Mitsubishi Motor เปิดตัวรถกระบะเป็นครั้งแรกในปี พศ. 2521 ตลอด 45 ปีที่ผ่านมา Mitsubishi Motor ผลิตรถกระบะกว่า 5.6 ล้านคัน ครอบคลุมทั้งหมด 5 เจเนอเรชัน วางจำหน่ายใน 150 ประเทศทั่วโลก ล่าสุดกับการแนะนำรถกระบะ Mitsubishi New Triton รถกระบะรุ่นใหม่ เจเนอเรชันที่ 6 ที่คนของ Mitsu แจ้งว่า New Triton มีการออกแบบใหม่หมดทั้งคัน เป็นการเปลี่ยนโฉมในรอบ 9 ปี ดีไซน์ที่บึกบึน แข็งแกร่ง ทั้งภายนอกและภายใน การพัฒนาเฟรมหรือโครงรถ แชสซี ช่วงล่าง และเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด และนี่คือข้อมูลความเปลี่ยนแปลงหลักๆ ของ New Triton
...
ขนาดที่ใหญ่ขึ้น มิติตัวถังของ New Triton รุ่น Double Cab 4 ประตู มีขนาดความกว้าง 1865 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร ยาว 5,319 มิลลิเมตร ยาวขึ้น 16 มิลลิเมตร สูง 1,795 มิลลิเมตร มิติของกระบะท้าย ยาว 1,555 มิลลิเมตร กว้าง 1,545 มิลลิเมตร สูง 525 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 3,130 มิลลิเมตร ฐานล้อยาวขึ้น 130 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า 1,570 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหลัง 1,565 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 222 มิลลิเมตร
...
เครื่องยนต์ใหม่ มีกำลังมากขึ้น
เครื่องยนต์ดีเซลสี่สูบแถวเรียง อัดอากาศด้วยเทอร์โบ รหัส 4N16 Hyper Power ความกว้างกระบอกสูบ 86.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 105.1 มิลลิเมตร ปริมาตรความจุ 2,442 ซีซี กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,250-2,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบบังคับเลี้ยว พวงมาลัยแรคแอนพีเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงหมุน รัศมีวงเลี้ยว 6.4 เมตร ระบบเบรก ด้านหน้าใช้ดิสก์เบรกด้านหลังแบบดรัมเบรก ระบบรองรับด้านหน้า ดับเบิลวิชโบน ปีกนกคู่ โช้คอัพ สปริง ด้านหลังแบบแหนบซ้อน ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว ยาง Bridgestone Dueler AT ไซส์ 265/60R18
...
...
เฟรมใหม่ ใหญ่ขึ้น
ระบบกันสะเทือนใหม่ กระบอกโช้คอัพด้านหน้าใหญ่ขึ้น 14% สูงขึ้น 20 มิลลิเมตร ขนาดกระบอกโช้คอัพหลังใหญ่ขึ้น 44%
วัสดุภายในปรับเปลี่ยนใหม่ให้มีคุณภาพมากกว่าเดิม
ระบบความปลอดภัย ADAS
ดีไซน์ภายนอก Dynamic Shield ของ New Triton หลายคนบอกว่าดูแปลกๆ ตันๆ แต่ก็มีความแปลกใหม่และทันสมัยใช้ได้ จุดที่ดีไซน์ออกมาได้ดีก็คือ ทรงของไฟหน้า LED กับไฟหรี่ LED Day time Running Light ที่ยังคงเชื่อมโยงกับชุดกระจังหน้าได้อย่างลงตัว ชุดไฟแบบสองชั้นเป็นสไตล์ที่ Mitsubishi ใช้กับรถยนต์หลายรุ่นทั้งกระบะ เอสยูวีและครอสโอเวอร์รวมถึงมินิเอมพีวีอย่าง Xpander กระจังของ New Triton รุ่น Plus 2.4 Ultra AT ราคา 1,027,000 บาท ดูไปดูมาก็สวยใช้ได้ ถ้าไม่จ้องจะบูลลี่กันอย่างจงใจก็ถือว่าออกแบบมาพอใช้ได้ ดูเข้ากับส่วนหน้าของรถได้ดีพอใช้ และที่มีนักเลงคีย์บอร์ดเอาไปเปรียบเทียบกับแอร์แขวนนั้นก็ดูจะเป็นการจงใจติมากกว่าจะให้ความเห็นกันแบบตรงไปตรงมา กันชนหน้าทรงเหลี่ยมมีช่องรับอากาศเข้า ออกแบบเพื่อให้เข้ากับชุดกระจังขนาดใหญ่และชุดไฟ ไฟตัดหมอกติดตั้งอยู่ใต้ชุดไฟหน้า กันชนยังติดตั้งเซนเซอร์สี่ตำแหน่งสำหรับการกะระยะ ด้านข้างตัวถังมีเส้นนำสายตาจาก จากขอบของบังโคลนแก้มข้างลากลดระดับลงมาจนเกือบถึงชายล่างของบานประตู มือจับที่เปิดประตูโครเมียม กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในกรอบโครเมียม ฝาถังเชื้อเพลิงทรงเหลี่ยม กาบบันไดด้านข้างพร้อมวัสดุกันลื่น เสาอากาศยางสีดำปรับมุมได้ บั้นท้ายเรียบง่าย ไม่มีระบบผ่อนแรงเปิดฝาท้าย มือจับที่เปิดฝาท้ายโครเมียม มีกล้องมองหลังติดตั้งอยู่ภายใน พร้อมไฟเบรกดวงที่สามและขอบสปอยเลอร์ซึ่งเป็นชิ้นงานตกแต่งมาจากโรงงาน กันชนหลังพร้อมจุดเหยียบติดตั้งวัสดุกันลื่น มิติของฝาท้ายที่เคลมว่าใหญ่ขึ้นกว่าเดิม มีขนาดความยาว 1,555 มิลลิเมตร กว้าง 1,545 มิลลิเมตร สูง 525 มิลลิเมตร ไฟท้ายแบบผสมทั้งหลอด LED และหลอดไฟท้ายแบบปกติ
งานตกแต่งภายในสไตล์ Mitsubishi เต็มไปด้วยเหลี่ยมมุม แดชบอร์ดคอนโซลกว้าง ทำจากพลาสติกและหุ้มด้วยไวนิลในบางจุดเพื่อเพิ่มสัมผัสที่นุ่มนวล จุดเด่นของภายใน New Triton รุ่น Plus 2.4 Ultra AT คือ จอภาพมอนิเตอร์กลาง ขนาด 9 นิ้ว ห้องโดยสารเน้นโทนสีดำ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ สีดำ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้ายังปรับด้วยมือเหมือนเดิม ควรจะให้เป็นไฟฟ้าคู่หน้าได้แล้ว จุดที่ทำได้ดีก็คือ พวงมาลัยหุ้มหนัง ปรับ 4 ทิศทาง ขึ้น-ลง ใกล้-ไกล
กุญแจ KOS Smart Keyless Entry ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ Push Start Button ย้ายลงมาอยู่ใต้แผงควบคุมอุณหภูมิ ดิจิทัล ระบบแอร์แบบแยกอิสระ ซ้าย-ขวา Dual Zone หมุนเวียนอากาศ สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
มาตรวัดออกแบบให้อ่านค่าได้ง่าย แต่ดูแล้วคล้ายกับมาตรวัดของ Nissan Navara เป็นมาตรวัดแบบเรืองแสง Optitron มาครบทั้งวัดรอบและความเร็ว ตรงกลางของมาตรวัดทั้งสองฝั่ง ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบสี LCD ขนาด 7 นิ้ว สำหรับจอภาพมอนิเตอร์กลาง ขนาด 9 นิ้ว เชื่อมโยงสั่งงานกับระบบอินโฟเทนเมนต์ สั่งงานด้วยระบบสัมผัส Touchscreen เป็นจอภาพมอนิเตอร์ของกล้องมองภาพรอบคัน ระบบอินโฟเทนเมนต์ รองรับ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย Wireless ระบบ Mirror Link ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth ระบบนำทาง Navigation System ลำโพง 6 ตำแหน่ง ช่องชาร์จไฟ 12V 2 ตำแหน่ง ช่องชาร์จไฟ USB Type A / Type C Fast Charge ช่องชาร์จไฟ USB Type A / Type C Fast Charge สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
