งพลาสติกสีดำ กระจังหน้า V-Motion สเกิร์ตหน้าใหม่ สีเงินเมทัลลิค ด้านข้างติดตั้งสเกิร์ตข้างใหม่ กระจกมองข้างสีเงินเมทัลลิคที่สวยงาม พร้อมเลนส์ไฟเลี้ยว LED ภายใน และล้ออัลลอยลวดลายคล้าย BBS RY สีเทา-ดำเงาขนาด 17 นิ้ว บั้นท้ายติดตั้งไฟท้าย LED ทรงบูมเมอแรง มีรูปทรงที่หลอมรวมไปกับเสาท้ายและแนวคอดของบั้นท้าย กันชนหลังตกแต่งด้วยสเกิร์ตหลังใหม่สีเงินเมทัลลิค มิติตัวถัง มีขนาดความยาว 4,330 มิลลิเมตร กว้าง 1,760 มิลลิเมตร สูง 1,610 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,615 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยว 5.1 เมตร น้ำหนักรถโดยประมาณ 1,361 กิโลกรัม

ห้องโดยสารโทนสีดำ คอนโซลหน้าดำ ขณะที่คอนโซลกลาง ตกแต่งด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำ เดินด้ายสีขาวตัดกัน พลาสติกสีดำเงา เปียโน แบล็ก พวงมาลัยหุ้มด้วยหนังแท้ คอนโซลกลางใหม่ ออกแบบให้พอดีกับหลักการทางสรีรศาสตร์ หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลายรูปแบบ เพิ่มฟังก์ชันการแสดงสถานะไฟเบรกระหว่างใช้ระบบ e-Pedal Step หัวเกียร์ดีไซน์ใหม่เหมือนหัวเกียร์ของรถยนต์ไฟฟ้า 100% ตกแต่งด้วยพลาสติกสีดำ เปียโน แบล็ก ไฟตกแต่งที่ขอบ เพิ่มวัสดุบุนุ่มภายใน 3 จุด คือ ที่เท้าแขนตรงคอนโซลกลาง ขอบเบาะนั่ง และช่องเก็บของด้านหน้า พักแขนลดความเมื่อยล้าในการขับทางไกล หรือเมื่อรถติด เพิ่มขนาดพื้นที่วางแก้วน้ำตอนหน้า 2 ตำแหน่ง สามารถปรับระดับ และขนาด เพื่อรองรับแก้วทรงสูงที่มีขนาดใหญ่ และแก้วกาแฟร้อนทรงเตี้ย

ห้องโดยสารยกระดับความหรูหรา คอนโซลกลาง และคันเกียร์ไฟฟ้ารูปแบบใหม่เป็นแท่งสี่เหลี่ยม เวลาจะเข้าเกียร์ D ก็บีบปุ่มข้างๆ แล้วรูดเกียร์เข้ามาหาตัว หรือถ้าจะถอยหลังก็ดันไปข้างหน้า สวิตช์ปรับโหมดการขับเคลื่อนติดตั้งอยู่เหนือตำแหน่งของคันเกียร์ รวมถึงสวิตช์สตาร์ตเครื่องยนต์ สัญลักษณ์ Star Edition ที่กาบบันไดและพนักพิงศีรษะ วัสดุบุนุ่มที่จุดสัมผัสต่างๆ จอภาพมอนิเตอร์ขนาด 8 นิ้ว รองรับเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน 360° Safety Shield ระบบความปลอดภัยขั้นสูง เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ผ่าน Android Auto และ Apple Car Play กล้องมองรอบคัน ระบบอินโฟเทนเมนต์ วิทยุ โทรศัพท์บลูทูธ ช่องเชื่อมต่อ USB แท่นชาร์จมือถือ พื้นที่ขนสัมภาระ, คอนโซลกลางใหม่ที่ออกแบบมาให้เข้ากับสรีระของผู้ขับ

