หนึ่งในกระบะดีเซลที่มีความน่าใช้ในชั่วโมงนี้ ถ้าไม่นับเจ้าตลาดอย่าง Isuzu D-MAX 4x4 กับอันดับที่สามพร้อมช่วงล่างเนียนๆ อย่าง Ranger Wildtrak 4x4 คงหนีไม่พ้น Toyota Hilux REVO 60 Year รถปิกอัพเจ้าตลาดของพี่โตที่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565 ค่ายสามห่วงได้ยกระดับทั้งสมรรถนะการขับ ความสะดวกสบาย ระบบความปลอดภัย และการเชื่อมต่อในระบบอินโฟเทนเมนต์ การปรุงแต่ง powertrain ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น เมื่อคุณเลือกใช้รถยนต์ของ Toyota หมายถึงการดูแลเอาใจใส่จากศูนย์บริการ ราคาขายต่อเป็นรถมือสอง โดยเฉพาะรถกระบะรุ่น Rocco หล่นไม่มาก ประสิทธิภาพการใช้งานเหมาะสมมากกับการเป็นพาหนะคันใหม่ในช่วงที่ประเทศไทยมีน้ำท่วมขัง รวมถึงการก่อสร้างซ่อมบำรุงถนนหนทางเพิ่มขึ้น ทางที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างนั้นเต็มไปด้วยหลุมบ่อที่ไม่ค่อยจะเหมาะกับช่วงล่างของรถเก๋ง Rocco มีจุดเด่นที่แรงบิดและระบบรองรับ ช่วงล่างถูกปรับเซตให้นั่งได้สบายเนื้อสบายตัวมากกว่าเดิม โดยเฉพาะการขับผ่านผิวทางที่ขรุขระนั้นนุ่มนวลกว่าเดิมมาก ความสูงแบบออฟโรดยังใช้ลุยน้ำท่วมขังในเมืองได้โดยไม่ต้องรอให้น้ำลด! 

...

TOYOTA HILUX REVO ROCCO 4WD 2.8 AT 60th Anniversary 1,301,000 บาท

ISUZU D-MAX V-CROSS 4x4 3.0 Ddi M 4-door A/T 1,217,000 บาท

FORD RANGER WILDTRAK 2.0 Bi-Turbo 10AT 4WD 1,314,000 บาท

MITSUBISHI TRITON 4WD GT Premium 6AT 1,152,000 บาท

NISSAN NAVARA PRO4X 2.3 Twin Turbo 7AT 4WD 1,160,000 บาท

MAZDA BT-50 DBL 3.0 SP 4WD AT ลดราคา จาก 1,153,000 เหลือ 999,000 บาท

...

ปิกอัพ Hilux REVO Rocco รุ่นฉลองครบรอบ 60 ปี เป็นความพยายามในการทวงคืนบัลลังก์แชมป์ยอดขายรถกระบะของไทย จากที่ Toyota เคยครอบครองตำแหน่งนี้มานานมาก จนเปลี่ยนมือตกไปเป็นของค่ายตรีเพชร Isuzu ที่ดันกระบะ D-MAX จนติดลมบน แซงขึ้นหน้าพี่โตตั้งแต่ปลายปี 2563 กว่า 3 ปีที่ Isuzu D-MAX ยังคงนำครองตำแหน่งอันดับที่หนึ่งยอดขายรถกระบะในไทย

รถทดสอบรุ่นท็อปสุด Hilux Double Cab 4x4 2.8 Rocco AT เวอร์ชันครบรอบ 60 ปี การดำเนินธุรกิจรถยนต์ในประเทศไทยของ Toyota ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ กับ Sequential Shift พร้อมชุดขับเคลื่อน 4 ล้อ Hilux Double Cab 4x4 2.8 Rocco เป็นกระบะยกสูงขับสี่ ที่มีราคาถึง 1,301,000 บาท หน้าตาท่าทางยังคงเน้นความดุดัน รุ่นฉลองครบ 60 ปี ไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงมากนัก ด้านหน้าที่ดูดี ใบหน้าของ REVO Rocco โดนใจคนใช้รถกระบะในประเทศไทยมากกว่าหน้าเดิมแบบมู่ทู่ของรุ่นที่แล้ว มิติตัวถังของ REVO Rocco 2.8AT 4X4 ยาว 5,325 มิลลิเมตร กว้าง 1,900 มิลลิเมตร สูง 1,810 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 3,085 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,540 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,550 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 216 มิลลิเมตร กระบะยาว 1,840 มิลลิเมตร กว้าง 1,540 มิลลิเมตร สูง 480 มิลลิเมตร ล้ออะลูมิเนียมสีเทา ห่อรัดด้วยยาง A/T รุ่นพิเศษ Dunlop Grandtrek ไซส์ 265/60R18 110H AT25

...

...

