ทุกวันนี้มีรถยนต์ไฟฟ้ามากมายที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อนแบบใหม่ที่ไม่ทำร้ายโลก ความไฮเทคของอุปกรณ์ สมรรถนะที่เหนือกว่ารถสันดาปภายในด้านอัตราเร่ง และความสามารถของการขับแบบอัตโนมัติ แต่คนที่เสพติดรถสันดาปและแอนตี้รถไฟฟ้า ต่างรอคอยให้ค่ายรถสร้างรถไฟฟ้าที่มีสัมผัสของการขับเหมือนกับรถน้ำมันออกมาซะที ในที่สุด Hyundai ก็ตัดสินใจสร้าง Ioniq 5 N โดยเปิดตัวสู่สายตาของสาธารณชนในงาน Goodwood Festival of Speed ภายในงานเปิดตัว ผู้บริหารระดับสูงของแบรนด์รถยนต์เกาหลีแจ้งว่า มีการให้ความสำคัญกับนักขับสูงวัยที่ไม่ชอบความไร้อารมณ์ของรถ EV เศรษฐีเก่านักเล่นรถเหล่านี้ยังแอนตี้รถไฟฟ้าที่ขับแล้วเหมือนควบคุมหุ่นยนต์มากกว่าจะเป็นรถยนต์ สำหรับ Ioniq 5 N รถรุ่นนี้ถูกกำหนดเป้าหมายในการเติมเต็มจิตวิญญาณของรถยนต์สันดาปภายในลงไปในรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพื่อที่จะขับได้อย่างสนุกสนาน เหมือนกับรถสปอร์ตที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ นั่นเป็นแนวคิดที่ดี และยังไม่เคยมีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ใดทำรถไฟฟ้าแนวนี้ออกมาขาย!
...
แผนก N ของ Hyundai เหมือนกับ BMW M / Mercedes-AMG / Audi Sport / Nissan Nismo / Toyota GR Sport แนวคิดในการนำ Ioniq 5 รถยนต์ EV ขับเคลื่อนสี่ล้อรูปทรงแฮตช์แบ็กมาปรับแต่งใหม่ ใส่พลังงานให้กับมอเตอร์ขับเคลื่อนที่สามารถสร้างเรี่ยวแรงได้มากกว่า 600 แรงม้า ปุ่มโหมด N Grin Boost บนพวงมาลัยสำหรับการระเบิดพลังงานอย่างต่อเนื่อง นาน 10 วินาทีมีฟังก์ชั่นควบคุมการออกตัว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.4 วินาที นั่นคือตัวเลขการเร่งความเร็วของ Ferrari 458 ด้วยอัตราเร่งขนาดนั้นทำให้ Ioniq 5 N ออกตัวและทิ้ง Civic Type R แบบไม่เห็นฝุ่น ความเร็วสูงสุดของ Ioniq 5 N อยู่ที่ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความเร็วปลายจัดจ้านติดอันดับโลกเลยทีเดียว
...
ก่อนจะลงไปขับทดสอบ มาทำความเข้าใจกับ N แบรนด์ ตราสัญลักษณ์แห่งความแรง หรือ N is the official name of Hyundai's high-performance brand ที่เหมือนกับ BMW M สำหรับ N Brand เป็นแผนกที่รับงานปรับแต่งองคาพยพของรถรุ่นมาตรฐาน ผลักดันประสิทธิภาพของยานยนต์ในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเกาหลีให้สูงกว่าเดิมหลายเท่า เพื่อดึงความสนุกของรถยนต์เวอร์ชันมาตรฐานในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Hyundai ให้มากกว่ารุ่นเดิม รถ N คันแรกที่ขายในสหรัฐอเมริกา คือ Veloster N ซึ่งได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี ค.ศ. 2020 หลังจากนั้นก็มีการเปิดตัว Elantra N ที่เร็วกว่าและควบคุมได้ดีกว่า ควบคู่ไปกับรุ่นที่สนุกสุดๆ อย่างครอสโอเวอร์ขับเคลื่อนล้อหน้า Kona N สำหรับตลาดรถยนต์ประสิทธิภาพสูงในทวีปยุโรป Hyundai N วางขาย i20 N และ i30 N hot-hates ที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน
...
...
ประวัติของแบรนด์ N เป็นไปในเชิงสร้างสรรงานวิศวกรรมยานยนต์ที่มีศักยภาพเหนือกว่า แต่การสร้าง Ioniq 5 ด้วยเวอร์ชันที่คู่ควรกับตราสัญลักษณ์ N เป็นสิ่งที่ Hyundai ไม่เคยทำมาก่อน ioniq 5 N เป็นรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงคันแรกของแบรนด์ที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ใหม่ล่าสุด มีแพลตฟอร์มและระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่แตกต่างออกไปจาก Ioniq 5 รุ่นมาตรฐานอย่างสิ้นเชิง การเปลี่ยน Ioniq 5 ให้กลายเป็นรถที่นักขับชื่นชอบ เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่สำหรับรถ EV สัญชาติเกาหลีใต้ “เราสร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความพิเศษ มันวิ่งได้เร็วและเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ ด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกับรถแข่ง พร้อมซาวนด์แทร็กที่เหมือนกับรถสปอร์ตเครื่องยนต์สันดาปภายใน” หัวหน้าแผนกแบรนด์ N และมอเตอร์สปอร์ต Till Wartenburg กล่าว
“ioniq 5 N มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง มีการจำลองลอกเลียนแบบการทำงานของเกียร์ DCT ปรับแต่งการทำงานของมอเตอร์คู่ด้วยซอฟต์แวร์ที่ก้าวล้ำ การจำลองรูปแบบรอบต่อนาทีของรถสันดาปภายใน ผสมผสานกับไดนามิกที่เป็นเอกเทศ” Albert Biermann บุคคลสำคัญที่เคยทำงานกับ BMW นานถึง 31 ปี ก่อนจะเดินทางมารับตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษาด้านเทคนิค และอดีตหัวหน้าฝ่าย R&D ของ Hyundai กล่าว “สำหรับคนที่ชอบการขับรถ เมื่อทั้งสามสิ่งนี้เมื่อรวมกันแล้ว จะทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นไปกับการขับรถ EV ซึ่งปกติไม่มีเกียร์ นั่นทำให้ความสนุกและการมีส่วนร่วมระหว่างรถกับคนขับหายไปอย่างสิ้นเชิง Ioniq 5 N ไม่ใช่ EV แบบปกติทั่วไป ระบบขับเคลื่อนทั้งหมดได้รับการปรับแต่งโปรแกรมการทำงาน