การปรับเบาะที่นั่งครอบคลุมเพื่อรองรับการใช้งาน เบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์สีดำ เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีขาว เบาะคู่หน้าปรับด้วยมือ ออกแบบตำแหน่งท่านั่งของคนขับได้ดี ครอบคลุมการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ การสัมผัสหน้าจอมอนิเตอร์ หรือการยึดจับพวงมาลัยที่ปรับได้สี่ทิศทาง (สูง-ต่ำ -ไกล-ใกล้) เบาะหลังมีพื้นที่พอเพียงสำหรับสองที่นั่ง เอาคนที่สามเข้ามานั่งถ้าเดินทางไกลไม่แนะนำเพราะมีพื้นที่ไม่มากนัก เบาะหลังนั่งสบายพอใช้ได้ แต่พื้นที่เหนือศีรษะไม่มากเท่ากับ HR-V ช่องแอร์ด้านหลังไม่มีมาให้ แต่แอร์เย็นจับใจในวันที่มีอากาศร้อน เพราะห้องโดยสารไม่ใหญ่เและเป็นระบบคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้า แม้เครื่องจะดับขณะจอดติดรอสัญญาณไฟ หรือเคลื่อนตัวด้วยความเร็วต่ำด้วยมอเตอร์ แอร์ของ Kicks MY2022 ก็ยังเย็นฉ่ำ แผงประตู และตำแหน่งช่องวางเท้าของคนนั่งและคนขับมีไฟตกแต่งภายใน ambient light 

พวงมาลัยสามก้าน หุ้มหนังตกแต่งด้วยสีเงินสไตล์สปอร์ตปรับระดับได้ ก้านวงติดตั้งสวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียง และระบบโทรศัพท์ กับสวิตช์ควบคุมหน้าจอมาตรวัดแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT เป็นมาตรวัดแบบเรืองแสง Fine Vision Meter แบบ Digital ผ่านจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว ส่วนจอมอนิเตอร์กลางขนาด 8 นิ้ว รองรับระบบข้อมูลและความบันเทิง Nissan Connect หน้าจอสั่งงานด้วยระบบสัมผัส พร้อมช่องเชื่อมต่อ Bluetooth®, USB และ AUX IN สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์สมาร์ทโฟน Apple CarPlay® (สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS) และ Android Auto® ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายแบบ Bluetooth

 Nissan Kicks Star Edition มอเตอร์ขับเคลื่อน รหัส EM47 เพิ่มกำลังจากเดิม 129 แรงม้า เป็น 136 แรงม้า แรงบิดเพิ่มจาก 260 เป็น 280 นิวตันเมตร จุดนี้ ทำให้การออกตัวอย่างรวดเร็วทำได้ดี รถมีขนาดเล็กและมีกำลังเหลือเฟือ ทำให้เกิดความคล่องตัวในวันที่รีบเร่ง ผมใช้เส้นทางทดสอบจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกแถวกาญจนบุรี สถานที่ซึ่งใช้ทดสอบรถเป็นประจำบนเส้นทางภูเขา ในครอสโอเวอร์ไซส์เล็ก การทรงตัวในย่านความเร็วสูงจากโช้คอัพและสปริง รวมถึงคานแข็งที่เซตมาใช้ได้ในระบบรองรับด้านหลัง Kicks วิ่งในย่านความเร็วสูงได้อย่างมั่นคง การไต่ระดับความเร็วหรือการเร่งแซงจาก 120 ไปจนถึง 150 ว่องไวใช้ได้ แต่ความเร็วที่ทะลุผ่าน 150 ไปแล้วจะไต่เข้าไปในย่าน 160-180 นั้นจะค่อยๆช้าลง ไม่ขึ้นเร็วเหมือนช่วงออกตัว ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมงผมไม่มีโอกาสได้ลอง มันเร็วเกินไปที่จะขับด้วยความเร็วสูงในรถไซส์เล็ก แต่เพื่อนสื่อบอกว่า ไปถึงย่านสูงสุดก็ยังนิ่งใช้ได้ ไม่เสียวสันหลังเหมือนรถแบรนด์คู่แข่งบางรุ่นที่แหว่งตั้งแต่เกิน 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จุดนี้ พอขับด้วยความเร็วปกติ 110-120 จะควบคุมรถได้สบาย

