Audi S3 ใหม่ มีความน่าสนใจตามชื่อที่ดึงดูดสายตาของนักขับ ด้วยรหัส S ที่วางตัวอยู่ตรงกลางระหว่าง A3 และ RS3 สำหรับ Audi S3 Sportback ที่ Audi Thailand นำเข้ามาขายในประเทศไทย นี่คือ Hatchback ที่มีศักยภาพในการเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาเพียงแค่ 5 วินาที ความสามารถในการปรับเอาต์พุตที่ 290 แรงม้า ของแผนก Audi Sport ซึ่งทำการรีดเค้นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้สำแดงฤทธิ์เดชได้อย่างดุดันและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บนถนนที่ท้าทาย ด้วยระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตเฉพาะรุ่น S ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ระบบขับเคลื่อน Quattro อันลือลั่น พร้อมการควบคุมของระบบรักษาเสถียรภาพที่ชาญฉลาด การปรับซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ ด้วย 5 โหมดการขับเคลื่อนที่ครอบคลุมการใช้งาน ตั้งแต่ขับไปจ่ายกับข้าว ส่งลูกๆ ไปโรงเรียนและอัดเต็มกำลังในสนามแข่ง!

...

ตัวถัง Sportback สร้างขึ้นจากงานประกอบเน้นความประณีต แค่ปิดประตูก็รู้ว่าเสียงความแน่นของบานนั้นต่างไปจาก BMW หรือ Mercedes-Benz แต่ก็ใกล้เคียงหรือคล้ายกับ Lexus แพลตฟอร์มของ S3 ห่อหุ้มห้องโดยสารที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด มันมาพร้อมระบบดิจิทัล MMI การเชื่อมต่อแบบใหม่ และระบบช่วยเหลือผู้ขับล้ำอนาคต คุณสามารถสั่งซื้อ S3 รุ่นใหม่ในไทยได้แล้วตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา ด้วยค่าตัวที่ 3,550,000 บาท มันเป็นรถเล็กที่มีราคาแพงกว่า BMW 330e M Sport ถึง 601,000 บาท แพงกว่า Mercedes-Benz C350e AMG Dynamic 200,000 บาท แต่ถูกกว่า Lexus IS300h F Sport 340,000 บาท เนื่องจากคู่ต่อสู้เหล่านั้นไม่มีรถ Hatchback ที่เข้ามาขายในไทย ทำให้ Audi S3 และ RS3 กลายเป็นรถยนต์ที่มีความเป็นเอกเทศ เป็นรถเล็กจากยุโรปที่สวยงามและทรงพลัง น่าเสียดายที่คนไทยส่วนใหญ่ยังคงยึดติดกับรถยนต์ Luxury ตัวถังซีดานสี่ประตู แต่ส่วนท้ายที่สวยงามของ Audi S3 Sportback Quattro กับฟีลลิ่งดุดันเวลากระแทกคันเร่ง ก็อาจทำให้ลูกค้าของ BMW และ Mercedes-Benz เปลี่ยนใจได้ง่ายๆ 

...

S3 นำเสนอระบบรองรับและชุดล้อ+ยางสปอร์ตที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิม ยาง bridgestone potenza S005 ขนาด 235/35 R19 91Y สำหรับลูกค้าที่ชอบประสิทธิภาพด้านการยึดเกาะและการส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ การเปลี่ยนจากรถบ้านไปที่ Audi S Model สมรรถนะที่สูงขึ้น คือความต้องการของนักขับที่ติดใจในรถขับเคลื่อนสี่ล้อบ้าพลัง Audi A3 นั้น เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา สำหรับรถรุ่นใหม่ล่าสุด รหัส S มีระบบส่งกำลังที่พร้อมสำหรับการทำความเร็ว แผนก Audi Sport แสดงออกถึงความใส่ใจในรายละเอียดที่แม่นยำของงานประกอบ การใช้งานในชีวิตประจำวัน และเทคโนโลยีที่ผสานรวมอย่างลื่นไหล ซึ่งมีความโดดเด่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์แฮตช์แบคไซส์กะทัดรัด รวมเข้ากับประสิทธิภาพและความสามารถในการจัดการ กลายเป็น S3 โมเดลใหม่ที่น่าหลงใหลอย่างแท้จริง 

...