เพื่อร่วมผสมโรงกับ N e-shift ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังขับรถที่มีเครื่องยนต์พร้อมกับเกียร์คลัตช์คู่ที่อยู่ภายใน วิศวกรของ Hyundai ปรับแต่งกราฟแรงบิดแบบเฉพาะทาง สำหรับสร้างความรู้สึกที่เลียนแบบการเปลี่ยนเกียร์ในรถแข่ง ส่งถ่ายสัมผัสให้เหมือนกำลังอัดเข้าไปใกล้กับเรดไลน์หรือจุดสิ้นสุดของช่วงความเร็วรอบ พร้อมด้วยแรงบิดที่ปรับเปลี่ยนไปตามความเร็ว ซึ่งแรงบิดดังกล่าวจะมาพร้อมกับแรงกระชากคล้ายการเปลี่ยนเกียร์ในรถแข่ง Ioniq 5 N พร้อมเสียงคำรามของโปรแกรมจำลองเสียงเครื่องยนต์ Ioniq 5 N ให้ความรู้สึกเหมือนคุณกำลังขับรถที่มีเครื่องยนต์ ไม่ใช่กำลังขับรถ EV ที่เอาแต่เร็วโดยปราศจากเสียงที่ทำให้รู้สึกเร้าใจ"
เช่นเดียวกับ Ioniq 5 รุ่นปกติ Ioniq 5 N ใหม่ ใช้แพลตฟอร์มพื้นฐาน Electric-Global Module Platform ของแบรนด์ Hyundai และใช้ประโยชน์ด้านความเชี่ยวชาญที่ Hyundai ได้รับจากการสร้างสรรค์ห้องปฏิบัติการ ซึ่งชอบคิดค้นของแปลกๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น รถต้นแบบ RM20e พลัง 810 แรงม้า, รถต้นแบบ RN22e 570 แรงม้า และรถยนต์ต้นแบบพลังไฮโดรเจน N Vision 74 กำลัง 670 แรงม้า สำหรับ Ioniq 5 N มันมีชุดแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 84 กิโลวัตต์ชั่วโมง มอเตอร์ไฟฟ้าที่เพลาหน้าและหลัง มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการถ่ายเทแรงบิด มอเตอร์หน้าให้กำลัง 166 กิโลวัตต์ (222 แรงม้า) มอเตอร์หลังกำลัง 282 กิโลวัตต์ (378 แรงม้า) ทั้งสองตัวเมื่อรวมกันจะมีกำลังสูงถึง 448 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 601 แรงม้า โหมด N Boost พลังจะเพิ่มขึ้นเป็น 478 กิโลวัตต์ หรือ 650 แรงม้า ทำให้ Ioniq 5 N มีกำลังมากกว่า Kia EV6 GT
ด้วยตัวเลขกำลังแรงบิดที่สูงเสียดฟ้า ทำให้ Ioniq 5 N เร่งความเร็วจาก 0 ไปถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียงแค่ 3.4 วินาที รถไฟฟ้ารุ่นนี้ยังทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์จากแผนก N ของ Hyundai ไม่ชอบการคุยโวโอ้อวดด้วยตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะของรถ จักรกล N ทุกคัน ไม่ว่าจะใช้เครื่องยนต์หรือมอเตอร์ต้องสร้างแรงดึงดูดด้วยสัมผัสของรถสปอร์ตที่มีฟีลลิ่งคล้ายกับการขับรถแข่ง และความสามารถโดยรวมของ Ioniq 5 N ก็ไม่ได้อยู่แค่ตัวเลขอัตราเร่งและความเร็วสูงสุด แต่เป็นวิธีการที่แยบยลในการดึงดูดเศรษฐีที่ไม่ชอบรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการใส่จิตวิญญาณของรถยนต์สันดาปภายในลงไป และนี่คือจุดที่ทำให้เกิดความสมดุล ตามมาด้วยความมหัศจรรย์ที่มีอยู่แค่หนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ ความเร่าร้อนของ Ioniq 5 N ทำให้รถอย่าง Porsche Taycan Turbo / BMW i5 M60 / AMG EQE53 4 Matic + กลายเป็นจักรกลไฟฟ้าที่น่าเบื่อขึ้นมาในบัดดล ไม่น่าเชื่อว่าพวกเยอรมันจะทิ้งเสียงเครื่องยนต์แล้วใส่ซาวนด์ที่คล้ายกับการดูทอมครูซไล่ถล่มยานของมนุษย์ต่างดาว!
Ioniq 5 N มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 84kWh แบตเตอรี่สามารถชาร์จไฟกระแสตรง DC จาก 10 ไปจนถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ภายในเวลา 18 นาที มีอัตราการชาร์จสูงสุด 238kW มีอินเวอร์เตอร์สองสเตจ ช่วยในการดันมอเตอร์คู่ให้มีกำลังสูงสุด 478kW หรือ 650 แรงม้า แรงบิด 740 นิวตันเมตร กำลังสูงสุดนั้นทำได้ในโหมดพิเศษ N Grin Boost สามารถเปิดใช้งานบนหน้าจอสัมผัสหรือโดยอัตโนมัติเมื่ออยู่ในโหมด N นาน 10 วินาที สำหรับการจัดการกับระบบระบายความร้อนในชุดแบตเตอรี่ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญในลำดับต้นๆ ของยานยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ ระบบระบายความร้อนและรักษาอุณหภูมิของแบตเตอรี่ ได้รับการอัปเกรดให้มีหม้อน้ำแยกโดยตรงเพื่อระบายความร้อนแบตเตอรี่และมอเตอร์ มีการออกแบบช่องเหนี่ยวนำความร้อน เพื่อถ่ายเทอุณหภูมิความร้อนออกจากเซลล์แบตฯ รวมถึงการระบายความร้อนของมอเตอร์ขับเคลื่อน ระบบหล่อเย็นชุดแบตเตอรี่ออกแบบให้มีค่าความต้านทานต่อการเสื่อมสภาพของพลังงานที่เกิดจากความร้อนได้สูงกว่าระบบระบายความร้อนของยานยนต์ EV ทั่วไป เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงของคู่แข่ง
“มีรถยนต์ไฟฟ้ากำลังสูงจำนวนมากที่สามารถวิ่งทำลายสถิติในสนามเนือร์บูร์กริง แต่ไม่มีคันไหนที่ให้อารมณ์ใกล้เคียงรถสันดาปภายในเหมือนกับ Ioniq 5 N” Albert Biermann กล่าวเสริม ระหว่างการขับทดสอบ Ioniq 5 N รอบสื่อมวลชนนานาชาติที่ผมเดินทางไปร่วมในสนามแข่ง โคเรียน อินเตอร์เนชันแนล สปีดเวย์ ระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่ขนาด 800 โวลต์ เป็นสถาปัตยกรรมใหม่ทั้งหมด ถูกคิดค้นเพื่อทำให้ลูกค้าสามารถอัด Ioniq 5 N ได้ทั้งวัน โดยปราศจากความร้อนสะสมที่ชุดแบตเตอรี่หรือมอเตอร์ขับเคลื่อน ด้วยหม้อน้ำแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพ การระบายอากาศส่วนหน้าที่มากขึ้น หม้อน้ำที่ออกแบบมาเพื่อทำความเย็นให้กับแบตเตอรี่โดยเฉพาะ ควบรวมกับปั๊มไฟฟ้าแรงดันสูง เพื่อให้สารหล่อเย็นไหลผ่านไปยังเซลล์แบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น Hyundai ไม่ได้หยุดอยู่แค่ระดับฮาร์ดแวร์ ความสามารถในการคงอุณหภูมิที่แบตเตอรี่จะส่งถ่ายประสิทธิภาพสูงสุดในการจ่ายกระแสไฟออกมาถูกฝังอยู่ในซอฟต์แวร์ของระบบระบายความร้อนทั้งหมด"
