Nissan Kicks MY2022 ครอสโอเวอร์ไซส์เล็กในกลุ่ม B Crossover เซกเมนต์ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อแย่งชิงลูกค้ากลุ่มใหญ่ อันประกอบไปด้วย Toyota Corolls Cross เจ้าตลาดที่นำหน้าในเดือนสิงหาคม 65 ด้วยยอดขาย 1,694 คัน ตามด้วย Honda HR-V สุดหล่อหรูเรียบ ที่ทำตัวเลข 1,039 คัน อันดับที่สามคือแมวเก้าชีวิตอย่าง Mazda CX-3 บนตัวเลข 456 คัน จากการทำราคาที่ลดลงมาจนจับต้องได้ของ Mazda Sales Thailand อันดับที่สี่คือ Nissan Kicks MY2022 รถที่ผมนำมาทดสอบในอาทิตย์นี้ ที่ทำยอดขายในเดือนสิงหาคมไป 414 คัน สำหรับอันดับที่ห้า หล่นลงมาจากอันดับต้นๆ ก็คือ Mazda CX-30 ครอสโอเวอร์หุ่นสวยที่เคยยืนแป้นเบอร์สาม แต่ตอนนี้หล่นลงมาอยู่ในอันดับที่ห้าด้วยตัวเลขยอดขาย 381 คัน อันดับที่หก เป็น MG VS ไฮบริด รถที่ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ MG ZS ทำตัวเลขยอดขายไปได้ 284 คัน อันดับที่เจ็ดได้แก่พี่สิงห์โต Haval Jolion บนตัวเลข 168 คัน อันดับที่แปด MG ZS รถครอสที่ขายมานานแล้ว ออกขายในรุ่นปรับโฉม โดยมีตัวเลข 162 คัน อันดับที่เก้า รถที่ขับได้ดี แต่มีพื้นที่เล็กไปหน่อยสำหรับครอบครัว นั่นก็คือ Toyota C-HR รถเล็กไฮบริดขับดีของพี่โต มีตัวเลขยอดขาย 86 คัน อันดับที่สิบ ได้แก่ Subaru XV เมื่อรถรุ่นใหม่เปิดตัวในต่างประเทศ แต่ยังไม่เข้ามาขายในไทย ก็ทำให้รถค้างโมเดล XV มียอดขายแค่ 27 คันเท่านั้นเองละครับ
...
เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นับเป็นครั้งแรกในรอบ 7-8 ปีที่ Nissan นำเสนอรถพร้อมองค์ประกอบรอบด้านที่จับใจขนาดนี้ เมื่อ 13 ปีก่อน Nissan มีรถขับดี ดีไซน์สวย นั่งแล้วดูรวยอย่าง Teana J32 ซึ่งเป็นรุ่นหนึ่งที่แม้คอนโซลจะร้าว เกียร์ CVT จะชอบพัง แต่ก็ยังมีช่วงที่สามารถสร้างยอดขายแซงเจ้าตลาดอย่าง Honda Accord ได้ แต่นับจากนั้นมา บางอย่างดูจะขาดหายไป ระหว่างผลิตภัณฑ์ การจัดวางรถยนต์ทางการตลาด รูปลักษณ์และราคา Nissan Kicks เมื่อตอนเปิดตัวครั้งแรกในไทยในปี 2020 นั้น อันที่จริง Kicks มีจุดดีหลายด้าน แต่การตลาดพยายามเอารถมีท่อไอเสียไปผูกกับความเป็นรถ EV มากเกินไป ทำให้ผู้คนที่สนใจเกิดความสับสนในเรื่องที่ควรจะเข้าใจได้ง่ายๆ การออกแบบรถกับทรงหลังคา ทำให้รถดูเล็กทั้งที่ความจริงไม่ได้เล็กขนาดนั้น แล้วยังภายในที่ดันมีกลิ่นอายของ Almera บวกกับราคาตัวท็อปทะลุล้าน ทำให้คนมองว่าแพงเกิน ทำให้ Nissan ต้องกลับไปทำแผนการตลาดใหม่ทั้งหมด จนได้ชุดแต่งและราคารุ่นรองท็อปที่โดนใจคนอยากได้มากกว่าเดิม ทำให้ยอดขายที่เคยตามหลังคู่แข่งกลับมากระเตื้องขึ้นได้อย่างรวดเร็วจนผลิตไม่ทันต่อความต้องการของลูกค้าจากปัญหาซัพพลายเชน
...
สำหรับคนที่ชอบรถประหยัดและมีการตอบสนองที่ดี C-HR และ Kicks ดูจะเหมาะกับการขับที่เน้นสมรรถนะทั้งการเร่งความเร็วและความประหยัดที่ควบคู่กันไป ลูกค้าใหม่ที่ได้ลองขับ ก็จะรู้ว่า Kicks เป็นรถที่ขับสนุกและมีประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่โดดเด่นและการเร่งจากจุดหยุดนิ่งนั้นทำได้ดี ขับเรื่อยๆ ในเมือง ก็เป็นรถที่ประหยัดน้ำมันไม่แพ้เจ้าตลาดอย่าง Corolla Cross Hybrid และ Honda HR-V e:HEV ยิ่งถ้าใช้ระบบหน่วงชาร์จให้เป็นด้วยการฝึกเบรกบ้าง อัตราการสิ้นเปลืองยิ่งจะดีขึ้น อุปกรณ์บางอย่างไม่มี เช่น ช่องแอร์หลัง ฝาท้ายเปิดด้วยไฟฟ้า แต่ด้วยราคาใหม่ที่ถูกลงเป็นแสนทำให้มีจุดที่สามารถใช้งานได้อย่างคุ้นค่าอยู่เหมือนกัน Kicks MY2022 มีกล้องรอบคัน (Honda HR-V ไม่มี) และ Auto Brake Hold/เบรกมือไฟฟ้า (ซึ่ง Corolla Cross ไม่มี) มันคือรถที่มีข้อดีหลายอย่าง แต่ต้องต่อสู้อยู่ในกลุ่มของลูกค้าที่ส่วนใหญ่เทใจไปให้กับ Toyota Corolla Cross กับ Honda HR-V สองปีผ่านไป ความพยายามประชาสัมพันธ์เชิงบวกของ Nissan ดูจะมีความหวังมากกกว่าเดิมเมื่อ Nissan เปิดตัว Kicks ใหม่ โมเดลปี 2022 พร้อมราคาที่ลดลงเป็นแสน นั่นทำให้ความสนใจกลับมาทันที
...
จากการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนของ Nissan Kicks ตั้งแต่เปิดตัวเมื่อสองปีก่อน แม้รถจะขับได้ดีและมีความประหยัดในระดับที่พอรับได้ แต่ความสับสนในเรื่องของระบบส่งกำลัง ทำให้ Kicks ทำตลาดได้ไม่ค่อยจะดีนักเมื่อขึ้นไปอยู่บนโชว์รูม เอาเป็นว่า นี่คือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนเครื่องยนต์ รับหน้าที่ปั่นกระแสไฟป้อนไปให้แบตเตอรี่ ทำให้ Kicks ไม่ต้องเสียเวลาในการชาร์จไฟ เน้นอีกครั้งว่า เครื่องยนต์ของ Kicks ทำหน้าที่เป็นเจเนอเรเตอร์ หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เครื่องยนต์ กลายเป็นเครื่องปั่นไฟขนาดกะทัดรัด ไม่ได้ทำหน้าที่ถ่ายแรงบิดไปยังเกียร์เพื่อขับเคลื่อนแต่อย่างใดทั้งสิ้น จุดเด่นของ e:Power ก็คือ การใช้เครื่องยนต์ปั่นกระแสไฟฟ้าแต่เพียงอย่างเดียว ทำให้ไม่ต้องนั่งรอชาร์จไฟนานเหมือนรถไฟฟ้าทั่วไป เมื่อน้ำมันใกล้หมดก็เข้าปั๊มเติมเชื้อเพลิงแล้วออกมาวิ่งต่อแบบไม่ต้องมานั่งรอการชาร์จไฟให้เสียอารมณ์
Kicks E ราคา 759,000 บาท
Kicks V ราคา 829,000 บาท
Kicks VL ราคา 899,000 บาท
Kicks AUTECH ราคา 949,000 บาท (คันทดสอบ)
...
ระบบขับเคลื่อนกึ่งไฟฟ้าของมันทำให้ไม่ต้องมานั่งชาร์จพลังงาน เพราะใช้เครื่องยนต์เป็นเครื่องปั่นไฟในตัวเอาไปเก็บในแบตฯ หรือบางจังหวะก็แปลงพลังงานไฟฟ้าถ่ายเทตรงๆไปยังมอเตอร์ขับเคลื่อนเมื่อคนขับใช้ความเร็วสูง หรือขับแบบเร่งความเร็วอย่างต่อเนื่อง Nissan Kicks MY2022 เป็นรถยนต์คอมแพ็กครอสโอเวอร์ที่มีการปรับปรุงใหม่ให้โดนใจมากกว่าเดิม ในเวอร์ชันของปี 2022 มาพร้อมเทคโนโลยี e:power เจเนอเรชัน 2 (2nd Generation e-POWER) ระบบขับเคลื่อนกึ่งรถยนต์ไฟฟ้า โดยไม่ต้องพึ่งพาการชาร์จไฟฟ้าสู่แบตเตอรี่จากภายนอก อัตราเร่งตีนต้นจิ้ดใช้ได้ และมีช่วงล่างกับพวงมาลัยที่ทำให้ขับสนุก ส่วนจะตอบโจทย์คนรุ่นใหม่หรือไม่ ก็น่าจะอยู่ที่ว่า คุณไม่ต้องไปกลัวว่าแบตฯ จะหมดกลางทาง หากมีน้ำมันเหลืออยู่ในถังมากพอ ก็ไปต่อได้เลย อัตราสิ้นเปลือง ขับเร็ว 15 กิโลเมตรต่อลิตร ขับเรื่อยๆ 17 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อน้ำมันใกล้หมดก็เข้าสถานีบริการเชื้อเพลิง ใช้เวลาเติมแค่ 2 นาที ก็เต็มถังออกไปวิ่งต่อได้อีก 500 กิโลเมตร โดยไม่ต้องรอชาร์จเหมือนรถยนต์ไฟฟ้า 100% ซึ่งต้องใช้เวลาในการชาร์จไฟ 1-2 ชั่วโมง
Nissan Kicks e:POWER รุ่นปรับปรุง 2022 ติดตั้ง เทคโนโลยี e:POWER เจเนอเรชันที่ 2 (2nd Generation e-POWER) แบตเตอรี่ขนาด 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWH) มอเตอร์ไฟฟ้าเดินเงียบ เครื่องยนต์แม้จะถูกเร่งความเร็วในรอบสูงก็มีเสียงการทำงานที่ไม่ดังเกินไป มันเงียบกว่าเวลาเร่งเครื่องเมื่อเทียบกับรถคู่แข่งที่เป็นเครื่องยนต์ไฮบริดแล้ว Kicks MY2022 เร่งเต็มที่แล้วมีเสียงเครื่องเบากว่า เทคโนโลยีคันเร่ง e-Pedal step เร่ง แล้วชะลอความเร็วได้ด้วยการใช้แป้นคันเร่งเดียว เมื่อยกคันเร่งความเร็วจะถูกหน่วงโดย regenerative braking หรือระบบเบรกสะสมพลังงาน ระบบดังกล่าวสามารถปรับตั้งการหน่วงได้สามระดับ ทำให้เมื่อขับแบบเรื่อยๆ จะใช้เบรกไม่มากเท่ากับรถยนต์สันดาปภายใน เพราะแค่ยกคันเร่ง ความเร็วก็ลดลงทันทีเหมือนการแตะเบรกเบาๆ โดยเฉพาะโหมดสปอร์ตนั้นหน่วงหนักชัดเจนมากที่สุด
e-POWER เจเนอเรชันที่ 2
