Plug in Hybrid ก้าวต่อไปของรถยนต์ BMW ยุคใหม่ ก่อนที่พาหนะเหล่านี้จะกลายเป็นยานยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ BMW iPerformance แนวคิดใหม่ที่สานต่อจาก BMW Active Hybrid เป็นการปรับลดขนาดของเครื่องยนต์ให้เล็กลง โดยมีการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมระบบเสียบปลั๊กชาร์จ เพื่อคงประสิทธิภาพในด้านอัตราเร่ง และช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง ไล่เรียงจาก BMW X5  xDRIVE 45e Plug in Hybrid / BMW 7-Series 745Le Plug in Hybrid / BMW 3 Series 330e Plug in Hybrid / BMW 2-Series Active Tourer 225e Plug in Hybrid รวมถึงรถยนต์ในตระกูล i เช่น BMW i3 และ BMW i8 ทั้งหมดอยู่ในกลุ่มยานยนต์ iPerformance ที่ BMW Group พยายามนำเสนอเพื่ออนุรักษ์พลังงาน และคงความเป็นหนึ่งด้านยอดขายของรถยนต์พรีเมียมระดับบนในตลาดโลก ล่าสุด BMW Group Thailand ได้นำรถรุ่นเรือธงในรูปแบบของรถพลังงานผสมเครื่องยนต์บวกมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมระบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟ ด้วยการนำเสนอ New Series-7 รุ่น 745Le xDRIVE M Sport LCI รุ่นปรับโฉม โดยเปิดตัวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในโรงแรมโอเรียลเต็ล เมื่อเดือนมกราคม 2563 ก่อนหน้าโควิดแพร่ระบาดทั่วโลกแค่แวบเดียวเท่านั้นเอง 

...

...

ปัจจุบัน อะไรก็ตามที่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน สุดท้ายก็จะถูกยัดระบบ Plug in Hybrid เพื่อทำให้รถรุ่นนั้นเข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ก่อนที่จะกลายเป็นยานยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ BMW มีเครื่องยนต์ที่เสียบเชื่อมกับมอเตอร์ในระบบเสียบปลั๊กชาร์จให้เลือกอย่างละลานตา เริ่มจาก 330e ซีดานสายฟ้าที่เร็วจนน่ากล้ว และ X3 xDRIVE 30e กับ X5 xDRIVE 45e เอสยูวีเสียบปลั๊กพลังสูง โดยเฉพาะการเร่งความเร็วใน X5 ปลั๊กอินไฮบริดเครื่อง 6 สูบเทอร์โบนั้น มีแรงดึงมหาศาลเหมือนไม่มีวันหมด! ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่จะเข้ามาทำตลาดในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากตัวแปรที่หลากหลาย ทั้งราคาค่าตัวที่แพงกว่ารถทั่วไป รวมถึงสถานีชาร์จไฟที่ยังคงไม่แพร่หลายเท่าที่ควร ส่งผลให้ยอดขายของยานยนต์พลังงงานไฟฟ้า 100% อย่าง i3 จึงมีตัวเลขแค่นิดเดียวเท่านั้น และก่อนจะกลายเป็นรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในอนาคตอันใกล้นี้ รถยนต์แบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริด กลายเป็นบริบทสำคัญในการลดการใช้พลังงานและช่วยทำให้อากาศสะอาดขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย ก่อนที่จะกลายเป็นรถไฟฟ้าเต็มตัว BMW 745Le xDRIVE M Sport เรือธงลำหรูราคา 6,439,000 บาท คือยานแม่ของแบรนด์ตราใบพัด ที่ถูกนำมายัดระบบปลั๊กอินไฮบริด จากเรือนร่างขนาดใหญ่ที่มีขนาดความกว้าง 2 เมตร ยาว 5 เมตร ถือเป็นรถ 4 ประตูที่มีขนาดความยาวมากที่สุด ซึ่งมาพร้อมกับความหรูหราในระดับเฟิร์สคลาส โดยเฉพาะเบาะผู้โดยสารตอนหลังในตำแหน่งซ้ายมือของคนขับนั้นมีการออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันเท่าที่รถยนต์ราคาเฉียด 7 ล้าน จะสามารถมีให้ได้

...