Hyundai ควบรวมการปรับตั้งอุณหภูมิแบตเตอรี่แบบล่วงหน้าได้ถึงสองระดับใน Ioniq 5 N เพื่อให้ผู้ขับขี่เลือกใช้งาน ทั้งการปรับอุณหภูมิของแบตเตอรี่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการขับใช้งานในชีวิตประจำวันหรืออัดเต็มกำลังในสนามแข่งท่ามกลางอุณหภูมิที่สูงอย่างต่อเนื่อง การปรับอุณหภูมิแบตเตอรี่ล่วงหน้าระหว่าง 30 ถึง 40 องศาเซลเซียส เพื่อส่งกำลังสูงสุดสำหรับการวิ่งระยะสั้น ในขณะที่โหมด Race จะตั้งค่าแบตเตอรี่ไว้ที่ 20 ถึง 30 องศาเซลเซียส เพื่อรักษาพลังงานไฟฟ้าในแบตฯ ให้คงที่ขณะที่ใช้ความเร็วสูงต่อเนื่องในสนามแข่ง
เนื่องจาก Ioniq 5 N ถูกสร้างขึ้นสำหรับสนามแข่ง โครงสร้างของมันจึงมีการปรับแต่งให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ด้วยจุดเชื่อมเพิ่มเติมอีก 42 จุด กาวพิเศษที่ช่วยยึดชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน ช่วยให้รถมีความแข็งแกร่งต้านทานแรงบิดตัวได้มากขึ้น สำหรับการใช้งานในสนามแข่ง หรือการขับแบบดริฟต์ วิศวกรของ Hyundai กล่าวว่า Ioniq 5 N มีการควบคุมแบบรถแรลลี่ ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ ติดตั้งบนแร็คพร้อมอัตราการบังคับเลี้ยวที่รวดเร็ว สอดรับการทำงานกับแรงบิดที่เพิ่มขึ้น โหมด “N Pedal” ทำให้การขับเข้าโค้งโดยไม่ต้องเหยียบแป้นเบรกก่อนถึงหัวโค้งนั้นดีงามมาก ในขณะที่ระบบสะสมพลังงานระหว่างการเบรกทำงานอย่างเต็มกำลัง ทั้งหน่วงความเร็วและสะสมกระแสไฟฟ้าที่เกิดจากพลังงานจลน์ระหว่างการเบรกไปเก็บในแบตเตอรี่
Hyundai ทุ่มเททั้งเงินและสมองลงไปในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ควบคุมการทำงานของรถ เพื่อให้ไม่เพียงแต่รวดเร็วขึ้น แต่ยังกระตุ้นให้เกิดแนวคิดควบคุมรถยนต์ไฟฟ้าด้วยวิธีการใหม่ๆ ที่น่าสนใจ คุณสามารถเข้าเมนูการปรับตั้งค่าต่างๆ ที่ง่ายและสะดวก ปรับโหมดเพื่อทำให้ Inoiq 5 N มีเสียงเหมือนเครื่องยนต์สันดาปที่กำลังบ้าคลั่ง เปลี่ยนเป็นเสียงเครื่องบินไอพ่น หรือยานรบเอเลี่ยนที่กำลังบุกจู่โจมโลกมนุษย์ ไม่แปลกที่เสียงเครื่องยนต์เบนซินปลอมนั้นทำงานได้ดีที่สุด เจ๋งที่สุดและสมจริงเอามากๆ
กระปุกเกียร์แพดเดิลชิฟต์ 8 สปีดเป็นการปลอมแปลงฟีลลิ่งเกียร์อัตโนมัตของรถยนต์ไฟฟ้า มีการจำลองสัมผัสของการส่งกำลังในระบบเกียร์ซิงเกิลสปีดของ Ioniq 5 N ให้เหมือนกับอารมณ์การทำงานที่ว่องไวของเกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีด วิศวกรที่เขียนซอฟต์แวร์ควบคุมระบบเกียร์ ได้ทำให้ทุกอย่างเหมือนของจริงอย่างที่สุด เช่น การจัดการกับแรงบิดของล้อทั้งสี่ เพื่อให้คุณรู้สึกถึงการเร่งความเร็วในแต่ละเกียร์ เมื่อรอบเครื่องยนต์จำลองหมุนไปถึงเรดไลน์ที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิดที่กระชากทุกจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ทำให้รถคันนี้มีจิตวิญญาณอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อใช้เบรกหนักๆ ก่อนมุดเข้าหัวโค้ง เกียร์จะเชนลงต่ำให้เอง ซึ่งบางครั้งระบบจะลดเกียร์ให้ถึงสามตำแหน่ง พร้อมๆ กับรอบเครื่องจำลองที่ตวัดขึ้นทุกครั้งขณะที่ระบบลดเกียร์ลง ตามด้วยเสียงคำรามในรอบสูงของเครื่องยนต์ซึ่งจำลองมาจากเสียงรถแข่งเครื่องยนต์ 2.0 เทอร์โบ นั่นโคตรสุดและยังไม่มีรถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์ไหนที่ทำได้แบบนี้มาก่อน
ทั้งหมดนี้ฟังดูเหมือนกับโม้ Inoiq 5 N ยังเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีที่ปรับแต่งมาอย่างน่ากลัว แต่ที่น่าตกใจคือ ทุกระบบของมันทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมและให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ มันสมจริงมากจนผมเองก็ลืมไปว่ากำลังโต้ตอบกับซอฟต์แวร์ ไม่ใช่การระเบิดของเชื้อเพลิงที่ถูกจุดและแรงกระชากจากฟันเฟืองที่หมุนอยู่ในเกียร์คลัตช์คู่