2nd Generation e-POWER พัฒนาขึ้นโดยแนวคิดการเคลื่อนที่ด้วยพลังงานไฟฟ้าของ Nissan หรือ Nissan Intelligent Mobility ในเจเนอเรชันที่ 2 ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนรถ และใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็ก ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้ากำลังสูง ส่งเข้าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ทำให้ผู้ขับ ไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการขับและการใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวัน นั่นคือ ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จพลังงานไฟฟ้าจากภายนอกหรือการหาสถานีชาร์จ กำลังและสมรรถนะการขับขี่ที่คล่องแคล่ว ว่องไว เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งที่รวดเร็วใช้ได้ e:POWER เจเนอเรชันที่ 2 รวมเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) กับมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ควบรวมเป็นยูนิตเดียวกัน ทำให้ส่วนของ Inverter มีขนาดเล็กลง 40% น้ำหนักลดลง 30% และเพิ่มความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion battery) มากขึ้นเป็น 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ช่วยให้เครื่องยนต์มีการทำงานเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าน้อยครั้งลง ลดแรงสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนจากการสตาร์ตของเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น Nissan รับประกันระบบ e-POWER 5 ปี หรือ ระยะทาง 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน
เครื่องยนต์สันดาปภายในของระบบอี-พาวเวอร์ ได้ถูกกำหนดให้มีการทำงานในรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมในการผลิตกระแสไฟฟ้า ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในระดับรถยนต์ไฮบริดใกล้เคียงกับ Toyota Corolla Cross เครื่องยนต์ HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบแถวเรียง DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ต่อพ่วงไปยังส่วนประกอบของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าหลัก เช่น เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร (Nm) แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) จำนวน 4 โมดูล 96 เซลล์ เร่งความเร็วราบรื่น เงียบใช้ได้ และการประหยัดน้ำมันที่มีประสิทธิภาพ Nissan เคลมอัตราประหยัดน้ำมันถึง 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร ขับจริงอย่างที่บอกว่า ถ้าขับเร็วก็กิน 15 กิโลลิตร ขับเรื่อยๆ ขยายไปได้ถึง 17 กิโลเมตรต่อลิตร
โหมดการขับขี่และการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
Normal mode
การขับขี่ในแบบปกติที่ตอบสนองการเร่งความเร็วได้ดี ลักษณะการใช้งานเหมือนขับขี่รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไป มีโหมด D สำหรับการขับขี่ปกติ และ B ที่เพิ่มแรงหน่วงขณะลดความเร็ว ลดการใช้ผ้าเบรก และสร้างกระแสไฟฟ้ากลับคืน
Sport mode
เพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อนและตอบสนองอัตราเร่งและการชะลอความเร็ว
ECO mode
เน้นการออกตัวที่นุ่มนวล ปรับการทำงานของระบบ e:POWER ลดการใช้พลังงาน เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อน มีการใช้เชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
EV mode
ปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบตเตอรี่ โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกระทั่งพลังงานในแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ วิ่งจริงได้ระยะทางสั้นๆ ในย่านความเร็วต่ำที่ 2-3 กิโลเมตร เครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นมาเพราะแบตเตอรี่ของรถไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่อะไร ใช้วิ่งช้าๆ ในช่วงสั้นๆ เพื่อลดมลพิษ