...

ระบบไฮบริดของ 745Le xDRIVE M Sport ประกอบไปด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ เจนเนอเรเตอร์และระบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟ เครื่องยนต์ใหม่ เปลี่ยนจากเครื่องเบนซินแถวเรียง 2.0 ลิตร เทอร์โบ ในรุ่น 740Le มาเป็นเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบ ในรุ่น 745Le xDRIVE ชุดส่งกำลัง หรือเกียร์ของเรือธงไฟฟ้าเสียบปลั๊กชาร์จคันนี้ ยกมาทั้งยวงจาก BMW X5 xDRIVE 45e Plug in Hybrid ความมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมยานยนต์ในส่วนของเครื่องยนต์ ที่หันกลับมาใช้เครื่องเบนซินแถวเรียง 6 สูบ พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบแปรผัน Twin Scroll BMW TwinPower Turbo ข้อมูลตัวเลขสมรรถนะอันน่าตื่นตาตื่นใจจากระบบขับเคลื่อนของ BMW 7-Series LCI มีความเหนือชั้นในทุกด้าน เครื่องยนต์ 6 สูบ 3 ลิตร มีประสิทธิภาพสูงลิบเมื่อทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและระบบเกียร์ ZF 8 สปีด 

BMW 745Le xDRIVE วางเครื่องเบนซิน 6 สูบ ความจุ 2,998 ซีซี กำลัง 210 กิโลวัตต์ 286 แรงม้า ที่ 5,000 - 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500 - 3,500 รอบต่อนาที กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 83 กิโลวัตต์ 113 แรงม้า แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 265 นิวตันเมตร กำลังรวมสูงสุด 290 กิโลวัตต์ หรือ 394 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 600 นิวตันเมตร ตัวเลขสมรรถนะ มีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เร็วเหลือเชื่อที่ 5.1 วินาที มอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรงที่ฝังอยู่ในเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของ ZF (ZF-8HP) ให้กำลัง 83 kW หรือ 113 แรงม้า พร้อมแรงบิดแบบจัดเต็มที่ 265 นิวตันเมตร เกิดจากการปรับตั้งการทำงานของชุดมอเตอร์ในเกียร์ใหม่หมด เมื่อเครื่องยนต์กับมอเตอร์ทำงานพร้อมกันจะทำให้เรือธง 7-Series มีกำลังเฉียดๆ 400 แรงม้า พร้อมกับแรงบิด 600 นิวตันเมตร โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่อง V8 ที่หนักและสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอีกต่อไป (รุ่น V8 และ V12 ยังคงมีจำหน่ายอยู่ในตลาดต่างประเทศ แต่รุ่น V12 จะทำตลาดเป็นรุ่นสุดท้าย ก่อนปิดสายการผลิตเครื่องยนต์ V12) ส่วนตัวเลขอัตราเร่งนั้นหายห่วงในเรื่องของความแรง 745Le Plug in Hybrid สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาแค่ 5.1 วินาที เร็วกว่าเดิมที่เคยทำได้ 5.5 วินาทีใน 749Le รุ่นก่อนปรับโฉม สำหรับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเมื่อใช้โหมดประหยัดทำได้ 47 กิโลเมตรต่อลิตร!! หากผู้ขับรู้จักเลือกใช้โหมดขับเคลื่อนและขับแบบประคองคันเร่ง ตัวเลขค่าการปล่อย Co2 64 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร เป็น 7-Series ที่มีให้คุณทั้งความแรงสะอาดและประหยัดใช้ได้เลยทีเดียว ความประหยัดจะมาพร้อมกับการชาร์จไฟ ผ่าน iWall Box นาน 3  ชั่วโมง เพื่อนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในการวิ่งช่วงสั้นๆ ได้ประมาณ 22 กิโลเมตร ขุมกำลังรุ่นใหม่ซึ่งหันกลับมาใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาดความจุ 3 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบคู่ โดยใช้เทอร์โบแปรผันสองตัว และระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ High Precision Injection ระบบวาล์วแปรผัน Double VANOS กับ VALVETRONIC และมีการปรับจูนซอฟต์แวร์เพิ่มเติมกำลังให้อัปขึ้นไปถึง 286 แรงม้า