ชุด Inverter ใหม่ ทำให้น้ำหนักที่ตกบนคานหน้าเบาลง ในขณะที่ด้านหลังของรถนั้น แบตเตอรี่ติดรถ มีการเพิ่มความจุจาก 1.57kWh เป็น 2.06kWh วิ่งมอเตอร์เพียวๆ ทำระยะทางได้ 3.5 กิโลเมตร มากกว่าคู่แข่งไฮบริดในระดับเดียวกันเล็กน้อย คู่แข่งที่เป็นไฮบริดแท้ๆ จะมีความจุไฟแบตเตอรี่แค่ 1.0-1.36kWh ทำให้ระบบขับเคลื่อน e-Power ของ Kicks ที่ใช้เครื่องยนต์ปั่นกระแสไฟ มีจุดเด่นในเรื่องระยะทาง สามารถวิ่งได้ในโหมด EV ด้วยความเร็วต่ำโดยเครื่องยนต์ยังคงหลับอยู่ การวิ่งด้วยไฟฟ้าไกลกว่ารถไฮบริดคู่แข่งคืออีกหนึ่งจุดเด่น คุณสามารถกดปุ่ม EV เพื่อบังคับให้รถวิ่งแบบเครื่องไม่ติดไปจนกว่าแบตเตอรี่จะเหลือน้อย กดปุ่ม EV ค้างเอาไว้ 3 วินาที เพื่อสั่งการให้เครื่องติดชาร์จไฟให้เกือบเต็มก่อนขับด้วย EV Mode ได้เช่นกัน แต่การจะใช้ปุ่ม EV กระทำสิ่งใดๆ ได้นั้น ต้องอยู่ในโหมด SPORT หรือ ECO ซะก่อน ในจุดนี้ Nissan ควรจะปรับให้สั่งทำงานในโหมดปกติได้ จะเข้าใจง่ายกว่านี้ การวิ่งด้วยความเร็วต่ำจากการทำงานของมอเตอร์มีแค่เสียงหวี่เบาๆ เหมือนแมลงตัวเล็กกำลังกระพือปีก เหมาะกับการไหลตามสภาพการจราจรในช่วงเย็นของกรุงเทพฯ แต่ถ้าออกมาทางไกลแบบนี้ ผมชอบระเบิดพลังงานเพื่อดูการตอบสนองด้านกำลังและการทรงตัว พอรู้เรื่องว่าใช้ได้ดีพอๆ กับคู่แข่งแล้วก็กลับมาขับด้วยความเร็วปกติ จนกว่าถนนจะกลับมาโล่งถึงจะเติมความเร็วขึ้นไปอีกเพื่อไปให้ทันกับแสงในโลเคชันที่เลือกเอาไว้ตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง 

Nissan Kicks Star Edition เก็บเสียงใช้ได้ ไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่งมากนัก แต่ก็ดีกว่าตรงที่เวลาเร่งแล้วเสียงเครื่องไม่แผดเข้ามาแบบร้องขอความเห็นใจ ในรอบสูงเครื่องยนต์สามสูบ 1.2 ลิตร ดังไม่มาก รอยต่อของเกียร์ก็เนียนใช้ได้แต่ไม่มีแป้น Paddle Shift ให้สนุกกับการเล่นเกียร์เอง พวงมาลัยไฟฟ้าเซตมาดึงไม้ดึงมือในย่านความเร็วสูง แต่ขับถอยหลังเข้าออกจากที่คับแคบก็มีน้ำหนักที่ผ่องถ่ายให้เบาเพื่อง่ายต่อการบังคับทิศทาง ช่วงล่างคล้ายกับ C-HR ที่กระชับมากกว่า Corolla Cross รองรับแรงสั่นสะเทือนจากผิวถนนที่ไม่เรียบพอใช้ได้ อาการโคลงตัวในโค้งไม่มากนักเมื่อใส่มาเร็วๆ วงเลี้ยวที่แคบทำให้มันคล่องแคล่วว่องไวและขับมุดไปมาได้อย่างปราดเปรียว ทอร์ชันบีมอาจเป็นรองมัลติลิงก์ในด้านการรักษามุมของล้อให้ตั้งฉากอยู่ตลอดเวลาขณะขับผ่านผิวถนนที่ขรุขระอยู่บ้าง แต่ช่วงล่างคานแข็งของ Kicks ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพน่าพอใจอยู่เหมือนกัน

เมื่อขับเร็วบนทางภูเขา อัตราสิ้นเปลืองหล่นลงไปเหลือ 15 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าประหยัดใช้ได้ เพราะ วิ่งอยู่ในย่านความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องแบบโล่งเป็นเร่ง ขากลับส่วนใหญ่เป็นทางราบ พอขับเรื่อยๆ 90-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองดีขึ้นเป็น 18.2 กิโลเมตรต่อลิตร แม้จะมีพื้นที่ใช้สอยไม่มากเท่า HR-V และมีการทรงตัวในย่านความเร็วสูงเป็นรอง C-HR อยู่นิดเดียว แต่การเร่งจากจุดหยุดนิ่งในลักษณะออกตัวอย่างรวดเร็วนั้น Kicks ไม่เป็นสองรองใคร อาจมีตีนต้นดีกว่ารถคู่แข่งทุกคันก็ว่าได้ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 8.9 วินาทีนั้นใช้ได้เลยทีเดียว ส่วนความเร็วสูงสุด แม้จะนิ่งเมื่อซัดเต็มๆ แต่ไม่แนะนำให้ขับจนไปถึงความเร็วสูงสุด เนื่องจากเรื่องความปลอดภัยและกฎหมายจราจร Kicks Autech ราคา 939,900 บาท ขับดีเลยและหล่อใช้ได้ จากชุดแต่งที่แปลกแยกไปจากรุ่นต่ำกว่า