...

การออกแบบ
Audi S3 รุ่นใหม่ตัวถัง Sportback 5 ประตู แสดงให้เห็นถึงความสวยงามที่เชื่อมโยงกับแข็งแกร่งได้อย่างน่าประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ส่วนหน้าของรถถูกครอบด้วยกระจัง Singleframe กระจังหน้าลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนขนาดใหญ่ ช่องดักอากาศสำหรับเหนี่ยวนำกระแสลมเข้าไประบายความร้อนในห้องเครื่องยนต์ ประดับด้วยไฟหน้า LED พร้อมไฟหรี่กลางวัน LED ไฟหรี่วิ่งกลางวัน LED Day Time Running Light แบบดิจิทัลประกอบด้วยพิกเซลอาร์เรย์ในส่วนของหลอด LED 15 ชิ้น ซึ่งสิบชิ้นประกอบกันเป็นเส้นแนวตั้งสองเส้น เส้นด้านข้างตัวถังที่เด่นชัด ลากยาวตั้งแต่ขอบของไฟหน้าไปจนถึงไฟท้าย ส่วนล่างของบอดี้โค้งเข้าหาด้านใน โป่งซุ้มล้อที่ลงตัว เป็นองค์ประกอบใหม่ของการออกแบบที่ Audi Sport ให้ความสำคัญกับการดีไซน์ซุ้มล้อ กระจกมองข้างสีดำล้อมรอบในสไตล์ Black Edition การเป็นหนึ่งในสมาชิกของ S3 Series ทำให้รถมีสัดส่วนเตี้ยกว่า A3 รุ่นมาตรฐาน เนื่องจากความเตี้ยนั้น มีอยู่ในรถ Audi รุ่นสมรรถนะสูงที่มีอายุย้อนกลับไปหลายทศวรรษ ด้านหลังมีดิฟฟิวเซอร์ขนาดกำลังพอดี ที่โดดเด่นก็คือ ปลายท่อไอเสียทรงกลมสี่ท่อ (ฝั่งละสองท่อ) ที่กลายเป็นเครื่องหมายการค้าของ Audi Sport ช่วยให้ S3 ส่งเสียงคำรามและเสียงระเบิดปะทุได้อย่างน่าประทับใจ

เครื่องยนต์
ต้นกำลังที่อยู่ภายใต้ฝากระโปรงของโมเดล S3 ใหม่ คือ เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง ความจุ 2.0 ลิตร 1984 ซีซี. พร้อมระบบเชื้อเพลิง TFSI  ให้กำลังสูงถึง 290 แรงม้า แอบแปลกใจว่าสเปกนอกของ S3 ใหม่นั้นมีกำลังมากถึง 310 แรงม้า แต่พอเข้าไทย แรงม้าถูกหั่นออกไปเหลือแค่ 290 ตัว ส่วน แรงบิดสูงสุดยังเท่าเดิมที่ 400 นิวตันเมตร (295 lb-ft) เป็นแรงฉุดลากที่เหมาะสมกับการเร่งความเร็วจากรอบกลางๆไปจนถึงรอบสูงสุด เครื่องยนต์ให้ประสิทธิภาพในด้านอัตราเร่งที่ดี มันเร่งจากความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้เวลาเพียงแค่ 5 วินาทีเท่านั้น สำหรับการไต่ขึ้นสู่ความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่มีถนนที่กว้างและโล่งมากพอที่จะบรรลุสู่ความเร็วสูงสุด ส่วนตัวเลขการปล่อย CO2 เพียงแค่ 178 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตรก็ถือว่าสะอาดพอตัว