การขับทดสอบ 6 รอบสนาม ความยาว 5.6 กิโลเมตร รวม 33 กิโลเมตร มีขึ้นในช่วงก่อนเที่ยง อุณหภูมิในวันทดสอบที่สนามโคเรียน อินเตอร์เนชันแนล สปีดเวย์ ลดต่ำลงเหลือแค่ 5 องศา พร้อมกับกระแสลมเย็นยะเยือกที่พัดแรงจัดทั้งวันตั้งแต่เช้าจดเย็น อากาศหนาวเย็นเข้ากระดูกทำให้การออกมาถ่ายภาพเหมือนเข้าไปอยู่ในตู้แช่แข็ง แม้ท้องฟ้าในวันทดสอบจะแจ่มใส แต่อุณหภูมิที่ลดต่ำลงไปเรื่อยๆ ทำให้รู้สึกเย็นและชาจนแทบจะแข็งไปทั้งตัว เสื้อผ้าที่ขนไปแทบจะไม่มีประโยชน์เมื่อเจอเข้ากับฤดูหนาวอันโหดร้ายของเกาหลีใต้! รอบแรก ผมสร้างความคุ้นเคยกับรถและผังสนาม เนื่องจากไม่เคยขับที่นี่มาก่อน จึงจำเป็นต้องเรียนรู้ไลน์ในโค้ง กับการตอบสนองของช่วงล่างและพวงมาลัย ด้วยเทคโนโลยีทั้งหมดที่บรรจุอยู่ใน Ioniq 5 N คนขับจะสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า Ioniq 5 N นั้นเป็น EV ระดับบนที่แรงมุทะลุดุดันเอาเรื่อง แรงบิด 740 นิวตันเมตร ที่ระเบิดออกมาอย่างฉับพลันทันที ทำให้รถพุ่งออกจากโค้งได้ราวกับลูกธูน น้ำหนัก 2.2 ตันไม่สร้างปัญหาเมื่อเลี้ยวเร็วๆในโค้งมุมแคบ การปรับแต่งระบบกันสะเทือน และการกระจายกำลังอย่างชาญฉลาด ทำให้รถ Ioniq 5 N ยังคงควบคุมได้ดีแม้จะใส่มาเต็มข้อ ในโหมดขับเคลื่อนสี่ล้อ N ไฟฟ้าเกาะหนึบเป็นตุ๊กแก ไม่มีเสียอาการเมื่อถูกอัดจนใกล้ถึงขีดจำกัด ไม่มีการสูญเสียกำลังใดๆ จากรอบที่หนึ่งไปยังรอบที่หก เป็นเรื่องยากที่จะประเมินความสามารถที่แท้จริงของ Ioniq 5 N ในสนามแข่งความเร็วสูง ด้วยเวลาทดสอบสั้นๆ แต่ความประทับใจในรักแรกพบนั้นขอบอกเลยว่า มันสุดยอดมาก!
วิธีที่ดีที่สุดในการอธิบายกิริยาท่าทางและการตอบสนองของรถคันนี้ก็คือ การผสมผสานระหว่างรถ N เช่น Elantra N และรถ BMW M3 G80 ที่มี xDrive เป็นการผสมผสานธรรมชาติของ N Electric เข้ากับความเป็นผู้ใหญ่ในเรือนร่างของรถแฮตช์แบ็กสมรรถนะสูง ที่ทั้งใหญ่และหนักกว่า คุณสามารถสัมผัสได้ถึงมวลของมันขณะเลี้ยวในโค้งมุมแคบ แต่ไม่มากเท่ากับน้ำหนักของรถไฟฟ้าพลังสูงที่ผลิตโดยแบรนด์หรูเยอรมนี ซึ่งโผล่ออกมาทันทีที่อัดเข้าโค้งแรงๆ ด้วยแรงต้านทานการเลี้ยวที่ถูกส่งมายังพวงมาลัย Ioniq 5 N ปิดบังน้ำหนักตัว 2.2 ตันได้ดี จากการเลี้ยวที่คล่องแคล่วบวกกับการถ่ายเทน้ำหนักที่สุดยอด แบตเตอรี่ถูกวางอยู่บนพื้น ทำให้จุดศูนย์ถ่วงของรถมีสมดุลเป็นเลิศ วิศวกรได้เพิ่มความเสถียรให้กับแชสซี พร้อมตัวช่วยควบคุมเสถียรภาพ ทำให้เกิดความมั่นใจอย่างมากเมื่อขับเร็ว แรงบิดที่ถ่ายจากหน้าไปหลัง ในรอบท้ายๆ ที่ผมต้องลองโหมดขับเคลื่อนสองล้อหลัง การควบคุมทั้งหมด จะเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับองศาของคันเร่งและมุมของพวงมาลัย มีอยู่จังหวะหนึ่งที่ผมเกือบทำมันสบัดเพราะเกิดอาการโอเวอร์สเตียร์ เนื่องจากเข้ามาด้วยความเร็วที่สูงเกินไป แต่ระบบช่วยทรงตัวก็ดอดเข้ามาจัดทรงให้รถอยู่กับร่องกับรอยอย่างรวดเร็ว เล่นเอาเสียวสันหลังวาบอยู่เหมือนกัน
การเล่นกับโหมดต่างๆ ในสนามแข่ง มีเสียง "เครื่องยนต์" ที่แตกต่างกันสามแบบให้เลือก เริ่มจาก Engine Sound / Evolution และ Supersonic เสียงเครื่องยนต์สังเคราะห์ในโหมด Engine Sound นั้นดีที่สุด มันสมจริงและสร้างความคึกคักได้ดีมาก ในขณะที่ Evolution เป็นเสียงหอนหวีดหวิวของมอเตอร์ไฟฟ้า ผมลองเปลี่ยน Ioniq 5 N เป็นโหมด N และเลือกเสียงการจุดระเบิด Engine Sound จากนั้นเมื่อกระแทกคันเร่ง คุณจะได้ยินเสียงระเบิดปังๆ จากท่อระบายท้ายของรถแข่ง เมื่อจอดนิ่งๆในโหมด Engine Sound วิศวกรของ Hyundai ปรับเสียงสังเคราะห์ให้เหมือนกาเดินเบาของรถแข่ง ด้วยรอบเครื่องที่ไม่นิ่ง! ทุกครั้งที่ยกคันเร่งจะได้ยินเสียงพรึบดังสนั่นออกมาจากลำโพงในห้องโดยสาร ที่ติดตั้งอยู่ทางด้านหลัง เสียงในโหมด Supersonic เหมือนเสียงเครื่องยนต์ไอพ่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับรถยนต์แม้แต่น้อย แต่มีเสียงโซนิกบูมดังเข้ามาในห้องโดยสารทุกครั้งที่เปลี่ยนเกียร์ นั่นก็แปลกประหลาดเกินไป คนของ Hyundai แจ้งว่าโหมดเสียง Supersonic Sound ได้รับแรงบันดาลใจโดยตรงจากหนัง Top Gun Maverick เอากันขนาดนั้นเลยทีเดียว
Hyundai ioniq 5 N หนัก 2.1 ตัน แต่เปลี่ยนทิศทางได้อย่างรวดเร็ว มันเป็นรถไฟฟ้าที่มีฝีเท้าจัดจ้าน เร่งความเร็วพรวดๆ บนทางตรงยาวได้เร็วมาก ตัวเลข 0-100 ของ Ioniq 5 N แซงขึ้นหน้า BMW M2 ได้อย่างสบายๆ เมื่อออกตัวไปพร้อมๆ กัน การบังคับเลี้ยวนั้นชัดเจนว่าเบากว่า AMG GT-R รถสันดาปภายในพลัง 600 แรงม้าที่ผมเคยขับในสนามแข่งที่บุรีรัมย์ น้ำหนักของรถที่หนักอึ้งไม่ได้สร้างปัญหาในการเลี้ยวเร็วๆ ที่โค้งมุมแคบต่อเนื่อง จากโค้ง 10 ไปจนถึงโค้ง 18 สนามแข่งโคเรียนอินเตอร์เนชันแนลสปีดเวย์มีโค้งที่เจ้าเล่ห์ดักอยู่เต็มไปหมด แต่ระบบเฉลี่ยแรงบิดในชุดขับเคลื่อนสี่ล้อทำให้การยึดเกาะอยู่ในเกณฑ์ที่ยอดเยี่ยม ความรู้สึกในโค้งเหมือนกับ Audi RS 3 Quattro ที่โคตรเกาะและมีกำลังเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเท่า ระบบรักษาเสถียรภาพทำหน้าที่ควบคุมมวลน้ำหนักของรถได้ดีมาก เลี้ยวได้อย่างเฉียบคมและโคตรเร็ว ฟีลลิ่งตอนเลี้ยวให้ความรู้สึกเบากว่าที่ควรจะเป็น คันเร่งตอบสนองทันทีทันควันและรุนแรงมากจนต้องเพิ่มความระวัง แต่ความสนุกที่แท้จริงเกิดมาจากการใช้เวลาทำความเข้าใจโหมดการขับขี่ทั้งหมด จากนั้นก็เปิดใช้งานไปทีละโหมด แล้วขับทดสอบในสนามแข่งเพื่อจับความรู้สึก และเรียนรู้เพื่อเข้าใจการทำงานทั้งหมดของรถ