พวงมาลัยสามก้านหุ้มหนังแท้ มีขนาดรอบวงที่เหมาะสมกับสัดส่วนของตัวถัง ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป หนังที่หุ้มตรงจุดที่มือจับมีรูพรุนเพื่อความกระชับรัดกุมในการจับแล้วหมุนเพื่อเลี้ยว ก้านวงส่วนล่างทำจากพลาสติกสีเงิน ปุ่มควบคุมที่ก้านวงด้านซ้ายของระบบมัลติมีเดีย สวิชท์ปรับระดับเสียงของลำโพง ปุ่มเลือกการแสดงผลของจอภาพ MID ก้านวงด้านขวา มีสวิชต์สั่งงานด้วยเสียงและสวิชต์รับหรือวางสายโทรศัพท์บลูทูธ การวางตำแหน่งของพวงมาลัยที่ปรับได้สี่ทิศทางครอบคลุมการปรับท่านั่งด้วยเบาะไฟฟ้าที่ปรับได้ 8 ทิศทางในตำแหน่งของเบาะคนขับ
พื้นที่เบาะหลังไม่ถึงกับกว้างแต่นั่งแล้วมีพื้นที่วางขาพอเพียงจากการออกแบบให้เบาะรองนั่งมีขนาดความยาวที่ไม่มากนัก เบาะแบบสามที่นั่งของแถวหลัง นั่งสองคนจะสบายตัวกว่า ตรงกลางมีพนักเท้าแขนที่ออกแบบให้เป็นช่องวางแก้วน้ำ เพดานของรถก็ยังมีช่องแอร์ที่คอยเพิ่มความเย็นในวันที่มีอากาศร้อนจัด เป็นช่องแอร์เพดานที่ไม่มีในกระบะคู่แข่ง ความสะดวกสบายของเบาะผู้โดยสารตอนหลังยังมีช่องจ่ายกระแสไฟฟ้า 12V ช่องเชื่อมต่อ USB Type A และ C
New Triton รุ่น Plus 2.4 Ultra AT ราคา 1,027,000 บาท พัฒนาขึ้นตามแนวคิดที่ครอบคลุมการใช้งานจากการรวบรวมความคิดเห็นของลูกค้าทั่วโลก โดยเฉพาะการเก็บข้อมูลของลูกค้าไทยที่ใช้งานต่างจังหวัดเป็นหลัก รุ่น Plus 2.4 Ultra AT เป็นหนึ่งในรถกระบะที่มีอุปกรณ์ครบเมื่อเทียบกับรถคู่แข่งในระดับเดียวกัน ทั้งระบบความปลอดภัย ความสะดวกสบายและเทคโนโลยีของระบบอินโฟเทนเมนต์ หัวใจของความปลอดภัยใน Mitsubishi Triton ใหม่ คือโครงสร้างตัวถังนิรภัย Mega Frame ประกอบกับแชสซีที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่น ผ่านการทดสอบในภูมิประเทศทุรกันดารทั่วโลก เพื่อทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทกและต้านทานการเสียรูปทรงเพื่อการปกป้องผู้โดยสารเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ตัวถังที่ทนทานถูกเสริมด้วยเหล็กกล้าเหนียวพิเศษ โดยมีการปรับลดน้ำหนักแต่เพิ่มความแข็งแกร่งในบางจุดให้กับโครงสร้างตัวถังนิรภัย
ความสามารถในการขับเคลื่อนเมื่อได้ลองขับครั้งแรกจากกรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดสระบุรี New Triton รุ่น Double Cab Plus 2.4 Ultra AT ให้ความรู้สึกที่นิ่มนวลกว่ารุ่นก่อนปรับโฉม กำลังของเครื่องยนต์ใหม่ที่มีความจุเท่าเดิมไม่ได้บ่งบอกว่ารถแรงขึ้น แต่การตอบสนองของเครื่องดีเซลตัวใหม่นั้นไม่ชักช้า กดคันเร่งลงไปก็ออกตัวได้อย่างรวดเร็วทันอกทันใจใช้ได้ จุดเด่นของรุ่น Double Cab Plus 2.4 Ultra AT ขับเคลื่อนล้อหลัง ราคา 1 ล้าน ก็คือ การซับแรงสั่นสะเทือนของช่วงล่าง คนของ Mitsubishi แจ้งว่า Triton ใหม่เจเนอเรชันที่ 6 มีการปรับเซตช่วงล่างให้นิ่มขึ้น เพื่อความสบายในแบบเอสยูวี เมื่อลองขับบนทางเรียบก็พบว่ามันนิ่มขึ้นจริงๆ แต่ก็ยังมีอาการโคลงตัวอยู่บ้างบนทางออฟโรด ซึ่งเป็นเรื่องปกติของกระบะยกสูงที่ใช้ช่วงล่างหลังแบบแหนบซ้อน รวมถึงโครงสร้างแบบแชสซีออนเฟรม กับช่วงล่างหลังที่เน้นการบรรทุกหนัก แต่ช่วงล่างที่ปรับมาใหม่ของ New Triton ก็ทำให้รถรุ่นใหม่นั้นนั่งได้สบายขึ้นบนทางไฮเวย์ข้ามจังหวัด