Hilux Double Cab 4x4 2.8 Rocco AT เวอร์ชันครบรอบ 60 ปี สีตัวถังภายนอก สีขาว หลังคาดำ Black Roof ล้ออัลลอย สีเทาด้าน Gun Matte กระจังหน้า สีดำเงา Piano Black สัญลักษณ์ 60 ปี กระจกมองข้างสีดำ แผงประตูด้านข้างหุ้มด้วยหนังเย็บตะเข็บด้ายสีแดง ที่พักแขนด้านข้าง หุ้มด้วยหนังสีดำ เดินตะเข็บด้ายสีขาว เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีทูโทน พร้อมสัญลักษณ์ 60 ปี ระบบ T-Connect Telematics กล่องกุญแจ พร้อม Certificate, Apple Air Tag และพวงกุญแจครบรอบ 60 ปี

Rocco ยังมาพร้อมกับการปรับปรุงยกระดับความแรงของเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร ให้เทียบเท่ากับ Hilux REVO GR Sport จากที่มีแรงม้า 177 ตัว ในรุ่นที่แล้ว มาถึงรุ่นปัจจุบัน เครื่องยนต์ถูกปรับจูนยกระดับความแรง ทำให้มีฝูงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 204 ตัว เรียกได้ว่ามีม้าตุนไว้ใช้งานอีกเพียบ ส่วนแรงบิด การปรับจูนกล่องควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ใหม่ เปลี่ยนเทอร์โบให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น แกนของเทอร์โบเป็นแบบตลับลูกปืนบอลแบร์ริ่งที่ลื่นไหล ทำให้บูสอากาศได้หนักหน่วงมากกว่าเทอร์โบตัวเก่า แรงบิดพุ่งจาก 450 นิวตันเมตร เป็น 500 นิวตันเมตร แรงฉุดลากเท่ากับ Ford Ranger Wildtrak 2023 ทำให้ Rocco ตอบสนองด้วยยควากระฉับกระเฉง แรงบิดมากพอที่จะขับใช้งานทั้งทางเรียบและทางวิบาก ขับไต่เนินที่สูงชันได้ด้วยการใช้คันเร่งแค่นิดเดียวเท่านั้น แรงบิดระดับ 500 นิวตันเมตรยังมาในรอบต่ำแค่ 1,600 รอบต่อนาที ส่งผลให้การขับใช้งานในเมืองมีความคล่องตัวจากกำลังที่จัดมาให้แบบสาแก่ใจพวกนักเลงรถปิกอัพที่ชอบขับเร็ว 

Hilux REVO Rocco มีห้องโดยสารที่เรียบง่าย เป็นกระบะที่มีขนาดห้องโดยสารพอฟัดพอเหวี่ยงกับรถกระบะ 4 ประตูขับเคลื่อน 4 ล้อของคู่แข่งทุกค่าย จากรูปแบบของคอนโซลกลาง การจัดวางตำแหน่งซุ้มเกียร์ จอภาพมัลติฟังก์ชันระบบสัมผัส พวงมาลัยสไตล์บึกบึนแบบ 4 ก้าน เบาะโดยสารหุ้มด้วยหนังสีดำ รวมถึงแผงประตูและวัสดุห่อหุ้มหลังคาโทนสีดำ ขอบประตูตกแต่งด้วยไฟ LED ภายในของเจ้า Hilux REVO Rocco รุ่นปรับโฉมมีความเปลี่ยนแปลงน้อยมาก มันเหมือนการยกอุปกรณ์ของรถ Toyota Fortuner มาใส่ไว้ใน Rocco จอภาพกลางคอนโซลที่ยื่นออกมาเพื่อทำให้การสัมผัสสั่งงานลงไปบนจอภาพแบบใหม่มีความสะดวกสบายไม่ต้องเอื้อมมือกันให้มากเรื่อง ที่ชอบและโดนก็คือคอนโซลที่แตกต่างจากรถปิกอัพคู่แข่งอย่างชัดเจนในเรื่องของดีไซน์ สีสัน และความสะดวกในการใช้งานอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ในคอนโซลทั้งจอภาพ ช่องแอร์กรุขอบด้วยพลาสติกสีดำเงา ชุดควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสารเป็นแบบดิจิตอลทั้งหมด ช่องแอร์ด้านบนมีนาฬิกาดิจิทัลอยู่ตรงกึ่งกลาง การออกแบบให้ชิ้นงานบางชิ้นมีความละเอียดน่าใช้ เช่น จุดที่โดนใจก็คือหน้าปัดมาตรวัดที่มีรายละเอียดและสีสันภายในสวยงามน่ามองอ่านค่าได้ง่าย


null

มาตรวัดเรืองแสงสีฟ้าอมน้ำเงิน ใช้ตัวเลขสีขาวบนพื้นสีดำแบบเรืองแสงกับเข็มสีฟ้าเพื่อให้ง่ายและมองเห็นได้ชัดเจนต่อการอ่านค่า ทั้งมาตรวัดความเร็วด้านขวามือกับมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ด้านซ้าย กึ่งกลางของมาตรวัดทั้งสองวาง MID หรือ Multi information display ซึ่งใช้จอภาพแบบ TFT หรือ Thin film transistor เมื่อกดดูรายละเอียดการแจ้งเตือนต่างๆ ของจอภาพขนาดเล็กก็จะพบว่าจอ MID ของเจ้า REVO Rocco รุ่นท็อปยัดความสามารถในการแจ้งค่าต่างๆ ของตัวรถมาให้เพียบ เช่น ตำแหน่งของการเปิดประตูแต่ละบาน / ทริปมิเตอร์ a/b / อุณหภูมิภายนอก / คำนวณปริมาตรการใช้เชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตรต่อกิโลเมตร / เชื้อเพลิงภายในถังต่อระยะทางที่สามารถวิ่งไปถึง / สถานะของการขับขี่และการให้คะแนนความประหยัดในโหมด ECO / ตำแหน่งของเกียร์ออโต 6 สปีด ที่เพิ่มเข้ามาให้ใช้ก็คือกราฟิกจำลองมุมของล้อหน้าเมื่อขับลุยฝ่าทางวิบาก ช่วยเพิ่มมุมมองให้รับรู้ทิศทางของล้อได้ดีเมื่อไต่เนินสูงชัน หรือปีนข้ามสิ่งกีดขวาง ช่วยให้การวางตำแหน่งรถมีความแม่นยำขณะขับฝ่าทางที่เต็มไปด้วยเนินสูงและหล่มลึก