Nissan Kicks Star Edition เป็นรถเล็กที่คล่องแคล่วและมีราคาไม่แพง แนวคิดเอาเครื่องมาปั่นไฟใส่แบตฯ ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงเพราะเครื่องยนต์ไม่ต้องออกแรงหมุนล้อ แค่หมุนเจเนอเรเตอร์คอยสร้างกระแสไฟใส่แบตให้กับมอเตอร์ขับเคลื่อนเท่านั้น ถือเป็นแนวคิดที่ดีและมีความน่าใช้งานอยู่เหมือนกัน ยอดขายที่ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่สี่ ถือว่าทำหน้าที่ได้ดี และจะดีกว่านี้มาก ถ้ารีบส่งรถให้ทันกับความต้องการ เพื่อไม่ให้ลูกค้ารอนานเกินไปจากปัญหาซัพพลายเชน การปรับตัวด้านการตลาดของ Nissan เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากต้องใช้เวลาเรียนรู้ว่า อะไรขายได้และอะไรที่ขายไม่ดีอยู่นานเลยทีเดียว.

Nissan Kicks VL Star Edition 

เครื่องยนต์
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,198 ซีซี
มอเตอร์ไฟฟ้า (สำหรับขับเคลื่อน) แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร (28.6 กก.-ม.)/0 - 3,410 รอบต่อนาที
มอเตอร์ไฟฟ้า (สำหรับขับเคลื่อน) แรงม้าสูงสุด 136 พีเอส (100 กิโลวัตต์)/3,410 - 9,697 รอบต่อนาที
ระบบเกียร์ อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction
มอเตอร์ไฟฟ้า (สำหรับขับเคลื่อน) - รหัสมอเตอร์ EM47
เครื่องยนต์ รหัส HR12DE
ระบบเครื่องยนต์ 3 สูบแถวเรียง DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว CVTC (Continuously Variable valve Timing Control) เชื้อเพลิง หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์มัลติพอยท์ (ECCS) 32 bit

ความกว้างกระบอกสูบ 78.0 มิลลิเมตร ระยะชัก83.6 มิลลิเมตร
แรงม้าสูงสุด 82 พีเอส (60 กิโลวัตต์)/6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 103 นิวตัน-เมตร (11 กก.-ม.)/4,800 รอบต่อนาที
อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1
ความจุถังเชื้อเพลิง 41 ลิตร

ขนาดและน้ำหนัก
ความสูง 1,610 มิลลิเมตร
ความยาว 4,290 มิลลิเมตร
ความกว้าง 1,760 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ 2,615 มิลลิเมตร
รัศมีวงเลี้ยว 5.1 เมตร
น้ำหนักรถโดยประมาณ 1,358 กิโลกรัม 

ช่วงล่าง
หน้า อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ทอร์ชันบีม คอยล์สปริง
ระบบบังคับเลี้ยว แร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมระบบเพาเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)

ล้อ และ ยาง
ขนาดยาง 205/55 R17
ขนาดล้อ ล้ออัลลอย 17 x 6.5 J
ยางอะไหล่
ชุดซ่อมยางแบบฉุกเฉิน

ระบบเบรก
หน้าดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน
หลังดิสก์เบรก

อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก
กระจังหน้าสีดำเงาตกแต่งพร้อมขอบโครเมียม
กันชนหน้า-หลังสีเดียวกับตัวรถ
แผงกันกระแทกประตูด้านข้าง - สีดำ พร้อมแถบสีเงิน
มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ
ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Signature Light
ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) แบบ LED
ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
ไฟหน้า Follow-me-home
สวิตช์ปรับระดับไฟหน้า
ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
ไฟท้ายแบบ LED Signature Light พร้อมไฟเบรกแบบ LED
วัสดุตกแต่งประตูท้าย
กระจกมองข้างสีเงิน
กระจกข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว
กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถ
ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง / ระบบปัดน้ำฝนด้านหลังแบบหน่วงเวลา
ระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา
ราวหลังคา
เสาอากาศแบบ Shark fin antenna