เครื่องยนต์ของ Audi S3 ยังมาพร้อมคุณสมบัติไฮเทค เช่น Audi valvelift system (AVS) ซึ่งปรับการยกของวาล์วไอดีตามต้องการ (สั่งงานโดยซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่) เพื่อให้แน่ใจว่ามีการเติมเชื้อเพลิงในห้องเผาไหม้ที่เหมาะสม มาตรการจัดการกับระบบระบายความร้อนที่ครอบคลุม ช่วยสร้างสมดุลของการส่งกำลังที่น่าประทับใจ ระหว่างความสนุกและประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับชุดส่งกำลัง S tronic 7 สปีด เกียร์อัตโนมัติสองบุคลิกที่ให้อารมณ์หลากหลายในการทำงาน ให้มาครบทั้งเกียร์ D เกียร์ S (Sport) และเกียร์ M (Manual) การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วปานสายฟ้าแลบพร้อมเสียงพรึบที่ท่อระบายท้ายทำให้รู้สึกสนุกและน่ากลัวไปพร้อมๆ กัน ส่วนฟังก์ชันการบังคับเลี้ยวไฟฟ้าแบบอิสระที่คำนึงถึงความแม่นยำขณะเปลี่ยนทิศทางให้สัมผัสที่ดีของพวงมาลัยในทุกย่านความเร็ว 

เครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร TFSI ดึงความแข็งแกร่งออกจากเส้นขนาน การควบคุมในจังหวะพุ่งออกตัวมีความเรียบง่ายและสม่ำเสมอ ท่อระบายท้ายเมื่อวาว์ลเปิดออกจนสุดให้ซุ่มเสียงที่เร้าใจ การยึดเกาะที่สมบูรณ์แบบบนเส้นทางภูเขา การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วให้อารมณ์เกียร์คลัตช์คู่อย่างโจ่งแจ้งทั้งแรงกระชากและเสียงการทำงานของกลไกภายในเกียร์ ที่ชอบก็คือเสียงท่อไอเสียในรอบสูง ในตำแหน่งเกียร์สาม ที่ดังกระหึ่มไปตลอดทั้งหุบเขา ทำให้การเดินทางท่ามกลางธรรมชาติเป็นความสุขสมหวังในช่วงปลายปี ยาง Potenza S005 ในรถทดสอบให้รู้สึกถึงกริ้บที่มั่นคงตลอดเส้นทาง แรงยึดเกาะของยางสปอร์ตระดับหัวแถวของแบรนด์ญี่ปุ่นให้การยึดเกาะในโค้งดีเลยทีเดียว ระบบกันสะเทือนก็ไม่ได้รู้สึกแข็งเกินไปบนถนนที่ราบเรียบ คุณสามารถใช้ความรู้สึกในการบังคับเลี้ยวผ่านล้อหน้าได้มากขึ้น ช่วงล่างด้านหน้ากับยางแก้มเตี้ยพยายามสื่อสารกับข้อมือของคนขับ โดยเฉพาะบนถนนที่ขรุขระในบางจังหวะที่ต้องเจอ การตอบสนองที่รวดเร็วของช่วงล่างทำให้ต้องลดความเร็วจนเหมือนคลานเมื่อขับผ่านถนนลูกรัง เมื่อสภาพถนนเปลี่ยน Quattro ก็เข้ามารักษาความเป็นกลางของรถ ด้วยแรงบิดที่ถ่ายไปยังล้อทั้งสี่อย่างสมดุล

ระบบขับเคลื่อนทุกล้อ Quattro ของ Audi ระหว่างการทดลองขับ จากการควบคุมที่ทำให้รถมีน้ำหนักเบา ทำให้ระบบส่งกำลังไม่ต้องรับภารกรรมมากเกินไป กลายเป็นความกระปรี้กระเปร่า กระตือรือร้น และส่งเสียงดังในโหมด Dynamic ในย่านความเร็วสูง การบังคับเลี้ยวที่หนักหน่วงใน S3 นั้นให้การตอบสนองที่ดี ออกตัวเร็วๆ จากจุดหยุดนิ่งหรือเร่งแซงรถช้ามีอาการเทอร์โบแล็กไม่มากนัก เมื่อขับในโหมดสูงสุดมันเร่งความเร็วคอร์เตอรไมล์ใน 12.9 วินาที ที่ 173 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยความเร็วขนาดนั้นส่วนหน้าของรถก็ยังนิ่งสนิท อาการโคลงตัวน้อย มันพุ่งเข้าหาหัวโค้งด้วยความหิวกระหายและมาดมั่น เหนือชั้นกว่ารถขับหน้าหรือขับหลังพลังสูงทั้งปวงที่เคยเป็นคู่แข่ง เอาเข้าจริงๆ ผมชอบมันมากกว่า TT RS ที่มีพลังงานมากกว่า แต่ก็ควบคุมได้ไม่เนียนตาเท่า S3 Sportback อาจเป็นเพราะแรงม้าแรงบิดที่มีความสมดุลกับขนาดตัวถังและน้ำหนักมวลรวม รวมถึงการจูนระบบรองรับที่เฉียบคมเพื่อสอดรับกับการทำความเร็ว 