พวงมาลัย 4 ก้านหุ้มด้วยหนังแท้มีรอบวงที่โตขึ้นเมื่อเทียบขนาดกับพวงมาลัยของรถเก๋ง ทำให้จับได้อย่างถนัดไม้ถนัดมือมากยิ่งขึ้น ก้านของพวงมาลัยยังติดตั้งสวิตช์สั่งงานมาให้ เช่น สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง สวิตช์เลือกโหมดของระบบต่างๆ ผ่านจอภาพกลางคอนโซล เช่น โหมดเครื่องเสียง โหมดระบบนำทางด้วยดาวเทียม โหมดเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เล่นเพลงจากภายนอก จอภาพมอนิเตอร์รองรับ DVD สั่งงานด้วยระบบจอสัมผัส รองรับ T-Connect สวิตช์สั่งงานด้วยเสียง และสวิตช์รับหรือวางโทรศัพท์ไร้สายในระบบบลูทูธ ก้านสวิตช์ปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ หรือ Cruise control เครื่องเสียงติดรถแบบธรรมดาสามัญเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน จะเอาดีกว่านี้ก็ต้องเสียเงินเพิ่มกันเอาเอง

ซุ้มเกียร์ เป็นที่อยู่ของคันเกียร์ออโตทอร์คคอนเวอร์เตอร์ 6 สปีด ในรถ Rocco 4x4 2.8G A/T เชื่อมต่อกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มีคันเกียร์ที่จับได้อย่างถนัดมือและร่องเกียร์ที่ออกแบบมาเพื่อความแม่นยำในการเลือกตำแหน่งเกียร์ การออกแบบร่องเกียร์ให้เป็นแบบหยักเพื่อป้องกันความผิดพลาดในการเลื่อนตำแหน่งของคันเกียร์ เมื่อผลักคันเกียร์มาทางด้านขวาก็จะเข้าสู่โหมดเกียร์ธรรมดาทันที การชิฟเกียร์ผ่าน Sequential Shift ให้ความรู้สึกถึงการตอบสนองต่อการเปลี่ยนเกียร์ว่องไวใช้ได้ แต่ไม่มีแป้น Paddle Shift มาให้เหมือน Fortuner รุ่นท็อป ข้างคันเกียร์ติดตั้งสวิตช์ปรับโหมดขับเคลื่อน มีมาให้เลือก 2 โหมดคือ ECO และ POWER MODE สวิตช์เพื่อเลือกโหมดการขับขี่ได้สองรูปแบบ โหมดประหยัด ECO และโหมดสปอร์ต หรือ Power Mode ที่พักแขนใกล้กับคันเบรกมือออกแบบให้เป็นกล่องสำหรับการเก็บของกระจุกกระจิก หรือวางโทรศัพท์ ส่วนชุดควบคุมอุณหภูมิออกแบบให้ใช้งานได้ง่าย คล้ายกับรถเก๋ง Toyota Corolla New Altis ด้วยชุดควบคุมแอร์แบบดิจิทัล ช่องแอร์ด้านหลังยังเข้ามาช่วยกระจายลมแอร์เย็น เป่าไปให้กับผู้โดยสารตอนหลังได้เย็นสบายในวันที่มีอากาศร้อนจัด

เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร GD Super Power 1GD-FTV (High) เป็นเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler มีปริมาตรความจุกระบอกสูบ 2,755 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ 92.0 มิลลิเมตร ระยะชัก 103.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.6 : 1 กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า PS) ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด (500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที) ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่นแบบคอมมอนเรล (แบบ i-ART) ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร เครื่องดีเซล GD Super Power 1GD-FTV (High) มีกำลังสูงขึ้นจาก 130 กิโลวัตต์ เป็น 150 กิโลวัตต์ (177 แรงม้า เป็น 204 แรงม้า) แรงบิดสูงสุดจากของเดิม 450 นิวตันเมตร เพิ่มเป็น 500 นิวตันเมตร ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์มีการเปลี่ยนเทอร์โบให้ใหญ่ขึ้น แกนเทอร์โบใส่ตลับลูกปืน Ball Bearing เพื่อลดแรงเสียดทาน เพิ่มประสิทธิภาพด้านการบูสได้เร็วกว่าเดิม ลูกสูบเคลือบสาร Diamond-liked บริเวณแหวนรองลูกสูบเพื่อลดแรงเสียดทาน หัวฉีดเชื้อเพลิงคอมมอลเรลไดเรคอินเจคชั่น i-ART ทั้งหมดทั้งปวงเป็นที่มาของแรงบิดอันน่าประทับใจของ Rocco 2.8AT รุ่นครบรอบ 60 ปี ของ Toyota