เครื่องยนต์ 3 ลิตร ยังไม่รวมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มีแรงบิดมากถึง 450 นิวตันเมตร เป็นแรงบิดแบบ Flat-torque ที่นักขับชื่นชอบ ผสานกับประสิทธิภาพอันเหลือร้ายของมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ติดตั้งเอาไว้ในเกียร์อัตโนมัติ ZF-8 สปีด ซึ่งเป็นระบบส่งกำลังแบบ Steptronic 8 อัตราทด ส่งแรงบิดแบบอัตราทดผกผันไปยังล้อทั้งสี่ โดยเฉพาะแรงบิดของล้อคู่หน้าที่ส่งผ่านมาจากชุด transfer case ที่ต่อเชื่อมกับเกียร์ 8 สปีดและชุดขับเคลื่อนสี่ล้อ xDRIVE และกระจายแรงบิดไปยังล้อคู่หลังผ่านเพลากลางและเฟืองท้าย เมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ทำงานพร้อมกัน ซาลูนเรือธงตราใบพัดคันนี้จะกลายร่างเป็นรถสปอร์ตซาลูนสุดแรง เป็นรถที่มีอัตราเร่งดุเดือด ขัดแย้งกับเรือนร่างที่ใหญ่โตและน้ำหนักที่มากถึง 2.1 ตัน

มอเตอร์ไฟฟ้าในรถยนต์ BMW เวอร์ชั่น Plug in Hybrid ถือเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้าของ BMW ที่วางอยู่ในเกียร์ ZF ของ 745Le xDRIVE Plug in Hybrid มีกำลัง 83 กิโลวัตต์ หรือ 113 แรงม้า มาพร้อมแรงฉุดลากระดับ 265 นิวตันเมตร กินพลังงานไฟฟ้าที่ส่งมาจากแบตเตอรี่แบบลิเทียม-ไอออน High-voltage ขนาด 9.2 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่ถูกวางเอาไว้บริเวณใต้เบาะหลังโดยวางอยู่ในตำแหน่งด้านหน้าของล้อหลัง และมีการออกแบบให้วางคร่อมลงไปที่เพลากลาง และเฟืองท้าย เพื่อการกระจายน้ำหนักที่ดี เมื่อเสียบปลั๊กชาร์จไฟทิ้งไว้ในตอนกลางคืนจนแบตฯ เต็ม ซึ่งใช้เวลาในการชาร์จ 6 ชั่วโมงแบบไม่ผ่านแท่นชาร์จ i Wall Box การขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนๆ หรือ e-Drive ทำให้ 745Le xDRIVE วิ่งด้วยแบตฯ เพียวๆ โดยไม่ติดเครื่องยนต์ไกลประมาณ 22 กิโลเมตร เป็นระยะทางที่ยังไม่ไกลเท่าที่ควร ส่วนการเร่งความเร็วด้วยมอเตอร์เพียวๆ สามารถวิ่งในย่านความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยเครื่องยนต์ยังคงดับอยู่เช่นเดิม (การเร่งความเร็วในระดับ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยมอเตอร์ จะทำให้ 745Le xDRIVE กินกระแสไฟจากแบตเตอรี่มากกว่าการขับแบบเรื่อยๆ) แต่เร่งได้ไม่นานเมื่อไฟเหลือน้อยลงเครื่องยนต์ก็จะสตาร์ตตัวเองขึ้นมา แล้วเชื่อมต่อการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ในแบบที่จะไม่ทำให้คุณหรือภรรยาที่นั่งมาด้วยรู้สึกตัว เพราะการผสมกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ การตัดต่อการทำงานในช่วงของการผสมผสานทำออกมาได้เนียนมาก 