e-Pedal Step เทคโนโลยีคันเร่งหน่วงความเร็ว ช่วยให้ผู้ขับสามารถเร่งและลดความเร็วเพียงการใช้แป้นคันเร่งเดียว เมื่อยกเท้าออกจากแป้นคันเร่ง ระบบชาร์จพลังงานกลับคืนหรือ regenerative braking ใน e-Pedal Step จะหน่วงความเร็วของรถเพื่อช่วยชาร์จไฟกลับคืนสู่แบตฯ ทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ Sport MODE และ ECO MODE (ทั้งตำแหน่ง D และ B) เมื่อผู้ขับยกเท้าจากคันเร่ง รถจะชะลอความเร็ว โดยความเร็วจะลดลงต่ำสุด 5 กม./ชม. (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุกและความลาดชันของทางที่ขับขี่) ช่วยให้ขับได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการกะระยะห่างระหว่างรถคันหน้า การชะลอเมื่อลงเขาหรือ เมื่อเจอลูกระนาดในเขตชุมชน ชะลอความเร็วอย่างนุ่มนวลขณะทำการเข้าโค้ง นอกจากนี้ขณะที่ e-Pedal Step ทำงาน เครื่องจะสามารถชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ขณะลดความเร็ว เมื่อมีการยกหรือถอนเท้าออกจากคันเร่ง
Kicks เวอร์ชันปรับปรุง MY2022 รุ่นตกแต่งพิเศษ มาพร้อมลุคใหม่ (Autech) เน้นอุปกรณ์ตกแต่งที่ทำให้ดูสปอร์ตมากกว่าเดิม สำหรับชุดแต่งของค่าย AUTECH Japan, Inc. ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1986 เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านงานออกแบบรถยนต์ มีงานดีไซน์ตกแต่งรถยนต์ Nissan มาแล้วหลายรุ่น สร้างชื่อเสียงในการออกแบบรถยนต์มาอย่างยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ โดยล่าสุดในเดือนธันวาคมปี ค.ศ. 2021 Nissan Motor ประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศจัดตั้งบริษัทใหม่ในนาม Nissan Motorsports & Customizing - NMC เป็นการรวมตัวของสองบริษัทตกแต่งรถยนต์ในเครืออันได้แก่ ออเทค เจแปน และ บริษัท นิสสัน มอเตอร์สปอร์ต อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ นิสโม (Nissan Motorsports International Co. Ltd. - NISMO) โดยต่อจากนี้ NMC ทำงานร่วมกับฐานการผลิต Nissan ในประเทศต่าง ๆ เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละประเทศ
ดีไซน์ของ Autech มีสีอันเป็นเอกลักษณ์ คือ สี ออเทค บลู ที่มาคู่กับสีเงินเมทัลลิคของชุดสเกิร์ตรอบคันโดยสี ออเทค บลู มีที่มาจากสีน้ำเงินของสายน้ำ และท้องฟ้า ที่เมืองชิกาซากิ จังหวัดคานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเมืองที่ ออเทค ก่อตั้งขึ้น และสำหรับสีเงินเมทัลลิคที่อยู่ในแอโรพาร์ทด้านล่างรอบคัน ได้รับแรงบันดาลใจมาจากประกายของเกลียวคลื่นที่กระทบแสงอาทิตย์ ซึ่งแนวคิด และการออกแบบทั้งหมดนี้ Nissan Thailand นำมาใส่ไว้ใน Kicks e:Power My 2022 รุ่นAutech คันทดสอบ ทั้งภายนอกและภายใน ภายนอก จัดสีทูโทน หลังคาสีดำเงา ชุดแต่งพลาสติกสีเงินเมทัลลิค กระจังหน้า V-Motion สเกิร์ตหน้าใหม่ สีเงินเมทัลลิค ด้านข้างติดต้งสเกิร์ตข้างใหม่ กระจกมองข้างสีเงินเมทัลลิคที่สวยงาม พร้อมเลนส์ไฟเลี้ยว LED ภายใน และล้ออัลลอยลวดลายคล้าย BBS RY สีเทา-ดำเงาขนาด 17 นิ้ว บั้นท้ายติดตั้งไฟท้าย LED ทรงบูมเมอแรง มีรูปทรงที่หลอมรวมไปกับเสาท้ายและแนวคอดของบั้นท้าย กันชนหลังตกแต่งด้วยสเกิร์ตหลังใหม่สีเงินเมทัลลิค
ภายในห้องโดยสารโทนสีดำ ตกแต่งด้วยสีน้ำเงิน เหมือนกับคอนโซลหน้า ขณะที่คอนโซลกลาง ตกแต่งด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำ เดินด้ายสีน้ำเงินตัดกันอย่างลงตัว พลาสติกสีดำเงา เปียโน แบล็ก พวงมาลัยหุ้มด้วยหนังแท้มีสีน้ำเงินอยู่ตรงวงขอบด้านล่าง คอนโซลกลางใหม่ ที่ถูกออกแบบให้พอดีกับการตอบรับทางสรีรศาสตร์ หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลายรูปแบบ เพิ่มฟังก์ชันการแสดงสถานะไฟเบรกระหว่างใช้ระบบ e-Pedal Step หัวเกียร์ดีไซน์ใหม่เหมือนหัวเกียร์ของรถยนต์ไฟฟ้า 100% ตกแต่งด้วยพลาสติกสีดำ เปียโน แบล็ก ไฟตกแต่งที่ขอบ เพิ่มวัสดุบุนุ่มภายใน 3 จุด คือ ที่เท้าแขนตรงคอนโซลกลาง ขอบเบาะนั่ง และช่องเก็บของด้านหน้า พักแขนลดความเมื่อยล้าในการขับทางไกล หรือเมื่อรถติด เพิ่มขนาดพื้นที่วางแก้วน้ำตอนหน้า 2 ตำแหน่ง สามารถปรับระดับ และขนาด เพื่อรองรับแก้วทรงสูงที่มีขนาดใหญ่ และแก้วกาแฟร้อนทรงเตี้ย