รายละเอียดต่างๆ ของระบบรองรับ เช่น ช่วงล่างพวกไดอะแกรม ขนาดความกว้าง ความยาวและความสูงของชิ้นส่วนต่างๆ ในระบบรองรับ กระบอกโช้ค ขนาดของบูชยางที่ใช้ รวมไปถึงความยาวของแหนบ การเอาแหนบซ้อนออกไป 2 แผ่น จากเดิมที่มีอยู่ 5 แผ่น ค่า K ของสปริง การยืดและระยะยุบตัวของโช้คอัพ ขนาดของลูกหมากลูกยางคันชักคันส่งยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์ แรคพวงมาลัย แกนแรคและชิ้นส่วนในชุดบังคับเลี้ยว ทั้งหมดถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่หมด อาการโคลงตัวของ Hilux REVO Rocco รุ่นท็อปสุดลดลงมามาก การปรับปรุงใหม่ทำให้นั่งแล้วรู้สึกหนึบๆ นุ่มๆ ทางลาดยางเรียบๆ ช่วงล่างใหม่สำแดงฤทธิ์เดชความนวลออกมาให้สัมผัส รวมถึงการวิ่งบนผิวทางลูกรังก็ซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีกว่าเดิม

เมื่อไม่เน้นบรรทุกหนัก และต้องการให้รถมีความนุ่มนวลมากขึ้นกว่าเดิม แหนบซ้อนแบบ 5 แผ่นของเดิมซึ่งเป็นที่มาของอาการกระเด้งกระดอนเมื่อลุยทางวิบากถูกถอดออกไป 2 เหลือแค่ 3 แผ่น แหนบแผ่นกลางแบบ High Tensile Steel มีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิม โช้คอัพถูกปรับจูนระยะยืดและยุบใหม่หมด เพื่อทำให้สามารถดูดซับแรงสะเทือนได้ดีขึ้น Mounting (Bush / Shackle/ Cab-mount) มีการปรับคุณสมบัติในการดูดซับแรงสั่นสะเทือน เปลี่ยนรูปทรงของชิ้นส่วนเพื่อลดแรงเสียดทานของส่วน Mounting (เฉพาะ Hilux REVO ขับเคลื่อน 4 ล้อ และ Prerunner ขับเคลื่อน 2 ล้อ) เมื่อเข้าโค้งแรงๆก็ยังคงมีอาการโคลงหลงเหลืออยู่บ้าง ซึ่งอาการดังกล่าวเป็นเรื่องปกติ หรือเป็นธรรมชาติของรถกระบะยกสูงแบบแชสซีออนเฟรม กับช่วงล่างที่เน้นความแกร่งในด้านการบรรทุก ทำให้ไม่สามารถกำจัดอาการโคลงตัวออกไปได้หมด (แม้จะเป็น Ford Ranger Wildtrak ที่มีช่วงล่างดีก็ยังโคลงพองาม!) จึงมีความจำเป็นที่คนขับจะต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่โดยเฉพาะการขับด้วยสปีดความเร็วสูงเข้าโค้ง

แรงบิดมหาศาลจากเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร ที่จูนมาใหม่นั้นเร่งแค่แวบเดียวก็มีตัวเลขทะลุ 150-170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว เมื่อชอบขับเร็วก็ควรลดความเร็วก่อนถึงหัวโค้ง เตือนตัวเองให้ทำแบบนี้ทุกครั้งก่อนที่จะหักพวงมาลัยไปตามสภาพของโค้ง ไม่มีความจำเป็นใดๆ ในการที่จะสร้างอันตรายให้กับตัวของคุณเองและครอบครัวด้วยการขับกระบะยกสูงเร็วมากจนเกินพอดี ควรลดความเร็วทุกครั้งก่อนเข้าโค้ง แม้ทางที่ใช้วิ่งจะเป็นเส้นทางที่คุณมีความคุ้นชินก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อฝนตกลงมาบนเส้นทางภูเขาก็ให้ทำการยกคันเร่งลงมาได้เลยเพื่อความปลอดภัย Rocco กับช่วงล่างที่ปรับมาให้ใหม่นั้นเจ๋งจริง แต่ก็ควรจะเข้าโค้งด้วยความเร็วที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้ควบคุมทิศทางได้อย่างง่ายดายจากการเซ็ตช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยวใหม่ทั้งยวง อย่าลืมเผื่อระยะเบรกเอาไว้ด้วย เพราะตัวหนักสองตัน ห้อมาเต็มก็ควรจะเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้บ้าง ไม่ใช่ใส่มาแบบไม่ลืมหูลืมตา!

เกียร์ออโต 6 สปีด Sequential Shift เป็นเกียร์ออโต้ขับสี่ลูกเก่า มีการปรับอัตราทดให้สอดรับกับแรงบิดที่มากขึ้น มีตำแหน่งทริปทรอนิกส์เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถชิฟหรือเลือกตำแหน่งเกียร์ด้วยตัวเองเมื่อวิ่งผ่านทางบนภูเขาสูงชัน โดยใช้วิธีผลักคันเกียร์มาทางขวาเพื่อเข้าสู่โหมดแมนวล เกียร์ออโตในตำแหน่ง D เปลี่ยนจังหวะด้วยตัวของมันเองตามโปรแกรมที่ลงเอาไว้ในกล่องสมองกลไฟฟ้า ECU ที่เชื่อมต่อกับกล่องควบคุมเครื่องยนต์ เกียร์ออโต 6 สปีดพร้อม Sequential Shift มีประสิทธิภาพที่ดีพอตัวในการทดกำลังแรงบิด กลไกไฟฟ้าป้องกันความเสียหายของเกียร์ จากการชิฟเกียร์ผิดจังหวะเมื่อรอบเครื่องยนต์ไม่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนเกียร์หรือลดเกียร์ลงต่ำขณะที่รถมีความเร็วสูง เกียร์จะไม่ยอมเปลี่ยนจนกว่าความเร็วรอบจะสัมพันธ์กับอัตราทดในเกียร์นั้นๆ ช่วยป้องกันอาการเกียร์กระจายได้หายห่วง เนื่องจากค่าซ่อมเกียร์นั้นไม่ใช่ถูกๆ Toyota แสดงให้เห็นว่า ถ้าปรับอัตราทดให้เหมาะสมกับแรงบิด ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องมีเกียร์มากถึง 10 สปีด 