โหมด N Drift Optimiser ส่งแรงบิดทั้งหมดไปยังเพลาล้อหลัง 100 % คงไว้เพียงระบบสัมผัสแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เบาที่สุด เพื่อให้สามารถเข้าโค้งได้ด้วยการปั่นล้อหลังฟรีทิ้งไปพร้อมกับรอยยางไหม้ดำปี๋ ผมสามารถตั้งค่าการแบ่งแรงบิดที่ต้องการบนแถบเลื่อนที่จอมอนิเตอร์กลางได้อย่างหลากหลาย จากการเทแรงบิดไปที่ด้านหลัง 100 เปอร์เซ็นต์ ไปจนถึงส่งแรงบิดไปที่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า 100 เปอร์เซ็นต์ N Drift Optimiser จะปิดตัวช่วยทุกอย่าง จากนั้นก็กดคันเร่งและเทิรน์พวงมาลัยเพื่อการดริฟต์อย่างรุนแรง N Drift Optimiser เป็นฟังก์ชั่นจำลองคลัตช์ปลอมๆ ที่สมจริงอย่างที่สุด จากนั้นระบบจะเทแรงบิดทั้งหมดลงบนยางหลัง ด้วยแรงบิดมหาศาล จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ความอดทนในการเรียนรู้ รวมถึงทักษะในการควบคุมทั้งคันเร่งและพวงมาลัย
โหมด N Race ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ Ioniq 5 N ลงไปซิ่งในสนามแข่ง มีโหมดเพิ่มเติมอีกสองโหมด คือ Sprint และ Endurance โหมด Sprint รองรับการขับแบบจับเวลาต่อรอบ พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่จะถูกป้อนให้กับมอเตอร์ขับเคลื่อนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โหมด Endurance เน้นการทำระยะทางยาวๆ โดยบริหารพลังงานไฟฟ้าอย่างเหมาะสม Endurance ให้ความสำคัญกับระยะทางมากกว่าจะเทพลังงานในรูปของแรงบิดออกมาทั้งหมด ด้วยสไตล์และพลังของการขับเคลื่อนที่หลากหลาย ทั้งสองโหมดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของรถขณะขับในสนามแข่ง พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์จำลองที่สร้างความเร้าใจไปตลอดทาง เป้าหมายคือความสนุกหรือเวลาต่อรอบแล้วแต่จะเลือกใช้งาน ในขั้นตอนของการพัฒนาและทดสอบ Biermann หัวกระทิของ BMW ซึ่งเข้ามารับงานในตำแหน่งผู้อำนวยการแผนก R&D เพื่อพัฒนารถยนต์แบรนด์ Hyundai, Genesis และ Kia มาตั้งแต่ปี 2015 กล่าวว่า Ioniq 5 N สามารถซิ่งแบบจับเวลาต่อรอบในสนาม Nürburgring ความยาวรอบละ 23 กิโลเมตรได้สองรอบ ก่อนที่แบตเตอรี่ลดระดับพลังงานลง
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแนวคิดที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสมซึ่งจะช่วยเพิ่มความสนุกสนาน การโต้ตอบระหว่างคนขับและรถ ความรักที่คุณมีต่อรถเครื่องยนต์สันดาป ซึ่งถูกถ่ายเทมาอยู่ใน Inoiq 5 N ในฐานะที่เป็นประตูมิติที่นำเราไปสู่สิ่งที่เป็นไปได้ ด้วยรถยนต์สมรรถนะสูงพลังงานไฟฟ้าในอนาคตที่ขับได้เหมือนกับรถยนต์สันดาปภายใน เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อและน่ายินดีไปพร้อมๆ กัน
โครงสร้างตัวถังมีจุดเชื่อมเพิ่มเติม 42 จุด อัดกาวเพิ่มเติม 2.1 เมตร เพื่อปรับปรุงความแข็งแกร่งของโครงสร้าง Hyundai ยังเสริมความแข็งแกร่งให้กับคอพวงมาลัย มีการพัฒนาระบบที่เรียกว่า N Pedal ฟังก์ชันซอฟต์แวร์นี้ใช้เทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกับระบบเบรกแบบ regenerative braking ด้วยอุปกรณ์ i-Pedal มีการปรับปรุงการเลี้ยวและเพิ่มความไวของคันเร่ง ระบบกระจายแรงบิดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดย กระจายแรงบิดทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบแปรผันต่อเนื่อง สามารถปรับได้ถึง 11 ระดับ ฟังก์ชั่นความเท่อย่าง N Drift Optimizer พร้อม Torque Kick Drift ในตัว จำลองคลัตช์ของรถ สันดาปภายในขับเคลื่อนล้อหลังที่ชัดเจนสุดๆ
การอัพเกรดไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น Hyundai Ioniq 5 N มาพร้อมระบบเบรกที่ทรงพลังที่สุด ซึ่งประกอบด้วยจานดิสก์หน้าขนาด 400 มิลลิเมตร (15.7 นิ้ว) คาลิเปอร์สี่ลูกสูบสีส้มประทับตราสัญลักษณ์ N จานดิสก์หลังขนาด 360 มิลลิเมตร (14.1 นิ้ว) คาลิปเปอร์เบรกหลังแบบซิงเกิลพอต พ่นสีส้มอีกเช่นเดียวกัน พลังของระบบเบรกแบบรีเจเนอเรทีฟ มาพร้อมการปรับปรุงใหม่ทั้งระบบ สามารถให้แรงชะลอความเร็วได้ 0.6 G กล่าวกันว่ามีการเปลี่ยนผ่านและผสมผสานการทำงานระหว่างระบบเบรกสะสมพลังงาน regenerative braking กับสัมผัสของระบบเบรกไฮดรอลิกในรถแข่ง โหมด N Race สามารถเลือกระหว่างการตั้งค่าระหว่าง 'Endurance' และ 'Sprint' ฟังก์ชั่นแรกจะลดกำลังสูงสุดเหมาะสำหรับการขับทางไกลยาวๆ ส่วนฟังก์ชั่นที่สอง จะทำหน้าที่จัดลำดับความสำคัญของกำลังสูงสุด เพื่อความสมดุลและเสถียรภาพของรถขณะทำความเร็ว ระบบรองรับใน Hyundai Ioniq 5 N ช่วงล่างด้านหน้าแบบสปอร์ต แมคเฟอร์สันสตรัท สปริงแต่งและเหล็กกันโคลง ช่วงล่างหลังเป็นแบบมัลติลิงก์ สปริง โช้คอัพและกันโคลง
โหมด N e-shift และ N Active Sound+ ระบบแรกจำลองการส่งกำลังโดยให้อารมณ์ความรู้สึกของเกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีด ในรถสปอร์ตแบรนด์ N ของ Hyundai การควบคุมแรงบิดของมอเตอร์และจำลองแรงกระชากเมื่อเปลี่ยนเกียร์ ฟังก์ชั่น N Active Sound+ ใช้ลำโพงภายในห้องโดยสารรวม 8 ตัว ลำโพงภายนอกอีก 2 ตัว มีโปรไฟล์เสียง 'Ignition' เพื่อเลียนแบบเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ ความจุ 2.0 ลิตร ของ Hyundai N ส่วนโหมด 'Evolution' มีเสียงคล้ายกับ RN22e ส่วนโหมดเสียงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องบินรบความเร็วเหนือเสียงคือโหมด 'Supersonic' แต่โหมดเสียงเครื่องยนต์จำลองนั้นเจ๋งสุดและสมจริงเอามากๆ แม้กระทั่งรอบเดินเบาและการเบิ้ลเครื่องก็ทำให้นึกถึงรถแข่ง One Make Race กำลังเตรียมตัวเพื่อออกสตาร์ตในกริต!