ห้องโดยสารยกระดับความหรูหรา คอนโซลกลาง และ คันเกียร์ไฟฟ้ารูปแบบใหม่เป็นแท่งสี่เหลี่ยม เวลาจะเข้าเกียร์ D ก็บีบปุ่มข้างๆ แล้วรูดเกียร์เข้ามาหาตัว หรือถ้าจะถอยหลังก็ดันไปข้างหน้า สวิตช์ปรับโหมดการขับเคลื่อนติดตั้งอยู่เหนือตำแหน่งของคันเกียร์ รวมถึงสวิตช์สตาร์ตเครื่องยนต์ และสัญลักษณ์ Autech พร้อมเพิ่มวัสดุบุนุ่มที่จุดสัมผัสต่างๆ ตกแต่งทูโทนด้วยหลังคาสีดำ รุ่นออเทคพร้อมชุดแต่งสีเงินเมทัลลิคภายนอกรอบคัน ภายในโทนสีดำ ตกแต่งด้วยสีน้ำเงิน จอภาพมอนิเตอร์ขนาด 8 นิ้ว รองรับเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน 360° Safety Shield ระบบความปลอดภัยขั้นสูง เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ผ่าน Android Auto และ Apple Car Play กล้องมองรอบคัน ระบบอินโฟเทนเมนต์ วิทยุ โทรศัพท์บลูทูธ ช่องเชื่อมต่อ USB พื้นที่ขนสัมภาระ, คอนโซลกลางใหม่ที่ออกแบบมาให้เข้ากับสรีระของผู้ขับ
การปรับเบาะที่นั่งครอบคลุมเพื่อรองรับการใช้งาน เบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์สีน้ำเงิน ใช้สีน้ำเงิน สลับด้วยสีเทา เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีฟ้าเพื่อความสวยงาม เบาะคู่หน้าปรับด้วยมือ ออกแบบตำแหน่งท่านั่งของคนขับได้ดี ครอบคลุมการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ การสัมผัสหน้าจอมอนิเตอร์ หรือการยึดจับพวงมาลัยที่ปรับได้สี่ทิศทาง (สูง-ต่ำ -ไกล-ใกล้) เบาะหลังมีพื้นที่พอเพียงสำหรับสองที่นั่ง เอาคนที่สามเข้ามานั่งถ้าเดินทางไกลไม่แนะนำเพราะมีพื้นที่ไม่มากนัก เบาะหลังนั่งสบายพอใช้ได้ แต่พื้นที่เหนือศีรษะไม่มากเท่ากับ HR-V ช่องแอร์ด้านหลังไม่มีมาให้ แต่แอร์โคตรเย็นเพราะคันเล็กนิดเดียวและเป็นระบบคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้า แม้เครื่องจะดับขณะจอดติดรอสัญญาณไฟ หรือเคลื่อนตัวด้วยความเร็วต่ำด้วยมอเตอร์ แอร์ของ Kicks MY2022 ก็ยังเย็นฉ่ำออกไปในทางหนาวยะเยือกด้วยซ้ำ แผงประตู และตำแหน่งช่องวางเท้าของคนนั่งและคนขับมีไฟตกแต่งภายใน ambient light สีฟ้าอมน้ำเงินที่มีให้เฉพาะรุ่น Autech เมื่อเปิดประตูในตอนกลางคืนก็จะเห็นตัวอักษร Kicks ที่ส่องลงไปบนพื้นด้วยสีฟ้าเข้มที่ดูดีเลยทีเดียว
ไม่บ่อยที่รถไมเนอร์เชนจ์ จะมีการปรับจูนเครื่องยนต์ใหม่ Nissan Kicks ปี 2022 นี้ ได้มอเตอร์ขับเคลื่อนใหม่ รหัส EM47 เพิ่มกำลังจากเดิม 129 แรงม้า เป็น 136 แรงม้า แรงบิดเพิ่มจาก 260 เป็น 280 นิวตันเมตร จุดนี้ ทำให้การออกตัวอย่างรวดเร็วทำได้ดี รถมีขนาดเล็กและมีกำลังเหลือเฟือ ทำให้เกิดความคล่องตัวในวันที่รีบเร่ง ผมใช้เส้นทางทดสอบจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปยังอุทยานสามร้อยยอดเพราะต้องการหลบพายุฝนแถบทิศตะวันตกแถวกาญจนบุรี สถานที่ซึ่งใช้ทดสอบรถเป็นประจำบนเส้นทางภูเขา เมื่อหลุดจากแยกชะอำเข้าบายพาสปราณฯ ถนนโล่งขึ้น เปิดโอกาสให้ทำความเร็วได้สะดวกขึ้น ในครอสโอเวอร์ไซส์เล็ก การทรงตัวในย่านความเร็วสูงจากโช้คอัพและสปริง รวมถึงคานแข็งที่เซตมาใช้ได้ในระบบรองรับด้านหลัง Kicks วิ่งในย่านความเร็วสูงได้อย่างมั่นคง การไต่ระดับความเร็วหรือการเร่งแซงจาก 120 ไปจนถึง 150 ว่องไวใช้ได้ แต่ความเร็วที่ทะลุผ่าน 150 ไปแล้วจะไต่เข้าไปในย่าน 160-180 นั้นจะค่อยๆช้าลง ไม่ขึ้นเร็วเหมือนช่วงออกตัว ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมงผมไม่มีโอกาสได้ลอง มันเร็วเกินไปที่จะขับด้วยความเร็วสูงในรถไซส์เล็ก แต่เพื่อนสื่อบอกว่า ไปถึงย่านสูงสุดก็ยังนิ่งใช้ได้ ไม่เสียวสันหลังเหมือนรถแบรนด์คู่แข่งบางรุ่นที่แหว่งตั้งแต่เกิน 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จุดนี้ พอขับด้วยความเร็วปกติ 110-120 จะควบคุมรถได้สบายจนแทบจะหลับละครับเพราะแอร์พี่เค้าเย็นเหลือเกิน