500 นิวตันเมตร เมื่อผมใช้ความเร็วต่อเนื่องใน Power Mode โดยห้อลงเขามาเต็มเหนี่ยวด้วยรอบเครื่องสูงปรี๊ด เมื่อลองยัดเกียร์ต่ำเพื่อใช้เอนจิ้นเบรกช่วย หากรอบเครื่องยนต์สูงมากจนเกินไป ระบบป้องกันเกียร์เสียหายจากการเปลี่ยนเกียร์ที่ไม่มีความสัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์จะเข้ามาแทรกแซงทันที ระบบป้องกันเกียร์เสียหายจะไม่ยอมเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำให้จนกว่ารอบการหมุนของเครื่องจะมีความสัมพันธ์กับรอบการหมุนของเกียร์ ดูเหมือนจะฝืนความรู้สึกกันอยู่บ้างเมื่อเกียร์ไม่ยอมเปลี่ยนให้หากรอบเครื่องสูงเกินไป แต่ก็ช่วยทำให้คุณไม่ต้องเข้าอู่เข้าศูนย์เพื่อซ่อมหรือเปลี่ยนเกียร์กันเร็วก่อนเวลาอันควร ช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์ออโตราคาแพงลิบ ซึ่งมีกลไกป้องกันเกียร์กระจายแบบนี้คอยช่วยป้องกันคนขับที่ชอบยัดเกียร์ขึ้น-ลงเองบ่อยครั้งไม่ว่าจะเกิดจากความมันหรือต้องการใช้อัตราทดช่วยลดความเร็วก็ตาม

ระบบบังคับเลี้ยวของ Toyota Hilux REVO Rocco 2.8AT 4x4 ปรับปรุงพวงมาลัยพาวเวอร์ใหม่ หันมาใช้พาวเวอร์ผ่อนแรงหมุนและแปรผันน้ำหนักไปตามความเร็ว VFC (Variable Flow Control) ปรับน้ำหนักพวงมาลัยแบบแปรผันไปตามความเร็ว เป็นชุดบังคับเลี้ยวแรคแอนพีเนียนพร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงที่ถูกปรับให้ลดระดับความตึงลงมาเล็กน้อย พวงมาลัยยังให้ความแม่นยำที่ใช้ได้ แต่น้ำหนักเมื่อขับเคลื่อน 2 ล้อแบบปกตินั้นหนักไปนิด การเปลี่ยนทิศทางใน REVO รุ่นยกสูงต้องออกแรงขยับข้อมือกันมากกว่าพวงมาลัยของรถเก๋งเล็ก เมื่อปรับไปที่การขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 4H พวงมาลัยจะเบาลงเล็กน้อย น้ำหนักที่มากกว่าพวงมาลัยไฟฟ้าอาจทำให้คุณสุภาพสตรีที่หนีจากรถเก๋งมาเป็น Rocco ต้องปรับความคุ้นเคยกันสักพัก แต่เมื่อคุ้นเคยดีแล้ว พอลงจาก Rocco แล้วกลับไปขับรถเก๋งจะรู้สึกว่าพวงมาลัยไฟฟ้าก็เบาเกินไปอีก! พวงมาลัยแบบพาวเวอร์สายพานของปิกอัพ Toyota มีจุดเด่นเรื่องของความคงทนไม่พังกันง่ายๆ แม้จะลุยแหลกกระแทกเนิน เป็นข้อดีของมันที่จะต้องแลกเปลี่ยนด้วยน้ำหนักและความแม่นยำที่ยังคงเป็นรองพวงมาลัยไฟฟ้าของคู่แข่ง

Hilux REVO Rocco ก็เป็นรถกระบะที่มีเสถียรภาพการทรงตัวอยู่ในเกณฑ์ดี ขอขอบคุณทีมวิศวกรและทีมทดสอบในช่วงของการพัฒนาซึ่งใช้เวลาปรับปรุงช่วงล่างนานถึง 3 ปี เพื่อหาค่าที่เหมาะสมมากที่สุดสำหรับความสบายหลังพวงมาลัย การเก็บเสียงเมื่อลองขับทดสอบบนถนนเส้นสุพรรณบุรีที่มีทั้งทางปูนและทางลาดยางบวกคอสะพานที่แสนชัน! Hilux REVO Rocco นั้นเก็บเสียงได้ดีสุดในบรรดากระบะดับเบิ้ลแค็บเมื่อเทียบกับรถคู่แข่งทั้งหมด วิ่งด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แทบจะไม่ได้ยินทั้งเสียงลมและเสียงยาง ต้องเพิ่มความเร็วไปที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็จะเริ่มได้ยินเสียงยางบดลงไปบนผิวถนนและเสียงการทำงานของเครื่องดีเซล