อุปกรณ์มาตรฐานภายใน
เบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง-ต่ำ
เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังแบบแยกพับ 60 : 40
วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้า - หุ้มวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำ แบบเดินตะเข็บด้ายสีเทา
วัสดุตกแต่งภายในบริเวณช่องแอร์ด้านข้าง - ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินและวัสดุสีดำ เปียโน แบล็ค
วัสดุตกแต่งคอนโซลกลาง - สีดำเปียโนแบล็ค ตกแต่งด้านข้างด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำ แบบเดินตะเข็บด้ายสีเทา
วัสดุตกแต่งภายในบริเวณหัวเกียร์ - ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ เปียโน แบล็คพร้อมไฟตกแต่งที่ขอบ
พนักวางแขนด้านหน้าพร้อมที่เก็บของและช่องจ่ายไฟแบบ USB 2 ตำแหน่ง
พวงมาลัยทรงสปอร์ตตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินปรับได้ 4 ทิศทาง - หนังแท้สีดำ แบบเดินตะเข็บด้ายสีเทา
พวงมาลัยพร้อมสวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียง และระบบโทรศัพท์บนพวงมาลัย และสวิตช์ควบคุมหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT
เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ Intelligent Rear View Mirror (IRVM)
กุญแจรีโมตอัจฉริยะ (Intelligent Key - I-Key)
ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button)
ปุ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ (Drive mode switch)
ปุ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า (EV mode switch)
ระบบการขับขี่คันเร่ง แบบ e-Pedal Step
มาตรวัดแบบเรืองแสง Fine Vision Meter แบบ Digital ผ่านหน้าจอ TFT
หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT หน้าจอสีขนาด 7 นิ้ว
มาตรวัดอุณหภูมิภายนอก
กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Anti-jam Protection) ด้านคนขับ
ที่บังแดดด้านหน้า พร้อมกระจกแต่งหน้า ด้านคนขับ - พร้อมไฟส่องสว่าง
ที่บังแดดด้านหน้า พร้อมกระจกแต่งหน้าและไฟส่องสว่าง ด้านผู้โดยสาร
วัสดุตกแต่งแผงประตู - หุ้มวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำ
มือจับเปิดประตูด้านในแบบโครเมียม
ช่องเก็บเอกสารหลังเบาะที่นั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
พนักพิงศีรษะสำหรับเบาะนั่งด้านหน้า แบบปรับสูง-ต่ำได้
พนักพิงศีรษะสำหรับเบาะนั่งด้านหลัง 3 ตำแหน่ง แบบปรับสูง-ต่ำได้
ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า
ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
ไฟห้องสัมภาระท้าย
ที่วางแก้วตอนหน้า 2 ตำแหน่ง ปรับระดับและขนาดได้
ช่องวางขวดน้ำบริเวณแผงประตูหน้าและหลัง 4 ตำแหน่ง
กล่องเก็บของด้านหน้า
มือจับด้านใน 4 ตำแหน่ง : คนขับ x 1, ผู้โดยสารตอนหน้า x 1, ผู้โดยสารตอนหลัง x 2
แผงบังสัมภาระด้านท้าย
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V
ระบบข้อมูลและความบันเทิง NissanConnect พร้อมช่องเชื่อมต่อ Bluetooth®, USB และ AUX IN สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง
หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto®
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายแบบ Bluetooth
6 ลำโพง

ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน
ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Side Airbags)
ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก Anti-lock Braking System (ABS)
ระบบกระจายแรงเบรก Electronic Brake Force Distribution System (EBD)
ระบบเสริมแรงเบรก Brake Assist (BA)
ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake)
ระบบ Auto Brake Hold
สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหลัง
ระบบกุญแจ Immobilizer
สัญญาณกันขโมย
ปุ่มควบคุมระบบเซ็นทรัลล็อก
เข็มขัดนิรภัยคนขับ ELR แบบดึงกลับ และผ่อนแรงอัตโนมัติแบบสองทิศทาง (Double Pre-tentioner with Load Limiter)
เข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า ELR แบบดึงกลับ และผ่อนแรงอัตโนมัติ (Single Pre-tentioner with Load Limiter)
เข็มขัดนิรภัยที่นั่งด้านหลัง ELR แบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX
ระบบป้องกันเด็กเปิดประตูหลังจากภายในรถ
ระบบโครงสร้างเพื่อความปลอดภัย Zone Body Concept
ไฟเบรกดวงที่สาม

ระบบความปลอดภัย NISSAN INTELLIGENT MOBILITY (NIM) - INTELLIGENT SAFETY
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control (VDC)
ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA)
ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ Intelligent Forward Collision Warning (IFCW)
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking (IEB)
ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Alert (DAA)
กล้องมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM)
ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน Moving Object Detection (MOD)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Intelligent Cruise Control (ICC)
ระบบเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning system (BSW)
ระบบเตือนขณะถอยรถ Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
เทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง Intelligent Trace Control (ITC)
ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง Lane Departure Warning (LDW)
ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist (HBA)