หมีแพน งานหมีขับบอกว่า ชุด Inverter ใหม่ ทำให้น้ำหนักที่ตกบนคานหน้าเบาลง ในขณะที่ด้านหลังของรถนั้น แบตเตอรี่ติดรถ มีการเพิ่มความจุจาก 1.57kWh เป็น 2.06kWh วิ่งมอเตอร์เพียวๆทำระยะทางได้ 3.5 กิโลเมตร มากกว่าคู่แข่งไฮบริดในระดับเดียวกันเล็กน้อย คู่แข่งที่เป็นไฮบริดแท้ๆ จะมีความจุไฟแบตเตอรี่แค่ 1.0-1.36kWh ทำให้ระบบขับเคลื่อน e-Power ของ Kicks ที่ใช้เครื่องยนต์ปั่นกระแสไฟ มีจุดเด่นในเรื่องระยะทาง สามารถวิ่งได้ในโหมด EV ด้วยความเร็วต่ำโดยเครื่องยนต์ยังคงหลับอยู่ การวิ่งด้วยไฟฟ้าไกลกว่ารถไฮบริดคู่แข่งคืออีกหนึ่งจุดเด่น คุณสามารถกดปุ่ม EV เพื่อบังคับให้รถวิ่งแบบเครื่องไม่ติดไปจนกว่าแบตเตอรี่จะเหลือน้อย กดปุ่ม EV ค้างเอาไว้ 3 วินาที เพื่อสั่งการให้เครื่องติดชาร์จไฟให้เกือบเต็มก่อนขับด้วย EV Mode ได้เช่นกัน แต่การจะใช้ปุ่ม EV กระทำสิ่งใดๆ ได้นั้น ต้องอยู่ในโหมด SPORT หรือ ECO ซะก่อน ในจุดนี้ Nissan ควรจะปรับให้สั่งทำงานในโหมดปกติได้ จะเข้าใจง่ายกว่านี้ การวิ่งด้วยความเร็วต่ำจากการทำงานของมอเตอร์มีแค่เสียงหวี่เบาๆเหมือนแมลงตัวเล็กกำลังกระพือปีก เหมาะกับการไหลตามสภาพการจราจรในช่วงเย็นของกรุงเทพฯ แต่ถ้าออกมาทางไกลแบบนี้ ผมชอบระเบิดพลังงานเพื่อดูการตอบสนองด้านกำลังและการทรงตัว พอรู้เรื่องว่าใช้ได้ดีพอๆกับคู่แข่งแล้วก็กลับมาขับด้วยความเร็วปกติ จนกว่าถนนจะกลับมาโล่งถึงจะเติมความเร็วขึ้นไปอีกเพื่อไปให้ทันกับแสงในโลเคชั่นที่เลือกเอาไว้ตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง
ระบบ e-Pedal Step ทำงานในลักษณะที่เมื่อคุณยกคันเร่ง รถก็ยังหน่วงลดความเร็วให้อยู่ แต่จะไม่หน่วงจนหยุด จะไหล 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีการปรับความนุ่มนวลในการตอบสนองให้ยกและเหยียบแบบไม่ต้องเกร็งแล้วหน้าไม่ทิ่มไม่เชิดมาก Nissan เชื่อว่าเมื่อปรับให้เป็นแบบนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่จะใช้งานได้สะดวกชินเท้ามากขึ้น e-Pedal Step นี้จะทำงานในโหมด SPORT หรือ ECO ถ้ารู้สึกไม่คุ้นชินกับฟิลลิ่งดังกล่าวก็สามารถใช้ NORMAL Mode รถจะมีการหน่วงหรือไหลเหมือนรถเบนซินทั่วไป แต่การตอบสนองของแป้นเบรกใน Nissan Kicks นี้ จะไม่มีอาการหน่วงบ้าง ไหลบ้างแบบคาดเดาไม่ได้ ซึ่งเป็นอาการที่พบในรถไฮบริด ทั้งนี้เพราะว่า Kicks ใช้ระบบเบรกแบบหม้อลมเหมือนรถเครื่องยนต์เบนซินทั่วไป ใช้เครื่องยนต์ในการสร้างสุญญากาศเอาไว้ในหม้อลม เมื่อเครื่องยนต์ดับ ระบบสุญญากาศจะมีพลังสำรองในการช่วยเบรกไว้ การขับในเมือง อาจจะไม่ได้ใช้เบรกเยอะเท่ากับรถทั่วไป เพราะระบบหน่วงในมอเตอร์ไฟฟ้าหรือ regenerative braking ก็ชะลอรถลงได้ระดับหนึ่งแล้ว ถ้าขับเรื่อยๆ ไม่เร็ว ผ้าเบรกไม่สึกเร็วเท่ารถเบนซินทั่วไป ในขณะเดียวกันชุดปั๊มเบรกที่ใช้ก็เหมือนของรถเบนซิน ไม่ใช่ปั๊มเบรกแบบรถไฮบริดซึ่งมีราคาสูงกว่า
Nissan Kicks MY2022 Autech เก็บเสียงใช้ได้ ไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่งมากนัก แต่ก็ดีกว่าตรงที่เวลาเร่งแล้วเสียงเครื่องไม่แผดเข้ามาแบบร้องขอความเห็นใจ ในรอบสูงเครื่องยนต์สามสูบ 1.2 ลิตร ดังไม่มาก รอยต่อของเกียร์ก็เนียนใช้ได้แต่ไม่มีแป้น Paddle Shift ให้สนุกกับการเล่นเกียร์เอง พวงมาลัยไฟฟ้าเซตมาดึงไม้ดึงมือในย่านความเร็วสูง แต่ขับถอยหลังเข้าออกจากที่คับแคบก็มีน้ำหนักที่ผ่องถ่ายให้เบาเพื่อง่ายต่อการบังคับทิศทาง ช่วงล่างคล้ายกับ C-HR ที่กระชับมากกว่า Corolla Cross รองรับแรงสั่นสะเทือนจากผิวถนนที่ไม่เรียบพอใช้ได้ อาการโคลงตัวในโค้งไม่มากนักเมื่อใส่มาเร็วๆ วงเลี้ยวที่แคบทำให้มันคล่องแคล่วว่องไวและขับมุดไปมาได้อย่างปราดเปรียว ทอร์ชันบีมอาจเป็นรองมัลติลิงก์ในด้านการรักษามุมของล้อให้ตั้งฉากอยู่ตลอดเวลาขณะขับผ่านผิวถนนที่ขรุขระอยู่บ้าง แต่ช่วงล่างคานแข็งของ Kicks ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพน่าพอใจอยู่เหมือนกัน