BMW 7-Series 745Le มีโหมดขับเคลื่อนปกติให้เลือก ผ่านการทำงานของ Driving Experience Control เช่น Sport, Hybrid, Electric, Adaptive, Battery Control ในโหมด Battery Control สามารถตั้งค่าการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ได้ตามค่าที่ตั้งไว้ได้อย่างรวดเร็ว โหมดขับเคลื่อนทั้งหมด ใช้ซอฟต์แวร์ที่มีความก้าวล้ำและปรับปรุงมาให้เข้ากับคาแรกเตอร์ของเครื่องยนต์ 6 สูบ ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเครื่องและเกียร์ พวงมาลัยกับช่วงล่าง ให้เข้ากับโหมดขับเคลื่อนทั้งหมด โดยปรับการตอบสนองของคันเร่ง แรงบิดจากมอเตอร์และเครื่องยนต์ การตอบสนองของระบบเกียร์ การแปรผันน้ำหนักของพวงมาลัยไฟฟ้า และการปรับค่าความแข็งอ่อน-สูงต่ำของช่วงล่าง BMW Adaptive Air Suspension ส่วนโหมดขับเคลื่อนในระบบไฮบริดก็มีให้เลือกใช้ถึง 3 โหมด เช่น

Hybrid
เป็นโหมดที่เครื่องยนต์ทำงานไปพร้อมๆ กับการเสริมแรงของมอเตอร์ไฟฟ้า ในสภาวะปกติ มอเตอร์จะรับหน้าที่ในการฉุดลากตัวรถตั้งแต่เริ่มออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปจนถึงความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังจากนั้นเครื่องยนต์จะติดขึ้นมาเพื่อเสริมแรงขับเคลื่อน หรือรับช่วงต่อไปหากไฟในแบตเตอรี่เหลือน้อยลง โหมดนี้ จะมีการสลับกันทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ ด้วยความเรียบเนียนปราศจากอาการกระตุกกระชาก เมื่อต้องการออกตัวอย่างรวดเร็วเครื่องยนต์และมอเตอร์จะทำงานไปพร้อมๆ กัน

Electric
เป็นโหมดที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียวๆ ในการขับเคลื่อน เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิง และไม่มีการปล่อยมลพิษ เนื่องจากเครื่องยนต์จะไม่ทำงานในโหมดนี้จนกว่ากระแสไฟในแบตฯ จะเหลือน้อย จนเข้าเกณฑ์ที่จะต้องสั่งให้เครื่องติดเพื่อขับเคลื่อนและเพื่อชาร์จไฟใส่แบตเตอรี่ โหมดไฟฟ้ายังเป็นโหมดที่เหมาะกับการขับใช้งานในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นด้วยการวิ่งในย่านความเร็วต่ำ หรือใช้ในเมืองที่มีการควบคุมมลพิษจากรถยนต์อย่างเข้มงวด เมื่อชาร์จไฟจนเต็ม 745Le xDRIVE จะวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าโดยไม่ติดเครื่องยนต์ไกล 22 กิโลเมตร การเร่งความเร็วในโหมดนี้ แบตเตอรี่จะถูกใช้ไฟคล้ายแบตฯ รั่ว ถ้าคุณเร่งมันอย่างต่อเนื่องในย่านความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตฯ จะมีไฟร่อยหรอลงอย่างรวดเร็ว

Battery control
เป็นโหมดที่ใช้ชาร์จกระแสไฟฟ้ากลับเข้าแบตฯ เมื่อไฟในแบตเตอรี่เหลือน้อยลง โดยที่เครื่องยนต์จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนพร้อมๆ ไปกับการปั่นไฟเข้าไปเก็บในแบตฯ โหมดนี้ค่อนข้างกินเชื้อเพลิง เมื่อเปิดใช้งานเข็มวัดเชื้อเพลิงจะเริ่มลดลงแบบเห็นๆ แนะนำว่าควรชาร์จไฟให้เต็มจากบ้านไม่ควรเปิดโหมดนี้ใช้งานบ่อยครั้งเนื่องจากอัตราสิ้นเปลืองจะเพิ่มขึ้นจนทำให้ไม่รู้สึกว่าประหยัด! ส่วนการชาร์จไฟที่บ้านก็ไม่มีอะไรยุ่งยากอีกต่อไป ลูกค้าสามารถสั่งติดตั้ง BMW Wallbox Pro ซึ่งเป็นอุปกรณ์กล่องชาร์จไฟบ้านที่ติดตั้งได้ในโรงจอดรถที่บ้าน ลานจอดรถหรือตามอาคารจอดรถ รวมถึงยังสามารถติดตั้งในสถานีเติมเชื้อเพลิง เพื่อรองรับการชาร์จไฟแบบเร็ว