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงบนการทดสอบที่เต็มไปด้วยทางตรงยาวกับทางขึ้นเขาลงเนินเขาแถบหนองหญ้าปล้อง ห้วยมงคล ปราณบุรี มีการใช้คันเร่งกันอย่างเต็มที่และต่อเนื่องในบางจังหวะบนทางตรงยาวเพื่อแซงรถช้า ส่วนใหญ่จะคาอยู่ใน Power Mode อัตราสิ้นเปลืองตามที่แจ้งในจอ MID เมื่อลองขับในโหมด ECO อยู่ที่ 11.5 กิโลเมตรต่อลิตร ซัดหนักกดต่อเนื่องใน Power Mode พร้อมกับยัดระบบขับเคลื่อนเป็น 4H อัตราสิ้นเปลืองหล่นลงมาเหลือ 9.7 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อแรงเยอะขึ้นก็ต้องกินเพิ่มขึ้น ถือเป็นปกติของรถกระบะเครื่องดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบ เชื้อเพลิงดีเซล 1 ถัง 80 ลิตร ไปได้ไกล 600 กิโลเมตร อย่างสบายๆ  ถ้าไม่เน้นกำลังแรงบิดหรือรูปแบบของกระบะตัวเต็มสายลุย ชอบขับช้าๆ ไปเรื่อยๆ ขับทางราบเป็นส่วนใหญ่ และในชีวิตไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องขับรถขึ้นเขาลงห้วย ซื้อ REVO Z Edition เครื่อง 2.4 ลิตร ขับชิลๆ จะถูกกว่ากันเยอะครับ ส่วนอัตราสิ้นเปลือง อย่าไปจริงจังกับตัวเลขนี้มากนัก เพราะตัวแปรมันเยอะ ทั้งสภาพอากาศ สภาพผิวถนน สภาพเส้นทาง กระแสลม ความเร็วที่ใช้ ยาง ล้วนมีส่วนที่ทำให้อัตราสิ้นเปลืองไม่ตรงไปตรงมาและมีความผกผันตามสภาวะการใช้คันเร่งและสปีดความเร็ว 

อุปกรณ์ความปลอดภัยเพื่อทำให้ New Hilux REVO Rocco มีความเหนือชั้นกว่ารถกระบะของคู่แข่ง รุ่นปรับโฉมยังใช้ตัวถังโครงสร้างนิรภัยแบบ GOA ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งรอบคัน ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC Hill start Assist Control ระบบควบคุมความเร็วขณะขับลงจากทางลาดชัน DAC Downhill Assist Control ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ หรือ LDA กล้องมองหลังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในรถกระบะท้ายสูง จอ MID แสดงภาพมุมของล้อหน้าบนกึ่งกลางมาตรวัด ออกแบบให้ใช้งานเพื่อสังเกตทิศทางของล้อขณะไต่เนินชัน เพื่อการวางตำแหน่งของล้อที่ถูกต้อง ระบบควบคุมการทรงตัวในโค้ง VSC Vehicle Stability Control ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS Anti-lock Braking System ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC Traction Control ระบบเสริมแรงเบรก BA Brake Assist ระบบกระจายแรงเบรก EBD Electronic Brake-force Distribution และระบบควบคุมการส่ายของพ่วงท้าย TSC Tralier Sway Control ฯลฯ โดยที่บรรยายมาทั้งหมดนั้นแน่ใจว่าไม่มีทางได้ใช้พร้อมกันทั้งหมดอย่างแน่นอน เทคโนโลยีช่วยขับขี่ที่เข้ามาเพิ่มความปลอดภัยทั้งหมดของ Hilux REVO Rocco 4x4 2.8G A/T ทำให้มันเป็นรถกระบะขับสนุกและเกาะถนนพอสมควรด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 4 High ช่วยทำให้การใช้งานในฤดูฝน รวมถึงการขับลุยทางที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อมีความปลอดภัยเอาตัวรอดได้อย่างสบาย

สวิตช์ปรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้า Shift on The Fly 4WD Switch ช่วยทำให้การปรับระบบขับเคลื่อนจาก 2 ไปเป็น 4 ล้อมีความสะดวกรวดเร็วและง่ายดายขึ้น โดยไม่มีความจำเป็นจะต้องจอดรถเพื่อปรับตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเหมือนในอดีต การเลือกโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง เจ้า Hilux REVO Rocco รุ่น Double Cab 4x4 2.8G AT จัดเต็มอุปกรณ์ของระบบขับเคลื่อนเพื่อการเอาตัวรอดบนเส้นทางทุรกันดาร มันเป็นกระบะที่ใช้ขับฝ่าทางออฟโรดโหดๆ ได้อย่างสบายๆ การคอนโทรลตัวรถฝ่าทางวิบากแค่แต่งพวงมาลัยและใช้คันเร่งแบบค่อยเป็นค่อยไป หรือปล่อยให้รถไหลไปเองบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ แค่คอยแตะเบรกไม่ได้ภรรยาที่นั่งมาด้วยหันมาทำตาเขียวใส่ ใช้สปีดความเร็วต่ำให้ถูกต้องคล้องจองกับสภาพทาง ก็สามารถขับออกมาได้แบบทุลักทุเลเล็กน้อย เทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อน เกียร์อัตโนมัติขับสี่ แชสซีที่แข็งแกร่ง ผนวกช่วงล่างของ REVO Rocco รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการขับที่สมบุกสมบัน ทำให้คนที่ไม่เคยขับแบบออฟโรดก็ยังสามารถควบคุมรถให้ผ่านทางโหดๆ ไปได้แบบไม่ยากเย็นมากนัก