เครื่องยนต์ถูกปรับการทำงานไปตามโหมดต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับโหมดการขับขี่ที่คนขับเลือกใช้ Audi ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับโหมดของการขับเคลื่อน สามารถปรับได้ผ่านระบบเลือกโหมดแบบมาตรฐานของ Audi ผ่านสวิตช์ควบคุมตรงคอนโซลกลาง โหมด Efficiency ค่อนข้างเงียบและประหยัด เหมาะสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันและการขับทางไกล โหมด Comfort มีการตอบสนองแบบกลางๆ เน้นความประหยัดแต่เร่งได้ดีกว่าเดิม ส่วนโหมด Auto เป็นการผสมผสานการขับเคลื่อนที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม ในโหมดอัตโนมัติ Audi S3 ปี 2022 ซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์ จะปรับการตอบสนองของชุดส่งกำลังโดยขึ้นอยู่กับว่าคุณจัดการกับคันเร่งอย่างไร การปรับเทียบโดยสัญญาณไฟฟ้าและทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม ในการทำให้รถเกิดความมั่นคงเมื่ออินพุตถูกปลดปล่อยอย่างรุนแรง สำหรับ Dynamic คือโหมดสูงสุดที่ให้การตอบสนองอย่างรวดเร็ว มาพร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่คมชัดและเสียงของไอเสียที่ถูกระบายผ่านท่อท้ายทั้งสี่ที่เน้นอารมณ์สปอร์ต 

พวงมาลัยไฟฟ้าอัตราทดแปรผัน progressive steering นั้นยอดเยี่ยม ตรงไปตรงมาและใช้งานง่าย ตามที่คุณคาดหวังว่าจะได้รับความแม่นกับประสิทธิภาพโดยรวม จากระบบบังคับเลี้ยวของรถยนต์สมรรถนะสูงราคาแพง พวงมาลัยมีน้ำหนักเบาในย่านความเร็วต่ำ และจะเพิ่มน้ำหนักอย่างเหมาะสมเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น รถยนต์ที่มีศักยภาพในเวอร์ชัน S และ RS ของ Audi ทุกคันมีพวงมาลัยทรงกลม ขอบบาง และมีขนาดค่อนข้างกะทัดรัด จับได้กระชับมือดีมาก โดยเฉพาะเวลาใส่ถุงมือ รวมๆ แล้ว ความมั่นใจและความน่าเชื่อถือที่สัมผัสได้จากการบังคับเลี้ยวนั้น ให้ความรู้สึกที่สอดคล้องกันเป็นอย่างดีกับความเที่ยงตรงของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ซึ่งได้รับการปรับปรุงในปี 2022 ชุดเฟือง Haldex มีแผ่นคลัตช์เพิ่มขึ้น กลไกเฟืองทดกำลังภายในใช้โลหะชุบที่แข็งแรงขึ้น ในทางทฤษฎีแล้ว Quattro ใน S3 สามารถกระจายกำลังทั้งหมดไปยังเพลาขับเคลื่อนด้านหลังได้อย่างเต็มที่แค่ 50% ตลอดเส้นทางการทดสอบไกล 490 กิโลเมตร ผมสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า S3 Sportback มีความนิ่ง คล่องตัวมากขึ้น และเข้าโค้งได้ง่ายกว่า TT RS มันใกล้เคียงกับ Volkswagen Golf R ในด้านฟีลลิ่ง ทำให้ Audi S3 ปี 2022 เป็นรถที่มีความสามารถรอบด้าน โดยเนื้อแท้แล้วเกิดจากปรัชญาการเซตรถยนต์ที่ยอดเยี่ยมของ Audi Sport นั่นเอง