ระบบส่องสว่างที่ก้าวล้ำของ BMW Series-7 รหัสตัวถัง G12 LCI ติดตั้งไฟหน้าเทคโนโลยี Laser Lights ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการส่องสว่าง กระจายลำแสงหรือบีบลำแสงในระดับสูงได้ถึงสองเท่า ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถมองเห็นได้ไกลถึงสองเท่าเมื่อเทียบกับไฟหน้าทั่วไป และมีกำลังในการส่องสว่างยามค่ำคืนมากกว่าไฟหน้า LED หลายเท่า! ระบบไฟ Laserlight ของ BMW ได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ลำแสงไปรบกวนรถยนต์คันอื่นๆ การทำงานควบรวมกับระบบนำทาง GPS ช่วยให้การหักเหแสงไปตามสภาพเส้นทางได้ดีขึ้น ระบบไฟ Laserlight ไม่ได้เล็งลำแสงเลเซอร์ไปที่ถนน แสงเลเซอร์ที่สร้างขึ้นมาจะถูกยิงผ่านกระจกที่อยู่ภายในชุดไฟ ซึ่งสะท้อนโดยทำการรวมแสงทั้งหมดเข้าไปในเลนส์ ภายในเลนส์บรรจุฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารที่ทำปฏิกิริยากับแสง เมื่อแสงเลเซอร์สะท้อนลงในเลนส์จะมีปฏิสัมพันธ์กับฟอสฟอรัส ซึ่งจะสร้างแสงสีขาวที่สว่างมากๆ แสงจะถูกลดความเข้มจากนั้นจะสะท้อนออกมาจากด้านหน้าของไฟหน้า ประโยชน์ที่แท้จริงก็คือกำลังของการส่องสว่างมากกว่าหลอด LED ถึง 10 เท่า!! โดยมีระยะในการส่องสว่างไกล 500 เมตร ทำงานในระบบอัตโนมัติ ผ่านการตรวจจับจากเซนเซอร์ เมื่อขับในที่ที่ไม่มีแสงไฟบนถนน ไฟอัตโนมัติจะยกไฟสูงหรือสาดลำแสงไปยังพื้นที่ข้างทางที่มืดมิดเพื่อเปิดทัศนวิสัย แม้จะมีรถแล่นสวนมา หรือแล่นอยู่ข้างหน้า หากไม่มีแสงไฟบนถนน ระบบจะใช้การเบี่ยงเบนลำแสง ไม่ให้ไปรบกวนรถรอบข้าง 

Laser Lights เป็นระบบส่องสว่างที่ก้าวล้ำและมีประสิทธิภาพของ BMW เมื่อเทียบกับระบบไฟแบบดั้งเดิม Laser lights มีประสิทธิภาพมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ และเนื่องจากชุดไฟมีขนาดเล็ก Laser lights จึงเข้ามาช่วยทำให้นักออกแบบของ BMW Group สามารถลดขนาดของไฟหน้า เพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบตัวถังเพื่อปรับปรุงระบบอากาศพลศาสตร์ของตัวรถให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้อีกด้วย