พวงมาลัยเพาเวอร์สายพาน เหมือนกับ Toyota Hilux REVO Rocco / Isuzu D-MAX / Nissan Navara ให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากพวงมาลัยไฟฟ้าของ Ford Ranger มีน้ำหนักที่หน่วงมือมากกว่าในย่านความเร็วต่ำ แต่พอความเร็วสูงขึ้นก็ไม่ได้เบาจนทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ พวงมาลัยเพาเวอร์สายพาน แรคแอนพีเนียน มอบการควบคุมที่พอใช้ได้ แต่ไม่ได้แม่นยำเท่ากับกระบะคู่แข่งที่ใช้พวงมาลัยไฟฟ้า การเลี้ยวบนเส้นทางคดเคี้ยวทำได้สมราคา ไม่ได้แม่นเป็นจับวางแต่ก็สามารถควบคุมทิศทางได้อย่างไม่ลำบากยากเย็น มีระยะฟรีตรงกลางมากไปนิด แต่ก็ทำมาเพื่อไม่ให้พวงมาลัยไวเกินไปซึ่งอาจทำให้ควบคุมทิศทางได้ยากในย่านความเร็วสูง น้ำหนักของพวงมาลัย Triton ในย่านความเร็วสูง จึงถูกปรับหน่วงให้ไม่เบาจนน่ากลัวหรือหนักเกินไปในย่านความเร็วต่ำ เป็นสัมผัสของพวงมาลัยเพาเวอร์ที่มีความเที่ยงตรงใช้ได้
เครื่องยนต์ใหม่แต่ความจุเท่าเดิมของ Mitsubishi Triton เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของการใช้งาน เครื่องยนต์ดีเซล เสื้อสูบและฝาสูบอะลูมิเนียม อัดอากาศด้วยเทอร์โบแปรผัน เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง พร้อมระบบวาล์ว MIVEC อัดอากาศด้วย VG Turbo Diesel รหัส 4N15 ความจุเท่าเดิมที่ 2,442 ซีซี มีกำลังสูงสุด 184 แรงม้า ม้าเพิ่มมาแค่ 3 ตัว แต่แรงบิดยังเท่าเดิมที่ 430 นิวตันเมตร ถือว่าพอเพียงต่อการใช้งาน พร้อมระบบ Auto Stop and Go ดับเครื่องยนต์เมื่อจอดนิ่งเพื่อประสิทธิภาพของการประหยัดเชื้อเพลิงและลดมลพิษ เครื่องยนต์ทำงานร่วมกับระบบส่งกำลังซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แรงบิด 430 นิวตันเมตร เหลือเฟือต่อการใช้งานทั้งวิ่งตัวเปล่าหรือบรรทุกสัมภาระมาเต็มกระบะท้าย แรงบิดรอบต่ำเรียกใช้งานได้เร็วทันใจ ที่ 2,250 รอบต่อนาที แรงบิดเกือบทั้งหมดก็ถูกปลดปล่อยออกมา การขับขึ้นเนินกับแรงบิดที่ส่งถ่ายออกมาจากเครื่องยนต์ผ่านเกียร์ 6 สปีดไปที่เพลาหลังถือว่าตอบสนองได้ดี ตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของ Mitsubishi Triton Double Cab Plus 2.4 Ultra AT ทำได้ที่ 12.5 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 178 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เครื่องรหัส 4N16 DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ เป็นแบบอะลูมินั่มบล็อกที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งเกิดขึ้นจากการพัฒนาด้านชิ้นส่วนที่เข้ามาช่วยให้น้ำหนักของตัวเครื่องยนต์ลดลง 4N16 พัฒนาต่อยอดมาจาก 4N15 มีน้ำหนักส่วนเกินที่ถูกตัดออกไปพอสมควร เครื่องยนต์ปรับปรุงให้มีความแข็งแรงทนทาน จากสภาวะการใช้งานในลักษณะต่างๆ ระบบปั๊มฉีดน้ำมันดีเซล Commonrail