การเปลี่ยนเกียร์ด้วยโหมดเกียร์ธรรมดา ผ่านระบบคลัตช์คู่อัตโนมัติ 7 สปีด Audi S3 ปี 2022 มีการปรับเปลี่ยนอัตราทดของเกียร์ลูกนี้ให้เข้ากับการส่งถ่ายกำลังของเครื่องยนต์มากขึ้น เมื่ออยู่ในโหมด Dynamic เสียงระเบิดที่ท่อระบายไอเสีย และเสียงสูดอากาศของเทอร์โบชาร์จเจอร์ ผ่านทางท่อร่วมไอดีดังอย่างชัดเจน และทำให้เกิดอารมณ์ร่วมอย่างแท้จริง S3 เร็วและขับได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน บนถนนลาดยางเรียบๆ ช่วงล่างแบบสปอร์ตให้ความนิ่มนวลพอสมควร เมื่อใช้ความเร็วต่ำและต้องการขับแบบผ่อนคลาย ยางสมรรถนะสูงที่เน้นการยึดเกาะกับถนนอย่าง Potenza S005 มักจะก่อให้เกิดเสียงรบกวนที่เกิดจากผิวถนนไม่เรียบ ที่ 110 กม./ชม. บนถนนที่ขรุขระ ช่วงล่างที่แข็งและยางสมรรถนะสูงอาจทำให้รู้สึกรำคาญอยู่บ้างเหมือนกัน 

บนไฮเวย์ แชสซีของ S3 รองรับการเดินทางไกลได้อย่างสะดวกสบายและสอดคล้องกับการเร่งแซงรถช้าท่ีชอบแช่อยู่เลนขวา ขณะเดียวกัน S3 ก็มีช่วงล่างและยางที่ทำให้เข้าโค้งได้เร็ว ด้วยความสมดุล ความคล่องตัว และความว่องไวที่น่าประทับใจ ความสูงลดระดับลง 15 มิลลิเมตร ติดตั้งเพลาหลังแบบ Four-link และเสริมด้วยพวงมาลัยไฟฟ้าอัตราทดน้ำหนักแปรผันไปตามความเร็วแบบโปรเกรสซีฟ ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเฉพาะของ S เป็นระบบกันสะเทือนที่เซตมาดี ตามสไตล์ของมือระดับเทพอย่าง Audi Sport และเป็นรากฐานสำหรับระบบกันสะเทือนในรถที่มีกำลัง 300 แรงม้า ระบบควบคุมการทำงานของโช้คอัพ วาล์วควบคุมการไหลของน้ำมันในกระบอกโช้ค เพื่อปรับการทำงานของโช้คอัพให้เข้ากับสถานการณ์การขับและสภาพของถนนในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ในรูปแบบล่าสุด โช้คอัพให้ความแตกต่างของการตอบสนองที่กว้างขึ้น คุณหรือใครก็ตามที่ได้ขับก็จะสัมผัสได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการทำงานของโช้คอัพ เมื่อตั้งค่า Comfort และ Dynamic ผ่านสวิตช์ Audi drive Select ทรงสี่เหลี่ยม

สัญลักษณ์ S ทุกคัน จะมาพร้อมกับศักยภาพที่แตกต่างจากรถยนต์รุ่นมาตรฐานของ Audi ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ก็เช่นกัน ในกรณีนี้ การทำงานของมันขึ้นอยู่กับคลัตช์แบบหลายแผ่นทับซ้อนกันที่ด้านหน้าของเพลาหลัง ซึ่งจะกระจายแรงบิดในการขับเคลื่อนระหว่างเพลาแบบแปรผันอย่างเต็มที่ตามต้องการ ความรับผิดชอบในการจัดการขึ้นตรงกับระบบควบคุมชุดใหม่ นั่นคือการควบคุมการจัดการไดนามิกแบบโมดูลาร์ ซึ่งเชื่อมโยงชุดขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro กับระบบควบคุมเสถียรภาพทางอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) รวมกับโช้คอัพไฟฟ้าใน S3 รุ่น Vorsprung ระบบเบรกสำหรับรถยนต์ที่ให้สมรรถนะระดับ 300 แรงม้า จานเบรกทั้งสี่ของ S3 มีช่องระบายอากาศภายใน คาลิปเปอร์ด้านหน้ามีสีดำหรือแดงเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน (คันทดสอบมีคาลิปเปอร์เบรกสีแดง) ล้อสีดำสลับสีเงินเงาแวบขนาด 19 นิ้ว ลาย 10 ก้านคู่ 

เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน S3 Sportback และ S3 Saloon ใหม่ยาวขึ้น 3 ซม. และ 4 ซม. ตามลำดับ ในขณะที่ S3 Sportback กว้างขึ้น 3 ซม. และ Saloon ยาวขึ้น 2 ซม. ตามลำดับ ระยะฐานล้อเท่ากันที่ 2,630 มม. ซึ่งมีพื้นที่ความกว้างตัวถังมากกว่ารุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย พื้นที่เก็บสัมภาระ 370 ลิตรในรุ่น Sedan และพื้นที่เก็บสัมภาระ 325 และ 1,145 ลิตรในรุ่น Sportback ขึ้นอยู่กับการพับหรือไม่พับเบาะหลัง 

ลักษณะเฉพาะของ S3 ผมใช้เวลา 8 วัน ซึมซับกับคาแรกเตอร์รถเล็กพลังสูงที่ได้รับการขัดเกลามาเป็นอย่างดี เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จมีแรงฉุดมหาศาล จากระบบขับเคลื่อนทุกล้อ quattro ในสภาพอากาศเลวร้ายนั้นระบบขับเคลื่อนทุกล้อช่วยทำให้รถมีความเสถียรเมื่อใช้ความเร็วที่เหมาะสม คุณภาพการขับของมันดีกว่าที่คาดหวัง จากรถเล็กที่ใช้ล้อใหญ่ถึง 19 นิ้ว พร้อมแก้มยางแบบสปอร์ตที่เพรียวบาง ช่วงล่างทำหน้าที่รองรับแรงสั่นสะเทือนบนถนนที่ขรุขระได้ดี แม้ว่ารอยต่อของผิวถนน คอสะพาน การกระแทกด้วยความเร็วที่รุนแรงอาจบั่นทอนความสงบไปบ้างแต่ถือว่ารับได้ 

รูปลักษณ์ร่วมสมัยและไฮเทคของ S3 มีความเชื่อมโยงกับงานตกแต่งภายใน เบาะนั่งแบบสปอร์ต พัฒนาขึ้นใหม่ หุ้มด้วยหนัง Fine Nappa แดชบอร์ดเอียงเข้าหาคนขับโดยเฉพาะ รวมแนวคิดการทำงานในระบบ MMI Multi-Media Interface แบบใหม่เข้ากับจอภาพสั่งงานด้วยระบบสัมผัส ขนาด 10.1 นิ้ว อย่างลงตัว หน้าจอสัมผัสแผงสีดำ เป็นจอมอนิเตอร์กลางแบบใหม่ที่ทันสมัย ออกแบบให้มีความเหมาะสมกับสัดส่วนของแผงแดชบอร์ด ระบบสั่งงาน สามารถจดจำตัวอักษรที่ป้อนด้วยนิ้วมือ หรือส่งเสียงตอบโต้ในระบบสั่งงานด้วยเสียงที่ฉลาดใช้ได้ ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มระบบอินโฟเทนเมนต์แบบโมดูลาร์รุ่นที่สาม (MIB 3) มีพลังในการประมวลผลที่มากกว่ารุ่นก่อนถึงสิบเท่า! ฟีเจอร์การเชื่อมต่อทั้งหมดมีความเร็ว LTE ขั้นสูง

น่าเสียดายที่ MMI Navigation Plus กับชุดเครื่องเสียง B&O กำลังขับ 680 วัตต์ ถูกถอดออกไปเพื่อกดราคา สำหรับ Audi Virtual Cockpit ขนาด 10.25 นิ้ว จอภาพมาตรวัดระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ ให้ข้อมูลด้วยการแสดงผลอย่างคมชัดใน binnacle ของรุ่น S3 ในขณะที่รุ่น S3 Vorsprung อัปเกรดเป็น Audi Virtual Cockpit Plus ซึ่งครอบคลุมความกว้างเต็ม 12.3 นิ้วของจอแสดงผล binnacle และมีหน้าจอที่แตกต่างกันสามหน้าจอ การเชื่อมต่อระหว่าง Audi S3 ใหม่กับสมาร์ทโฟนผ่านแอป myAudi รวมถึงผ่าน Apple CarPlay, Android Auto และ Audi Phone Box ซึ่งเป็นฟีเจอร์มาตรฐานของ S3 เชื่อมโยงอุปกรณ์เข้ากับเสาอากาศของรถอย่างสะดวก มีช่องชาร์จมือถือด้วย USB Type C มาให้อีกสี่ตำแหน่ง 