วิ่งมาทั้งวัน เมื่อขับเร็วอัตราสิ้นเปลืองหล่นลงไปเหลือ 16.1 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าประหยัดเอาเรื่องเพราะผมวิ่งอยู่ในย่านความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องแบบโล่งเป็นเร่ง ขากลับ พอขับเรื่อยๆ 90-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองดีขึ้นเป็น 18.2 กิโลเมตรต่อลิตร แม้จะมีพื้นที่ใช้สอยไม่มากเท่า HR-V และมีการทรงตัวในย่านความเร็วสูงเป็นรอง C-HR อยู่นิดเดียว แต่การเร่งจากจุดหยุดนิ่งในลักษณะออกตัวอย่างรวดเร็วนั้น Kicks ไม่เป็นสองรองใคร อาจมีตีนต้นดีกว่ารถคู่แข่งทุกคันก็ว่าได้ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 8.9 วินาทีนั้นใช้ได้เลยทีเดียว ส่วนความเร็วสูงสุด แม้จะนิ่งเมื่อซัดเต็มๆแต่ไม่แนะนำให้ขับจนไปถึงความเร็วสูงสุด เนื่องจากเรื่องความปลอดภัยและกฏหมายจราจร Kicks Autech ราคา 949,000 บาท ขับดีเลยและหล่อใช้ได้ จากชุดแต่งที่แปลกแยกไปจากรุ่นต่ำกว่า
Nissan Kicks MY2022 เป็นรถเล็กที่คล่องแคล่วและมีราคาไม่แพง แนวคิดเอาเครื่องมาปั่นไฟใส่แบตฯ ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงเพราะเครื่องยนต์ไม่ต้องออกแรงหมุนล้อ แค่หมุนเจเนอเรเตอร์คอยสร้างกระแสไฟใส่แบตให้กับมอเตอร์ขับเคลื่อนเท่านั้น ถือเป็นแนวคิดที่ดีและมีความน่าใช้งานอยู่เหมือนกัน ยอดขายที่ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่สี่ ถือว่าทำหน้าที่ได้ดี และจะดีกว่านี้มาก ถ้ารีบส่งรถให้ทันกับความต้องการ เพื่อไม่ให้ลูกค้ารอนานเกินไปจากปัญหาซัพพลายเชน การปรับตัวด้านการตลาดของ Nissan เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากต้องใช้เวลาเรียนรู้ว่า อะไรขายได้และอะไรที่ขายไม่ดีอยู่นานเลยทีเดียว.
เครื่องยนต์ (สำหรับการสร้างกระแสไฟฟ้า)
ประเภทเชื้อเพลิง เบนซิน
มอเตอร์ไฟฟ้า (สำหรับขับเคลื่อน) - แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ( 28.6 กก.-ม.)0 - 3,410 รอบต่อนาที
มอเตอร์ไฟฟ้า (สำหรับขับเคลื่อน) แรงม้าสูงสุด 136 พีเอส (100 กิโลวัตต์) 3,410 - 9,697 รอบต่อนาที
ระบบเกียร์ อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction
มอเตอร์ไฟฟ้า (สำหรับขับเคลื่อน) - รหัสมอเตอร์ EM47
+เครื่องยนต์ (สำหรับการสร้างกระแสไฟฟ้า) - เครื่องยนต์ HR12DE
ระบบเครื่องยนต์ 3 สูบแถวเรียง DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว CVTC (Continuously Variable valve Timing Control)
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์มัลติพอยท์ (ECCS) 32 bit
ความกว้างกระบอกสูบ 78.0 มม.x ระยะชัก 83.6 มม.
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,198 ซีซี
แรงม้าสูงสุด 82 พีเอส (60 กิโลวัตต์) 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 103 นิวตัน-เมตร (11กก.-ม.) 4800 รอบต่อนาที
อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1
ความจุถังเชื้อเพลิง 41 ลิตร
ขนาดและน้ำหนัก
ความสูงทั้งหมด 1,610 มม.
ความยาวทั้งหมด 4,330 มม.
ความกว้างทั้งหมด 1,760 มม.
ระยะฐานล้อ 2,615 มม.
รัศมีวงเลี้ยว 5.1 ม.
น้ำหนักรถโดยประมาณ 1,361 กก.
ระยะฐานล้อ 2,615 มม.
รัศมีวงเลี้ยว 5.1 ม.