Ioniq 5 N มีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์เมื่อเทียบกับ Ioniq 5 รุ่นมาตรฐาน ตัวอย่างเช่น รุ่น N จะต่ำกว่ารุ่นมาตรฐาน 20 มิลลิเมตรที่ 1,585 มิลลิเมตร กว้างกว่า 50 มิลลิเมตรที่ 1,940 มิลลิเมตร ยาวกว่า Ioniq 5 รุ่นมาตรฐาน 80 มิลลิเมตร หรือ 4,715 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หน้า 1,628 มิลลิเมตร หลัง 1,638 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 160 มิลลิเมตร ด้านหน้าโดดเด่นด้วยสปลิตเตอร์ แผงแอร์ และม่านอากาศแบบใหม่ ในขณะที่ด้านหลังมีสปอยเลอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ ดิฟฟิวเซอร์เด่นชัด ไฟเบรกทรงสามเหลี่ยม และไม่เหมือนกับ Ioniq 5 รุ่นมาตรฐานตรงที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง ล้ออะลูมิเนียมฟอร์จ ขนาด 21 นิ้ว หุ้มด้วยยาง Pirelli P Zero ขนาด 275/35ZR21
เพลาขับอิสระ ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง World Rally Championship ของ Hyundai มีการเสริมความแข็งแรงของโครงสร้าง เพื่อให้ทนทานต่อแรงบิดมหาศาลของมอเตอร์ไฟฟ้า ในขณะที่น้ำหนักของชุดเพลาขับก็ลดลง มีการเสริมความแข็งแกร่งให้กับคอพวงมาลัยเพื่อการตอบสนองและการตอบรับจากล้อที่ดีขึ้น ในขณะที่พวงมาลัยพาวเวอร์มีอัตราการบังคับเลี้ยวที่สูงขึ้น การตอบสนองแรงบิดที่เพิ่มขึ้น N Pedal ได้รับการติดตั้งเพื่อปรับปรุงการตอบสนองของคันเร่งและความไวในการรับน้ำหนักของรถ การใช้ i-Pedal ซึ่งใช้การเบรกแบบ regenerative braking เพื่อชะลอความเร็วและจ่ายพลังงานกลับเข้าไปในแบตเตอรี่ ช่วยในการถ่ายเทน้ำหนักและเข้าโค้งได้คมชัดยิ่งขึ้น เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการดริฟต์และการตั้งค่า 11 รูปแบบสำหรับการกระจายแรงบิดบนเพลาหน้า-หลัง เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปแบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าโค้งให้มีการยึดเกาะในระดับสูงสุดราวกับทากาวไว้ที่ล้อเลยทีเดียว
ภายในที่แตกต่างไปจาก Ioniq 5 รุ่นมาตรฐานด้วยการออกแบบห้องโดยสารสไตล์รถแข่งที่แผนก N ของ Hyundai มีความถนัด พวงมาลัยหุ้มหนังกลับ Alcantara ดึงดูดสายตาและให้สัมผัสในการจับที่ดี มีปุ่ม N ต่างๆ รวมถึงปุ่ม N Grin Boost รถยังมีคันเกียร์โลหะแบบใหม่สำหรับระบบเบรกแบบสะสมพลังงาน คอนโซลกลางออกแบบสำหรับการขับในสนามแข่ง เบาะนั่งแบบสปอร์ตของ N หุ้มหนังสองรูปแบบทั้งหนังปกติและหนังกลับ Alcantara เบาะปรับมือตามรูปแบบของเบาะรถแข่ง ปุ่มต่างๆ ออกแบบโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความง่ายในการใช้งานและไม่รวมทุกอย่างเอาไว้ในจอภาพมอนิเตอร์กลาง มาตรวัดแบบทรงกลม ปรับแต่งการแสดงผลได้อย่างหลากหลาย มีดีไซน์คล้ายมาตรวัดของรถยนต์สันดาปภายใน มีทั้งมาตรวัดวงกลมที่แสดงผลรอบเครื่องยนต์กับสปีดความเร็วและตำแหน่งเกียร์ซึ่งเป็นการจำลองหน่วยวัดแบบรถเชื้อเพลิงอย่างชัดเจน
ทุกวันน้ี รถยนต์ไฟฟ้าต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่ยากลำบาก เพื่อบรรลุถึงการทำลายสถิติด้านอัตราเร่งของรถสันดาปภายใน พลังแรงบิดที่ล้นเหลือ การยึดเกาะที่แนบสนิทไปกับผิวถนน แต่รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ ยังขาดหลักการในเรื่องความเพลิดเพลินของการขับ นักขับที่มาจากรถสันดาปภายใน จะให้ความสำคัญกับไดนามิก ฟีลลิ่งของการควบคุม ตัวถังที่มีน้ำหนักเบา ระบบเกียร์ที่สมบูรณ์แบบ การทรงตัวในโค้งที่ยอดเยี่ยม เครื่องยนต์รอบจัด ผสมผสานการทำงานกับระบบเกียร์ พร้อมซาวนด์ที่แท้จริงซึ่งเกิดจากการจุดระเบิดผ่านระบบวาล์วในท่อไอเสีย เพื่อสนองความรู้สึกทั้งหมดออกมาเป็นอารมณ์ที่ลึกซึ้ง นั่นคือความสำคัญสูงสุดของรถสปอร์ตเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ไม่มีอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้า ยกเว้น Ioniq 5 N
ไม่เคยมีผู้ผลิตรายใดสามารถถอดรหัสดังกล่าว จนกระทั่ง Hyundai สร้าง Ioniq 5 N ออกมา เมื่อมองดูในกลุ่มรถไฟฟ้าคู่แข่ง ส่วนใหญ่ไม่มีเสียง หรือมีก็ไม่ใช่เสียงเครื่อง กลายเป็นเสียงแปลกๆ ที่ไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ ไม่มีแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่อง ไม่มีเสียงเครื่องขณะเดินเบา หรือเบิ้ลรอบ ไม่มีแรงกระชากพร้อมเสียงดังบึมขณะเปลี่ยนเกียร์ รถไฟฟ้าสมรรถนะสูงมีเพียงการปรับแต่งพวงมาลัยและระบบกันสะเทือน พร้อมซาวนด์แทร็กแปลกๆ ที่แปร่งหูเท่านั้น ร้อยละ 99 ของรถยนต์ไฟฟ้านั้นไร้วิญญาณ ไร้เสียง ไม่ว่าฝ่ายการตลาดหรือผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรณ์จะพยายามบอกกับเราว่ามันมีซาวนด์อวกาศที่คิดค้นโดยวาทยกรนักแต่งเพลงระดับโลก ซึ่งเคยประพันธ์เพลงให้กับภาพยนตร์ชั้นนำมาแล้ว Hyundai Ioniq 5 N เป็นรถคันแรกที่เข้ามาโน้มน้าวจิตใจของคนที่เกลียดรถยนต์ไฟฟ้าให้หันกลับมามอง เป็นการเพิ่มองค์ประกอบที่นักเลงรถสันดาปชื่นชอบเข้าไปใส่ไว้ในยานยนต์ EV อย่างแยบยล