ตำแหน่งการขับนั้นยอดเยี่ยม แม้ว่าคุณจะตัวเตี้ยหรือสูงโย่งเบาะไฟฟ้าก็ยังปรับได้อย่างครอบคลุมทุกสรีระ หนังและวัสดุพวกฟองน้ำภายในเบาะนั่งให้การรองรับที่สมดุล สำหรับการเดินทางไกลหรือสร้างความกระชับเมื่อคุณขับแบบเร่งรีบ แผงหน้าปัดดิจิตอลความละเอียดสูงซึ่งใหญ่กว่ารุ่น A3 ปกติเล็กน้อย สามารถแสดงผล Google Maps, ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อ หรือแสดงผลมาตรวัดความเร็วและมาตรวัดรอบแบบคลาสสิกที่อ่านค่าได้ง่าย หน้าจอสัมผัสกลางมีการทำงานที่ลื่นไหล ให้การตอบสนองรวดเร็วแบบเดียวกับ A6 และ Q7 ที่ใหญ่และแพงกว่า การเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สายอย่างรวดเร็ว การคลิกแบบสัมผัสหลังจากกดไอคอนให้ความรู้สึกดี ด้านล่างหน้าจอสัมผัสเป็นพ็อดควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสารแบบเรียบง่าย มันมาพร้อมปุ่มแต่ไม่มีแป้นหมุนแบบนูน

Audi S3 Sportback มีพื้นที่เก็บของเป็นช่องเล็กช่องน้อยมากมาย ที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง (ไม่มีฝาเลื่อนเปิด-ปิด) ที่เท้าแขนขนาดกะทัดรัดแบบพับปรับระดับได้ ประตูที่มีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับขวดน้ำพื้นที่รอบคันเกียร์เล็กๆ นั้นเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เป็นพลาสติกสีดำเงาขนาดใหญ่ S3 ไม่มีคันเกียร์แต่ใช้ก้านสวิตช์ทรงเหลี่ยมเล็กๆ แทนที่คันเกียร์ เบาะหลังมีพื้นที่เพียงพอ เนื่องจากขนาดที่กะทัดรัดของตัวถัง Hatchback พื้นที่วางขาด้านหลังสำหรับผู้ใหญ่ที่มีความสูงปกติออกแบบให้นั่งโดยสารทางไกลได้ เบาะนั่งแบบสปอร์ตใน S3 กินพื้นที่การมองเห็นด้านหน้า มีจุด ISOFIX สองจุดและจุดเชื่อมต่อด้านบนสามจุด S3 Sportback มีพื้นที่เก็บสัมภาระ 325 ลิตรพร้อมที่นั่งทั้ง 5 ตำแหน่ง ลดลง 60 ลิตรเมื่อเทียบกับ A3 Sportback เนื่องจากกลไกของระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออยู่ใต้พื้นห้องเก็บสัมภาระ คุณต้องพับเบาะหลังให้เรียบเพื่อวางถุงกอล์ฟ หรือกระเป๋าเสื้อผ้าใบโตๆ