ระบบช่วงล่าง
หน้า แบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ทอร์ชันบีม คอยล์สปริง
ระบบพวงมาลัย
ประเภท แร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมระบบเพาเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
ล้อ และ ยาง
ขนาดยาง 205/55 R17 Continental Eco-contact 6
ขนาดล้อ ล้ออัลลอย 17 x 6.5 J สีดำเงา
ชุดซ่อมยางแบบฉุกเฉิน
ระบบเบรก
หน้า ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน
หลัง ดิสก์เบรก
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก
กระจังหน้าสีดำเงาตกแต่งพร้อมขอบโครเมียม
กันชนหน้า-หลังสีเดียวกับตัวรถ
สเกิร์ตหน้า ข้างซ้าย-ขวา และหลัง (สีเงินเมทาลิค)
แผงกันกระแทกประตูด้านข้าง - สีดำ
มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ
ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Signature Light
ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) แบบ LED
ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
ไฟหน้า Follow-me-home
สวิตช์ปรับระดับไฟหน้า
ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
วัสดุตกแต่งไฟตัดหมอกคู่หน้า
ไฟท้ายแบบ LED Signature Light พร้อมไฟเบรกแบบ LED
วัสดุตกแต่งประตูท้าย
กระจกมองข้างสีเงินเมทาลิค
กระจกข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว
กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อครถ
ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง / ระบบปัดน้ำฝนด้านหลังแบบหน่วงเวลา
ระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา
ราวหลังคา
เสาอากาศแบบ Shark fin antenna
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน
เบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง-ต่ำ
เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังแบบแยกพับ 60 : 40
วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้า - หุ้มวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำ แบบเดินตะเข็บด้ายสีน้ำเงิน
วัสดุตกแต่งภายในบริเวณช่องแอร์ด้านข้าง - ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินและวัสดุสีดำ เปียโน แบล็ค
วัสดุตกแต่งคอนโซลกลาง - สีดำเปียโนแบล็ค ตกแต่งด้านข้างด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำ แบบเดินตะเข็บด้ายสีน้ำเงิน
วัสดุตกแต่งภายในบริเวณหัวเกียร์ - ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ เปียโน แบล็คพร้อมไฟตกแต่งที่ขอบ
พนักวางแขนด้านหน้าพร้อมที่เก็บของและช่องจ่ายไฟแบบ USB 2 ตำแหน่ง
พวงมาลัยทรงสปอร์ตตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินปรับได้ 4 ทิศทาง - หนังแท้สีดำ ตกแต่งด้วยสีน้ำเงิน
พวงมาลัยพร้อมสวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียง และระบบโทรศัพท์บนพวงมาลัย และสวิตช์ควบคุมหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT
เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ Intelligent Rear View Mirror (IRVM)
กุญแจรีโมตอัจริยะ (Intelligent Key - I-Key)
ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ (Push Start Button)
ปุ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ (Drive mode switch)
ปุ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า (EV mode switch)
ระบบการขับขี่คันเร่ง แบบ e-Pedal Step
มาตรวัดแบบเรืองแสง Fine Vision Meter แบบ Digital ผ่านหน้าจอ TFT
หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT หน้าจอสีขนาด 7 นิ้ว
มาตรวัดอุณหภูมิภายนอก
กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Anti-jam Protection) ด้านคนขับ
ที่บังแดดด้านหน้า พร้อมกระจกแต่งหน้า ด้านคนขับ - พร้อมไฟส่องสว่าง
ที่บังแดดด้านหน้า พร้อมกระจกแต่งหน้าและไฟส่องสว่าง ด้านผู้โดยสาร
วัสดุตกแต่งแผงประตู - หุ้มวัสดุหนังสังเคราะห์สีน้ำเงิน
มือจับเปิดประตูด้านในแบบโครเมียม
ช่องเก็บเอกสารหลังเบาะที่นั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
พนักพิงศีรษะสำหรับเบาะนั่งด้านหน้า แบบปรับสูง-ต่ำได้
พนักพิงศีรษะสำหรับเบาะนั่งด้านหลัง 3 ตำแหน่ง แบบปรับสูง-ต่ำได้
ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า
ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
ไฟห้องสัมภาระท้าย
ที่วางแก้วตอนหน้า 2 ตำแหน่ง ปรับระดับและขนาดได้
ช่องวางขวดน้ำบริเวณแผงประตูหน้าและหลัง 4 ตำแหน่ง
กล่องเก็บของด้านหน้า
มือจับด้านใน 4 ตำแหน่ง : คนขับ x 1, ผู้โดยสารตอนหน้า x 1, ผู้โดยสารตอนหลัง x 2
แผงบังสัมภาระด้านท้าย
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V
ระบบข้อมูลและความบันเทิง NissanConnect พร้อมช่องเชื่อมต่อ Bluetooth®, USB และ AUX IN สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง
หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto®
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายแบบ Bluetooth
เครื่องเสียง 6 ลำโพง
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน
ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Side Airbags)
ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค Anti-lock Braking System (ABS)
ระบบกระจายแรงเบรก Electronic Brake Force Distribution System (EBD)
ระบบเสริมแรงเบรก Brake Assist (BA)
ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake)
ระบบ Auto Brake Hold
สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหลัง
ระบบกุญแจ Immobilizer
สัญญาณกันขโมย
ปุ่มควบคุมระบบเซ็นทรัลล็อค
เข็มขัดนิรภัยคนขับ ELR แบบดึงกลับ และผ่อนแรงอัตโนมัติแบบสองทิศทาง (Double Pre-tentioner with Load Limiter)
เข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า ELR แบบดึงกลับ และผ่อนแรงอัตโนมัติ (Single Pre-tentioner with Load Limiter)
เข็มขัดนิรภัยที่นั่งด้านหลัง ELR แบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX
ระบบป้องกันเด็กเปิดประตูหลังจากภายในรถ
ระบบโครงสร้างเพื่อความปลอดภัย Zone Body Concept
ไฟเบรกดวงที่สาม
ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ NISSAN INTELLIGENT MOBILITY (NIM) - INTELLIGENT SAFETY
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control (VDC)
ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA)
ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ Intelligent Forward Collision Warning (IFCW)
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking (IEB)
ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Alert (DAA)
ระบบกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM)
ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน Moving Object Detection (MOD)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ Intelligent Cruise Control (ICC)
ระบบเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning system (BSW)
ระบบเตือนขณะถอยรถ Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
เทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง Intelligent Trace Control (ITC)
ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง Lane Departure Warning (LDW)
ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist (HBA)
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/