Generation 4.5 แบบใหม่ วาล์วระบายแรงดันน้ำมันเครื่อง ระบบระบายความร้อนแบบใหม่และการเลือกใช้กระบอกสูบแบบเหล็กกล้าหรือ Steel Cylinder Liner ระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบแปรผัน หรือ VG Turbo บูสอัดไอดีเข้าไปยังห้องเผาไหม้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านของแรงบิดรอบต่ำได้ดี ทำให้เครื่องยนต์มีแรงบิดเพียงพอต่อการขับเคลื่อนตัวรถตั้งแต่รอบต่ำตอนออกตัวไปจนถึงรอบสูงสุดในการเร่งความเร็ว ระบบวาล์วแปรผันสองฝั่ง MIVEC หรือ Mitsubishi Innovative Valve Timing Electronic Control System เป็นระบบควบคุมการปิดเปิดของวาล์วไอดีแบบแปรผันทำงานสอดคล้องกับความเร็วรอบเครื่องยนต์ การออกแบบในลักษณะดังกล่าวของระบบวาล์วแปรผัน MIVEC ช่วยทำให้เครื่อง 4N16 มีแรงบิดที่ดีในรอบต่ำและเพิ่มแรงบิดในรอบสูงอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้เครื่องยนต์มอบอัตราเร่งที่ดี
ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 6 สปีด ทำงานบนเส้นทางภูเขาได้อย่างราบรื่น การเปลี่ยนเกียร์ในโหมดออโต้ไหลลื่นใช้ได้ อาการกระตุกกระชากเล็กๆ จะเกิดขึ้นเมื่อใช้คันเร่งลงลึกแบบฉับพลันทันทีทำให้เกิดอารมณ์สนุกสนาน เกียร์อัตโนมัติที่มีอัตราทดแค่ 6 สปีด ไม่ได้เสียเปรียบกระบะคู่แข่งที่มีอัตราทดมากกว่าจนสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง เป็นอัตราทดที่ครอบคลุมการใช้งานที่ออกแบบให้สั้นกระชับ การตัดต่อเกียร์ขึ้นลงตลอดการขับเดินทางบนไฮเวย์และเส้นทางทดสอบทั้งไปและกลับมีความต่อเนื่องราบเรียบใช้ได้ เมื่อผลักคันเกียร์ไปทางซ้ายก็จะเข้าสู่ตำแหน่งการชิฟเกียร์ด้วยตัวเองแบบเกียร์แมนนวล ลองผลักคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง Trip Tronic เพื่อดูการตอบสนองเมื่อต้องชิฟเกียร์เอง ที่ตำแหน่งเกียร์ 4 ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงแรงดึง การคิกดาวน์เพื่อเร่งความเร็วก็มีประสิทธิภาพดีพอ สำหรับการใช้งานเร่งความเร็วเพื่อแซงรถช้า เอนจิ้นเบรกเมื่อผมลองเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำถึง 2 ตำแหน่งจากเกียร์ 5 ไปยังเกียร์ 3 ขณะขับเข้าโค้งมุมแคบ หากรอบเครื่องยนต์สูงเกินไปไม่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ก็จะไม่ยอมเปลี่ยนให้จนกว่ารอบเครื่องยนต์จะพอดิบพอดีกับอัตราทดนั้นๆ ถือว่าเป็นเกียร์ 6 สปีดขับเคลื่อนล้อหลังที่ตอบสนองได้ดีพอสมควร
บนเส้นทางออฟโรดในค่ายทหารม้ายานเกราะแถวสระบุรี ซึ่งถูกปรับให้เป็นสนามทดสอบความสามารถเฉพาะตัวของรถกระบะยกสูงขับเคลื่อนล้อหลัง ต้องระวังเมื่อใช้ความเร็วสูงในสภาพผิวถนนที่ไม่มีความสม่ำเสมอ เช่น ถนนลูกรังหินลอยที่เป็นลอนคลื่นแบบหลังเต่า ลูกรังหินลอยและทางเนิน รวมถึงโค้งที่มีไหล่ทางสูงชัน สัดส่วนความสูงทำให้ Triton Double Cab Plus 2.4 Ultra AT ขับเคลื่อนล้อหลัง เอาตัวรอดได้ เมื่อขับลุยฝ่าทางโหดขรุขระที่ค่อนข้างลื่น