"Hyundai Ioniq 5 N เป็นผู้นำทางเทคโนโลยีของบริษัท Hyundai Motor" Jaehoon Chang ประธานและผู้บริหารระดับสูงของบริษัท Hyundai Motor กล่าวในงานเปิดตัว จากความรู้สึกส่วนตัวหลังขับทดสอบในสนามแข่ง Ioniq 5 N เป็นรถสปอร์ตแฮตช์แบ็กที่ผสมผสานระหว่างองค์ความรู้ทางเทคโนโลยี ประสบการณ์ด้านมอเตอร์สปอร์ตของแบรนด์ N เพื่อผลักดันขีดจำกัดและสมรรถนะของยานยนต์ไฟฟ้า ส่งผลให้ 5 N กลายเป็นรถที่เข้ามาเปลี่ยนเกมในกลุ่มยานยนต์สมรรถนะสูงที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า การพัฒนาที่สำคัญเกี่ยวกับรถยนต์คันนี้จะเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของ Hyundai ทุกรุ่นในอนาคต คาดว่า มันน่าจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ด้วยราคาที่ถูกกว่า Mercedes-AMG EQE53 หรือแม้แต่ BMW i5 M60 ส่วนจะเข้ามาเมื่อไหร่ ต้องตามข่าวกันต่อไปละครับ.
POWERTRAIN
Electric Motor Type Permanent Magnet Synchronous Motor (PMSM) - REAR & FRONT - AWD
Electric Motor Max Power 650 PS / 478.1 kW
Electric Motor Torque 740 Nm/ 545.8 lbs ft
0-62mph 0-100 km/h 3.4 seconds
Top Speed 260 km/h 164 mph
HIGH VOLTAGE BATTERY
Battery Type Lithium-ion Polymer
Battery Power 585 kW
Battery Capacity 84.0 kWh/Ah
Voltage 697
CHARGING
Charging Port CCS
Estimated Charging Emergency 3 Pin Connector (ICCB) to (95%) Compatible
Estimated Charging Wallbox 7kW single phase (10 -100%) 11 hours 30 minutes
Estimated Charging Wallbox 10.5kW 3 phase (100%) 7 hour 35 minutes
Estimated Public 50kW CCS (80%) 1 hour 10 minutes
Estimated Public 350kW CCS (80%) 18 to 36 min
On Board Charger (kW) 10.5
SUSPENSION
Front Macpherson Strut Type
Rear Multilink
STEERING
System Rack & Pinion (R-MDPS TYPE)
Steering Wheel Lock to Lock Turns 2.31
Turning Circle 12.42 metres
BRAKE
Front Callipers Four-piston monobloc
Front 21" (Φ400x34t)
Rear 19" (Φ360x20t)
DIMENSIONS
Overall Length 4715 mm
Overall Width 1940 mm (Excluding Door Mirrors)
Overall Width 2152 mm (Including Door Mirrors)
Wheelbase 3000 mm
WEIGHT AND CAPACITY
Kerb Weight 2235 kg
Payload 460 kg
Gross Vehicle Weight 2660 kg
Max Tow Weight (kg) - Braked N/A
Max Tow Weight (kg) - Unbraked N/A
Gross Train Weight (kg) N/A
Noseweight (kg) N/A
Max Roof Weight (kg) N/A
N
Front Tyre 275/35R21
Rear Tyre 275/35R21
Front Wheel 9.5JX21, OFFSET 45
Real Wheel 9.5JX21, OFFSET 45
Front Track 1667
Rear Track 1672.2
Overall Height 1585 mm
Luggage Capacity VDA (litres) - Seats Up 480
Luggage Capacity VDA (litres) - Seats Down 1540
CO2 Emissions (g/km) 0
Maximum Potential EV Driving Range (Miles/Km) TBC
Electric Driving Efficiency (kWh per 100Km)
POWERTRAIN
Battery Size - 84 kWh
All Wheel Drive System
Anti-lock Brake System (ABS), Electric Stability Control, Hill Start Assist Contrl (HAC), Multi Collision Brake)
Parking Brake - Electric with Auto Hold Function
Shift By Wire - E-Shift
Battery Heating System with Pre-Conditionning
Suspension - Electronic Control
Dampers: High Performance
Paddle Shift - Regenerative Braking
Rear Axle - Electronic Limited Slip Differential ( e-LSD)
Steering Column - Manual Height and Reach Adjustment
Drive Mode Eco / Normal / Sport and N Mode button
Brakes: 21" Discs front - 19" Discs rear
Active Air Flaps :3EA
SAFETY & SECURITY
Airbag - Front Passenger De-Activation Switch
Airbags - Front Centre Side
Airbags - Front Thorax and Pelvis, Curtain Airbags
Alarm - Thatcham Category 1
Blind Spot Collision Avoidance Assist (BCA)
Blind Spot View Monitor
Central Locking - Remote Control
Childproof Rear Door Locks - Manual
eCall
FCA 2 - Forward Collision Avoidance Assist - Car, Pedestrian, Cycle
FCA-JT - Forward Collision Avoidance Assist - Junction ( Turning)
HDA 2 - Highway Drive Assist Level 2
Immobiliser
Intelligent Speed Limit Assist (ISLA)
ISOfix Child Seat Anchorage Points - Rear (Second Row, outer seats only)
Lane Follow Assist (LFA)
Lane Keep Assist (LKA) - Line and Road Edge
Parking System - Parking Collision Avoidance Assist -Reverse /Forward/Side (PCA)
Rear Cross Traffic Collision Avoidance Assist (RCCA)