ตามหลักการของ BMW รถรุ่น Series-7 ยังคงธรรมเนียมและเอกลักษณ์ของรถรุ่นเรือธงเอาไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรือนร่างภายนอกที่ดูปราดเปรียว โครงสร้างตัวถังมีส่วนผสมของวัสดุน้ำหนักเบาอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ อัลลอยและแมคนีเซียม ภายในที่สร้างความตื่นตาตื่นใจจากงานตกแต่งที่เหนือกว่ารถ BMW ทุกรุ่นทุกเวอร์ชั่น ห้องโดยสารถูกปิดผลึกเพื่อป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก จนทำให้เหงา หากไม่เปิดเครื่องเสียง แชสซีอัลลอยผสมคาร์บอนไฟเบอร์ นอกจากจะช่วยลดน้ำหนักได้ 111 กิโลกรัมแล้ว ยังทำให้การควบคุมดีขึ้นกว่าเดิมกระจังหน้าซึ่งเป็นที่มาของคำว่า จมูกโต อยู่ในชุดควบคุมกระแสอากาศของระบบอากาศพลศาสตร์ที่ก้าวล้ำ กระจังหน้าใช้จะปิดตัวเองเพื่อลดแรงต้านทานอากาศ เมื่ออุณหภูมิของเครื่องยนต์ยังคงเย็นอยู่ และจะเลื่อนเปิดออกทันที เพื่อรับกระแสอากาศไประบายความร้อนเมื่ออุณหภูมิขึ้นถึงจุดของการทำงาน สร้างความสมดุลระหว่างการลดแรงต้านอากาศและดักลม เพื่อระบายความร้อนในหม้อน้ำ ระบบไฮบริดที่ทำให้การขับในเมืองมีความประหยัดมากกว่าเดิม แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณขับมันออกทางไกล หากไฟในแบตเตอรี่หมดลง มันก็จะกลับมารับประทานเชื้อเพลิงเหมือนเดิม!

โฉมใหม่ของ New Series-7 รุ่น 745Le มีมิติตัวถัง ยาว 5,260 มิลลิเมตร กว้าง 1,902 มิลลิเมตร และสูง 1,479 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 3,210 มิลลิเมตร ความกว้างฐานล้อหน้า 1,618 มิลลิเมตร หลัง 1,646 มิลลิเมตร ทรงด้านข้างตัวถังมีเส้นนำสายตาลากจากขอบไฟหน้าไปจนถึงขอบไฟท้าย ประตูมีระบบ Soft-close function for doors ดันเบาๆ ก็จะดูดเข้ามาจนปิดสนิทได้เอง พร้อมยางขอบประตูอย่างหนา กรอบกระจกของ BMW745Le xDRIVE M Sport ใช้เส้นอัลลอยสีดำเพื่อความกลมกลืนกับสีของตัวถัง แก้มข้างมีครีบเล็กๆ พร้อมสัญลักษณ์ M ล้ออัลลอย M ขอบ 20 นิ้ว แม้จะขับเคลื่อนทุกล้อแต่ BMW จัดยางหน้าเล็กหลังใหญ่มาให้เหมือนเดิม ล้อด้านหน้าขนาด 8.5 J x 20 นิ้ว ยางหน้าไซส์ 245/40 R20 ส่วนล้อหลังมีขนาด 10 J x 20 ยางหลังไซส์ 275/35 R20 ใช้ยาง Bridgestone Potenza s001 RFT (ยาง Runflat) ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความคงทน 

ฐานล้อที่ถูกยืดออกไปแบบ long wheelbase ทำให้พื้นที่ของ BMW 745Le โดยเฉพาะบริเวณเบาะผู้โดยสารตอนหลังนั้นนั่งสบายสุดๆ พื้นที่ในส่วนของการวางเท้าที่เพิ่มมากขึ้น ช่วยผ่อนคลายการนั่งโดยสารทางไกล ด้วยท่านั่งที่สามารถเหยียดขาได้ตามต้องการ เบาะผู้โดยสารตอนหลังของเรือธงรุ่นนี้ ยังอัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีความทันสมัย เช่น เบาะหลังแบบปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชั่นนวดตัว แท็บเล็ตซัมซุงบริเวณพนักเท้าแขนกั้นกลางเบาะหลัง พร้อมจอภาพหลัง 2 ตำแหน่งที่สามารถควบคุมระบบอำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสารเกือบทั้งหมด ระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกโซน พนักพิงศีรษะแบบใหม่ของเบาะผู้โดยสารตอนหลังที่ส่งถ่ายความสบายบริเวณต้นคอ ทั้งหมดทั้งปวงถูกติดตั้งเข้ามาเพื่อทำให้พื้นที่เบาะหลังมีความน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น