แรงบิดที่ดีและมีความต่อเนื่องช่วยทำให้การขับขึ้นเนินชันจากอุปสรรคของสนามทดสอบจำลองนั้นผ่านไปได้แบบสบายๆ กล้องมองภาพช่วยอำนวยความสะดวกในการวางตำแหน่งรถเพื่อความปลอดภัยในการไต่เนิน พวงมาลัยแรคแอนพีเนียนพร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงเป็นแบบสายพานปั๊มเพาเวอร์แม้จะให้สัมผัสที่เป็นรองพวงมาลัยไฟฟ้าแต่แข็งแรงมากกว่า แม้จะกินกำลังเครื่องยนต์ไปบ้างแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร แลกกลับด้วยความแข็งแรงเพื่อรองรับแรงกระแทกของแรคพวงมาลัยเพาเวอา์ที่มีการออกแบบให้ใช้ได้ทั้งทางเรียบและทางฝุ่น
สรุป โดยภาพรวม Mitsubishi New Triton Double Cab Plus 2.4 Ultra AT เป็นรถคันทดสอบในกลุ่ม New Triton ก่อนที่รุ่นขับสี่ตัวท็อปจะโผล่ตามออกมาในช่วงปลายปีนี้ New Triton เป็นกระบะที่มีหน้าตาทึบๆ ตันๆ ดูบึกบึนกว่าเดิม ทรงของกระจังอยู่ที่การตีความของแต่ละคน บางคนก็ชอบ บางคนไม่ชอบ แต่ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าพอรับได้ ภายในมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ จุดที่ทำได้ดีคือตำแหน่งการวางจอมอนิเตอร์กลาง 9 นิ้ว เบาะคนขับนั่งสบายปรับไฟฟ้าได้อย่างหลากหลาย มาตรวัดที่เหมือน Navara แต่อ่านค่าได้ง่ายและสวยงาม ช่องเชื่อมต่อต่างๆ ให้มาครบ ระบบเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ค่อนข้างทันสมัย เบาะหลังมีพื้นที่พอเพียง ไม่ได้กว้างเหมือนสนามฟุตบอล แต่นั่งสองคนที่ด้านหลังแบบสบายๆ เมื่อเดินทางไกล เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ตัวใหม่ มีพละกำลังใช้ได้ ช่วงล่างมอบความสบายให้กับคนที่ไม่ชอบอารมณ์กระแทกกระเด้งกระดอนของกระบะยกสูงในอดีต อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่อยู่ในเกณฑ์ดี ในวันทดสอบ ทำได้ที่ 14 กิโลเมตรต่อลิตร แม้จะใช้คันเร่งอย่างต่อเนื่อง เครื่องยนต์ เกียร์ และช่วงล่างทำงานสอดประสานกันได้ดีพอสมควร แรงบิดรอบต่ำในช่วงออกตัวถือว่าดี ทำให้มีความคล่องตัวในเมือง อุปกรณ์ที่ให้มา อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของกระบะยกสูงขับเคลื่อนสองล้อยุคใหม่ทั่วไป เครื่องเสียง ลำโพงแค่พอไปวัดไปวาได้ อยู่ในระดับ "พอฟังได้" ระบบสัมผัสที่หน้าจอ 9 นิ้ว แบบใหม่ สั่งงานได้ รวดเร็ว ระบบนำทางด้วยดาวเทียมมีความละเอียดไม่มากนัก ความคิดเห็นส่วนตัวกับเจ้า New Triton Double Cab Plus 2.4 Ultra AT ขับสอง อยู่ที่การบังคับควบคุมที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ช่วงล่างใหม่นั่งสบายขึ้นแต่ก็ยังติดนิสัยของกระบะยกสูงอยู่ดี ถ้ามองว่าราคาพอรับได้ ลองไปลองขับด้วยตัวเองดูสักครั้ง ตลาดรถกระบะในต่างจังหวัด ส่วนหนึ่งในจำนวนส่วนแบ่งทางการตลาดที่ไม่น้อย ยังคงถูกครอบครองด้วยลูกค้าเก่าของ Triton ความจงรักภักดีที่ยาวนานนั้นเกิดจากความชอบในประสิทธิภาพของรถและบริการหลังการขาย หาก Mitsubishi ยังคงเอกลักษณ์ดังกล่าวเอาไว้ได้ ยอดขายของ New Triton ก็น่าจะพอไปได้ละครับ.
ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ - AUTOMATIC HIGH BEAM (AHB)
ไฟสูงจะทำงานโดยอัตโนมัติ เมื่อแสงสว่างจากภายนอกไม่เพียงพอและปรับลงเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจสอบพบแสงสว่างจากรถคันหน้าที่วิ่งสวนมา
(เฉพาะรุ่น ULTRA)
กล้องมองภาพรอบคัน - MULTI AROUND VIEW MONITOR (MAM)
ทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่ง รอบตัวรถ เพื่อความปลอดภัยในการจอดรถ รวมถึงการขับบนเส้นทางออฟโรด ระยะการจับภาพของกล้องมองภาพรอบคัน เป็นภาพจำลองเพื่อความเข้าใจ (เฉพาะรุ่น ULTRA)
ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน - BLIND SPOT WARNING with LANE CHANGE ASSIST (BSW with LCA)
ระบบจะตรวจจับรถคันอื่นที่วิ่งอยู่ในเลนถัดไปทางด้านหลังในระยะประมาณ 70 ม. และส่งสัญญาณไฟเตือนบนกระจกมองข้างให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีรถอยู่ในจุดอับสายตา ซึ่งอาจไม่สามารถมองเห็นจากกระจกมองข้าง และในขณะเดียวกันหากเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ระบบจะส่งเสียงเตือน พร้อมสัญญาณไฟกะพริบบนกระจกมองข้างเพื่อความปลอดภัยในการเปลี่ยนช่องจราจร
(เฉพาะรุ่น ULTRA)
ระบบเตือนด้านหลัง ขณะถอยออกจากช่องจอด - REAR CROSS TRAFFIC ALERT (RCTA)
เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง หากเซนเซอร์ด้านหลังตรวจพบรถคันอื่นเข้ามาในรัศมีการตรวจจับ ระบบจะส่งเสียงเตือน และสัญญาณไฟกะพริบบนกระจกมองข้างทั้ง 2 ด้าน พร้อมแสดงข้อความเตือนบนหน้าจอแสดงผล (เฉพาะรุ่น ULTRA)
ELECTRONIC BRAKE FORCE DISTRIBUTION (EBD)
ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำงานประสานกับระบบเบรก ABS เพื่อให้เกิดการกระจายแรงเบรกอย่างเหมาะสมทั้ง 4 ล้อ ช่วยลดระยะเบรกให้สั้นลง
BRAKE ASSIST (BA)
ระบบเสริมแรงเบรก จะทำงานทันทีที่เหยียบเบรกกะทันหัน ระบบนี้จะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้การหยุดรถเป็นไปอย่างรวดเร็ว
BRAKE ASSIST (BA)
ระบบเสริมแรงเบรก จะทำงานทันทีที่เหยียบเบรกกะทันหัน ระบบนี้จะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้การหยุดรถเป็นไปอย่างรวดเร็ว
FORWARD COLLISION MITIGATION SYSTEM (FCM)
ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว
ระบบเสริมความปลอดภัย โดยใช้เรดาร์ประเมินระยะห่างจากรถคันหน้า หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกัน ระบบจะทำการเตือนและช่วยชะลอความเร็ว พร้อมเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกเพื่อให้ประสิทธิภาพในการเบรกที่ดียิ่งขึ้น และบรรเทาความเสียหายจากการชน (เฉพาะรุ่น ULTRA)
ถุงลม 7 ตำแหน่ง
ถุงลมคู่หน้า ด้านข้าง หัวเข่าผู้ขับขี่ และม่านถุงลม ช่วยลดความรุนแรงที่เกิดจากการชนทั้งด้านหน้า และด้านข้าง ทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น ULTRA)