S3 Sportback มีจิตวิญญาณของความเป็น Audi Quattro S2 อยู่พอสมควร มากพอที่จะทำให้คุณรู้สึกสปอร์ตพร้อมไปกับอาการเสียวสันหลังเมื่อขับเร็ว แม้จะเป็นรถเล็กแต่งานตกแต่งภายในก็ไม่ได้สูญเสียกลิ่นอายของความหรูหราที่ Audi ประดังเข้ามาให้ ขาดแค่เนวิเกเตอร์ดิจิทัลกับเครื่องเสียง B&O เท่านั้นที่โดนตัดออกไป เบาะนั่งแบบสปอร์ต หุ้มหนัง Nappa ตัดเย็บอย่างดี และนั่งได้สบายตลอดระยะทางทดสอบไกลเกือบ 500 กิโลเมตร ขอปรบมือให้กับแผนก Audi Sport ซึ่งไม่เพียงแต่นำเสนอรถ Sportback ขนาดเล็กเท่านั้น แต่ยังสร้างรถที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย และเพื่อให้ลูกค้าในไทย มีทางเลือกที่หลากหลาย Audi Thailand จัดมาให้ถึงสามรุ่น ไม่ว่าจะเป็น A3 แบบหรูหราในระดับเริ่มต้น หรือแบบรถเล็กสมรรถนะสูงอย่าง S3 และ RS3 สำหรับผม S3 ปี 2022 นี้เป็นจุดกึ่งกลางที่ยอดเยี่ยม สำหรับนักขับที่ไม่เรื่องมาก และต้องการเพียงแค่การขับขี่ที่สนุกสนานควบคุมได้ง่าย ไม่ต้องแลกกับความสะดวกสบายมากนัก อาจเป็น Audi ที่เล็กที่สุด แต่เป็นหนึ่งในรถทดสอบคันโปรดของผมในปีนี้ละครับ! 

Audi S3 Sportback quattro Technical data
S3 Sportback quattro
แบบเครื่องยนต์
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง
พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง
แบบฉีดตรง (direct injection), เทอร์โบชาร์จ
จำนวนวาล์ว 16
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) 1984
แรงม้าสูงสุด (กิโลวัตต์(แรงม้า) /รอบต่อนาที) 213 (290) / 5300 - 6700
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร/รอบต่อนาที) 400 / 2000 - 5000
ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 จังหวะ
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อนสี่ล้อ (quattro)
อัตราเร่ง 0-100 กม. / ชม. (วินาที) 4.8
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ (กม. / ชม.) 250
ระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Start/stop system) 
พวงมาลัย พวงมาลัยไฟฟ้า Progressive Steering
เบรกหน้า ดิสก์เบรก
เบรกหลัง ดิสก์เบรก
พื้นที่เก็บสัมภาระ (ลิตร) 325 - 1145
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร) 55
ล้อ 19 นิ้ว ขนาด 8J x 19 พร้อมยาง ขนาด 235/35 R19 
ยางอะไหล่

ระบบความปลอดภัย S3 Sportback quattro
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร 
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง 
ระบบเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัย 
ระบบเบรกมือไฟฟ้า 
ระบบล็อกเบรกขณะหยุดนิ่ง (Audi hold assist) 
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system) 
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic brake distribution) 
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS (Traction control system) 
ระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic control system with stabilization function) 
เซนเซอร์หลังช่วยในการนำรถเข้าจอด 
กล้องแสดงภาพด้านหลัง ขณะถอยจอด 
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก 
ชุดปฐมพยาบาล 
อุปกรณ์มาตรฐาน
ช่วงล่างแบบ S Sports 
คาลิปเปอร์เบรกสีแดงหน้า-หลัง 
ระบบเลือกโหมดการขับขี่ (Audi drive select)

อุปกรณ์มาตรฐาน S3 Sportback quattro
ไฟหน้าแบบ LED 
ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED 
กระจกมองหลังพร้อมระบบตัดแสงอัตโนมัติ 
ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า และปัดน้ำฝนอัตโนมัติ 
ตกแต่งห้องโดยสารภายในด้วยลาย Dark aluminium spectrum o
ความสะดวกสบาย
เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมระบบปรับดันหลัง และฟังก์ชันบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับขี่ 
เบาะนั่งหุ้มหนัง 
เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sports พร้อมสัญลักษณ์ S 
เบาะผู้โดยสารด้านหลังพับได้ 
ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติควบคุมอุณหภูมิแยกอิสระ 3 โซน 
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน แบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อม Paddle shift 
ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise control) 
กุญแจแบบ Comfort key พร้อมระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายโดยไม่ต้องใช้มือ 
ระบบข้อมูลและความบันเทิง
ระบบเครื่องเสียง Audi sound system 
ระบบ MMI Radio plus พร้อมหน้าจอแบบสัมผัส (MMI touch) ขนาด 10.1 นิ้ว 
ระบบ Audi smartphone interface 
จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้ว 
รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 
ช่องเชื่อมต่อ USB 
ไฟเรืองแสงในห้องโดยสารสีขาว (White ambient lighting)