Rear Occupancy Alert
Seatbelts - Height Adjustable Driver and Front Passenger
Tyre Pressure Monitoring System (TPMS) with Individual Tyre Pressure Warning
Tyre Repair Kit
EXTERIOR
21" Forged Alloy Wheels
Brake Callipers - Orange
Door Mirrors - Glossy Black Cap
Exterior Door Handle - Flush Auto
Exterior Door Handles - Body Coloured
Metallic / Pearl / Matt / Glossy
Beltline - Black Glossy
Wiper - Front
Wiper - Rear
INTERIOR STYLING
Seat Trim - Bucket Alcantara (Seat Facing only)
Ambient lighting (64 colours)
Interior Door Handles - Metal Paint Effect
Steering Wheel - Heated
Steering Wheel - N Performance - Perforated Leather Wrapped and Haptic
Pedals - Alluminium Performance
Roof Trim - Cloth
SEATING
Driver's Seat Height Adjustment (Manual)
Front Passenger's Seat Height Adjustment (Manual)
Front Seats - Heated
Front Seats - Ventilated
Head Restraints - Vertical Adjustment (Second Row Outer)
Head Restraints - Vertical and Horizontal Adjustment (Front)
Rear Seats (Outer) - Sliding -Manual
Rear Seats (Outer) - Heated
Rear Seats (Second Row) - Split Folding (60/40)
VENTILATION & VISIBILITY
Air Conditioning - Climate Control (Dual Zone)
Air Ducts - rear
Automatic Windscreen Wipers with Rain Sensor
Daytime Running Lights N dedicated - LED
Fog Lights - LED Rear
Headlamps - Dual LED low and high projection
Auto Light Control : High Beam Assist (HBA)
High Mounted Stop Light (HMSL) - LED
Indicator Lights - Door Mirror
Inside Rear View Mirror - Digital ECM
Interior Cabin Light - Full LED
Interior Light - Luggage Compartment
Positioning Lights - LED
Rear Combination Lights - LED
Rear Door Blinds - Manual
Rear Windows - Privacy
Rear Tailgate - Heated and Privacy
Windows - Front and Rear - Laminated Glazing
Windscreen and Front Windows - Solar Glass
Windscreen Auto Defog Function
Windscreen Wiper with Aero Wiper Blade
Windscreen with Accoustic Film
CONVENIENCE
12V Power Outlet in Front Console
Battery Heating System with pre-conditionning
Centre Console - Fixed
Cup Holders - Front
Door Mirrors - Electric Adjustment and Heated
Door Mirrors - Electric Folding
Electric Windows - Front and Rear with Anti-Trap Mechanism and One Touch Control (Driver Window)
Heat Pump
Luggage Cover
Luggage Hooks and net
Parking Brake - Electric with Auto Hold Function
Parking Distance Warning (PDW); Forward / Reverse
Parking System - Remote Smart Park Assist (RSPA) 2 Upgraded
Parking System - Surround View Monitor
Rear View Monitor with Dynamic Parking Guidance
Smart Cruise Control with Stop & Go
Smart Electric Tailgate - Hand's Free Opening Function
Key - Smart Key - Keyless Entry with Power On/Off Button
Smartphone Key
Smart Regenerative Braking
Sun Visors - with Driver and Passenger Illuminated Vanity Mirrors and Driver Ticket Holder
V2L - Vehicle to Load - Inside
V2L - Vehicle to Load - Outside
Vehicle to Load Adaptor
TECHNOLOGY & ENTERTAINMENT
E-Active Sound Design + ( N Brand)
12.3" Touchscreen - Satellite Navigation and Media Centre
CcNC Platform & Over The Air Updates
Bluelink (Connected Car Services) and Live Services (3 year Subscription)
Bluetooth® Connectivity with Voice Recognition
Digital Clock
Driver's Supervision Instrument Cluster with full TFT Display (12.3")
Head Up Display (HUD) - Augmented Reality (AR) and Standard Displays
Phone Connection - Android Auto™
Phone Connection - Apple CarPlay™
Phone Connection - Wireless
Speakers - BOSE Premium Audio
Speaker - Internal Seven Speakers + One Subwoofer
Speaker - External two speakers.
Steering Wheel Audio Controls
USB Front - Type C - Three
USB Rear- Type C - Two
Wireless Phone Charging Pad
CUSTOMER OPTIONS
Vision Roof
Matt Paint / Metallic / Pearl Paint / Gloss Paint
WARRANTY
12 Years' Anti-Perforation Warranty
Five Year Annual Vehicle Health Checks
Five Year Unlimited Mileage Warranty
High Voltage Battery Warranty - 8 Years, 100,000 Miles
Hyundai Roadside Assistance
MapCare Programme - 3 years of Map Updates
CHARGING
800 V and 400 V
10.5 kWh 3 Phase On Board Charger (OBC)
CCS Combo Rapid Charge Port (50 kW)
Charging Cable - 7 Pin Type 2
Charging Cable - Emergency 3 Pin Connector (ICCB)
Plug & Charge Capable ( Activiation via Charge myHyundai)