แรงบิด 500 นิวตันเมตรนั้นเหลือเฟือต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ออกจะมากเกินไปด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับรูปแบบของช่วงล่าง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขับเจ้า Rocco ใหม่รุ่นท็อปสุดให้เร็วแบบเจ้าพายุ เนื่องจากเป็นรถกระบะยกสูง ออกแบบสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย โดยเฉพาะการขับลุยฝ่าทางวิบากเอาตัวรอดด้วยแรงบิดที่เยอะเป็นพิเศษ หรือช่วยเหลือลากจูงเพื่อนๆ ที่ขับลุยป่าฝ่าดงมาด้วยกัน มากกว่าจะเอามาขับเร็วจี๋บนถนนในประเทศไทยที่มีอันตรายอยู่รอบตัว ถึงแม้ย่านของแรงบิดและความบันเทิงหลังพวงมาลัยของมันจะคอยเย้ายวนให้คุณขับเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม ควรคิดถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรกก่อนที่จะขับเร็วทุกครั้ง ตำแหน่งท่านั่งขับจัดวางและออกแบบมาดี ทำให้ขับมันได้ทั้งวันไม่ค่อยจะสั่นสะเทือนเหมือนกระบะยี่ห้ออื่น เบาะคนขับปรับไฟฟ้านั้นดีงาม แต่เบาะคนนั่งยังปรับด้วยมือเหมือนเดิม ซึ่งควรจะเป็นเบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้าได้แล้ว ช่วงล่างปรับมาใหม่หมดให้ทั้งความหนึบและความนุ่มนวลที่หาได้ยากในรถปิกอัพ มันยังเหมาะกับสภาวะโลกร้อนที่มีฝนตกหนักและน้ำท่วมขังรอระบาย ขับลุยกลับบ้านได้ไม่ต้องเสียเวลาจอดรอจนน้ำลดล่ะครับ. 

Toyota Hilux REVO Double Cab 4x4 2.8 Rocco AT

ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift
ราคามาตรฐาน 1,210,500 บาท
ราคาอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ 28,500 บาท
ราคารวม 1,239,000 บาท

จุดที่เปลี่ยนแปลงใหม่ใน Hilux REVO Facelift รุ่น Rocco 2020

-ไฟหน้าแบบใหม่ Bi-Beam LED
-กระจังหน้าใหม่ (ใหญ่ขึ้น)
-กันชนหน้าแบบใหม่ พร้อมไฟตัดหมอก LED
-ชุดแต่งซุ้มล้อแบบใหม่
-ไฟท้ายใหม่ LED
-กันชนหลังใหม่
-ล้ออัลลอยลายใหม่ขอบ 18 นิ้ว ยาง A/T 265/60 R18 แบบ White Letters
-ติดตั้งระบบช่วยผ่อนแรงเปิดฝากระบะท้าย
-มาตรวัดเรืองแสงแบบใหม่

-หน้าจอมอนิเตอร์ขนาด 8 นิ้ว ระบบสั่งงานด้วยการสัมผัสแบบใหม่ รองรับ Apple CarPlay / Android Auto


Toyota Hilux REVO Double Cab 4x4 2.8 Rocco AT
ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift
มิติตัวถัง ยาว 5,325 มิลลิเมตร กว้าง 1,900 มิลลิเมตร สูง 1,810 มิลลิเมตร
ความยาวฐานล้อ 3,085 มิลลิเมตร
ระยะห่างล้อหน้า 1,540 มิลลิเมตร
ระยะห่างล้อหลัง 1,550 มิลลิเมตร
ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 216 มิลลิเมตร
กระบะยาว 1,840 มิลลิเมตร กว้าง 1,540 มิลลิเมตร สูง 480 มิลลิเมตร


1GD-FTV (High)
แบบเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler
ความจุกระบอกสูบ 2,755 ซีซี.
ความกว้างกระบอกสูบ 92.0 มิลลิเมตร ระยะชัก 103.6 มิลลิเมตร

อัตราส่วนกำลังอัด 15.6 : 1
กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า PS) ที่ 3,400 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด (500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที)
ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่นแบบคอมมอนเรล (แบบ i-ART)
ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร
น้ำมันเชื้อเพลิง ดีเซล

แชสซีส์
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อม Differential Lock ที่เฟืองท้าย
ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift
อัตราทดเกียร์ 1 3.600
อัตราทดเกียร์ 2 2.090
อัตราทดเกียร์ 3 1.488
อัตราทดเกียร์ 4 1.000
อัตราทดเกียร์ 5 0.687
อัตราทดเกียร์ 6 0.580
อัตราทดเกียร์ถอยหลัง 3.732
อัตราทดเฟืองท้าย 3.909

ระบบกันสะเทือนหน้า แบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง
ระบบกันสะเทือนหลัง แบบแหนบซ้อน
ระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อน
ระบบเบรกหลัง ดรัมเบรก
ระบบบังคับเลี้ยว แร็คแอนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบ VFC
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 6.4 เมตร
ยาง White Letters 265/60R18 แบบ White Letters
ล้อ อัลลอย 18 นิ้ว เฉพาะรุ่น ROCCO
ยางอะไหล่ 265/60R18 ล้ออัลลอย 18 นิ้ว

อุปกรณ์ภายนอก
กระจังหน้า สีเทาเข้มและโครเมียม
กันชนหน้า สีเดียวกับตัวรถ พร้อมชุดตกแต่งกันชนหน้า
กันชนหลัง สีเทาเมทัลลิก
บันไดข้าง สีดำ
ชุดตกแต่งซุ้มล้อ สีเทาเข้ม ตกแต่งด้วยสีเทาเมทัลลิก
ไฟหน้า Bi-Beam LED
ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติพร้อมระบบ Follow-me-home

ระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำ อัตโนมัติ
ไฟท้าย แบบ LED Light Guiding
กระจกบังลมหน้าแบบอัดซ้อนนิรภัย
กระจกมองข้าง สีเทาเข้ม ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
มือเปิดประตู สีเทาเข้ม
ชุดตกแต่งมือเปิดฝาท้ายกระบะ สีดำ
ยางกันโคลน หน้าและหลัง
ที่ปัดน้ำฝน แบบหน่วงเวลา และปรับตั้งเวลาได้

อุปกรณ์ภายในและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
สีภายใน สีดำ
วัสดุเบาะนั่ง หนังและหนังสังเคราะห์
สีเบาะนั่ง สีดำสลับเทา
เบาะนั่งด้านหน้าปรับเลื่อน-เอน ปรับไฟฟ้าด้านคนขับ
เบาะนั่งด้านหน้าปรับระดับสูง-ต่ำ เฉพาะด้านคนขับ ปรับไฟฟ้า
เบาะนั่งด้านหลังเฉพาะรุ่นดับเบิลแคป ที่พักแขน พับเก็บได้พร้อมที่วางแก้วน้ำ
เบาะนั่งด้านหลังเฉพาะรุ่นดับเบิลแค็บ ปรับยกเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของ แยกพับ 60:40

ตกแต่งแผงคอนโซลหน้า สีเงินแบบ Hairline และโครเมียมรมดำ
การตกแต่งช่องปรับอากาศด้านหน้า สีดำและโครเมียม
การตกแต่งแผงข้างประตู รุ่นดับเบิลแค็บ สีดำ บุหนังสังเคราะห์พร้อมแถบสีเงินแบบ Hairline โครเมียมรมดำ และไฟตกแต่ง
การตกแต่งแผงควบคุมกระจกไฟฟ้า สีดำเมทัลลิก
การตกแต่งมือเปิดประตูด้านใน โครเมียม
ที่บังแดดด้านคนขับ พร้อมที่เก็บนามบัตร
ที่บังแดดด้านผู้โดยสาร พร้อมกระจกและฝาปิด
มือจับ รุ่นดับเบิลแค็บ 8 ตำแหน่ง
การปรับระดับพวงมาลัย ปรับสูง-ต่ำ และเข้า-ออก (Tilt & Telescopic)
วัสดุ/การตกแต่งพวงมาลัย หุ้มหนัง / สีดำเมทัลลิก
สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง โทรศัพท์ และ จอสี TFT
วัสดุ/การตกแต่งหัวเกียร์ หุ้มหนัง / สีดำเมทัลลิก
ฐานเกียร์ สีดำเมทัลลิก
เบรกมือ สีดำ ตกแต่งด้วยโครเมียม
ระบบสตาร์ตอัจฉริยะ และระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Push Start and Smart Entry)
กุญแจรีโมต Smart Key เฉพาะรุ่น ROCCO

มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron สีฟ้า เฉพาะรุ่น ROCCO
จอแสดงข้อมูลการขับขี่ (MID) จอสีแบบ TFT
ไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร พร้อมไฟส่วนบุคคล
กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อน
กระจกไฟฟ้าแบบขึ้น-ลงอัตโนมัติ พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
กระจกไฟฟ้าแบบขึ้น-ลงอัตโนมัติ พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
เซ็นทรัลล็อก แบบ Speed Auto Lock
สวิตช์เลือกโหมดการขับขี่ (Eco/Power)
เครื่องปรับอากาศ ปรับทิศทางลม 5 รูปแบบ อัตโนมัติ
ช่องปรับอากาศด้านหลัง เฉพาะรุ่น ดับเบิลแค็บ ตกแต่งด้วยแถบสีดำเมทัลลิก
ช่องเก็บของด้านบนพร้อมฝาปิด แบบ Cool Box พร้อมสัญลักษณ์ Hilux
ช่องเก็บของด้านล่างพร้อมฝาปิดและกุญแจล็อก แบบหน่วง
กล่องเก็บของพร้อมฝาปิด หุ้มหนังสังเคราะห์
ช่องเก็บของที่แผงประตูพร้อมที่วางขวดน้ำ
ที่เก็บแว่นตา
ที่วางแก้วบริเวณคอนโซลหน้า
ช่องเก็บเอกสารหลังเบาะคู่หน้า
ที่แขวนสัมภาระหลังเบาะคู่หน้า

ที่แขวนอเนกประสงค์ เฉพาะรุ่นดับเบิลแค็บ
ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า กระแสตรง DC 12 โวลต์ 2 ตำแหน่ง
ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า กระแสสลับ AC 220 โวลต์ เฉพาะรุ่นดับเบิลแค็บ 1 ตำแหน่ง

ระบบเครื่องเสียงและการเชื่อมต่อ
เครื่องเสียงวิทยุ AM/FM พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Capacitive รองรับระบบ Apple CarPlay
ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth รองรับโทรศัพท์ และการเล่นเพลง
ระบบ T-Connect
ลำโพง 6 ตำแหน่ง
เสาอากาศ แบบสั้น
ระบบเตือนการโจรกรรม
ระบบเตือนการโจรกรรม TDS (Theft Deterrent System)
ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer

อุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ
สปอร์ตบาร์พร้อมไฟส่องสว่างแบบ LED และพื้นปูกระบะ
อุปกรณ์ผ่อนแรงเปิด-ปิดฝาท้ายกระบะ
สติกเกอร์ด้านข้างกระบะ รุ่นพิเศษ ROCCO