ออปชันของ 7-Series รุ่นใหม่ LCI ใน 745Le xDrive M Sport ยังมีเทคโนโลยีล้ำอนาคตควบคู่ไปกับการทำตัวเป็นรถรุ่นเรือธงของยนตรกรรมลีมูซีนจากมิวนิก มันฉลาดหลักแหลมมากพอที่จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย เพียงแค่กดสั่งงานออปชันนวดบนเบาะหลังผ่านแท็บเล็ตซัมซุง รวมถึงระบบให้ความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง มาพร้อมกับ BMW Touch Command หน้าจอความคมชัดสูงแบบทัชสกรีน โปรแกรมของระบบนวดตัว ออกแบบมาเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อส่วนหลัง ช่วยลดแรงกดดันของแผ่นรองกระดูกสันหลังเมื่อนั่งโดยสารทางไกล โปรแกรมที่ทำงานโดยจะกระตุ้นให้คนนั่งใช้ความพยายามในการสู้กับแรงต้านของเบาะ โดยออกกำลังกล้ามเนื้อเล็กน้อยเพื่อปรับการไหลเวียนของเลือด ขั้นตอนแรกสำหรับการใช้เบาะนวดด้านหลังก็คือ ปรับตั้งเบาะให้เหมาะสมกับท่านั่งของคุณให้มากที่สุด หลังจากนั้นซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งจะสั่งงานให้เบาะปรับการดันตัวเล็กน้อย เพื่อช่วยยืดเส้นยืดสาย ระหว่างการทำงานของฟังก์ชั่นนี้ จอภาพจะแสดงให้เห็นท่าทางต่างๆ กับรูปเบาะที่มีให้เลือกหลายแบบ มันใช้งานได้ดีแต่การตั้งค่าเริ่มต้นต้องใช้ความคุ้นเคยพอสมควร หลังจากการนวดผ่านไป คุณจะรู้สึกดีขึ้นและมีท่านั่งที่เหมาะสมสำหรับการนั่งยาวๆ แบบข้ามจังหวัดบนไฮเวย์

745Le xDrive เป็นการสานต่อความสำเร็จของรถรุ่นพี่ในตระกูล Series-7 ผสานความหรูหราของยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นระบบสั่งงานผ่านจอภาพที่ใช้ระบบสัมผัส ปุ่มควบคุมอุณหภูมิแบบสัมผัส จอภาพด้านหลัง 2 จอ พร้อมอุปกรณ์ควบคุมและปรับแต่งที่ต้องใช้เวลาเรียนรู้ฟังก์ชั่นกันพอสมควร เบาะหุ้มหนังแท้สีน้ำตาลปรับไฟฟ้า โดยเฉพาะเบาะหลังด้านซ้ายที่ออกแบบให้เจ้านายหรือเจ้าของรถใช้นั่งโดยสารบนความสะดวกสบายของอุปกรณ์ที่คอยประคบประหงมเรือนร่างของผู้เป็นเจ้านาย สมรรถนะและประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน ความคล่องแคล่วว่องไวแม้ขนาดตัวถังจะใหญ่โตสุดๆ บวกกับความนุ่มนวลของระบบรองรับแบบแอร์สปริง เบาะแบบ Executive Lounge Seating ให้คุณหรือใครก็ตามที่ได้นั่งลงไปสามารถปรับเอนราบ เพื่อนอนชมท้องฟ้ายามค่ำคืนผ่าน Panoramic SkyLounge การเชื่อมต่อกับโลกภายนอกด้วยระบบที่ทันสมัยสุดๆ ระบบชาร์จอุปกรณ์โทรศัพท์แบบไร้สาย พร้อมช่วงล่างแบบถุงลม ที่อาจทำให้ใครบางคนเวียนศีรษะจากความนิ่มนวลชวนฝันของมัน

ระบบปฏิบัติการ iDrive เวอร์ชั่นล่าสุด บรรจุโปรแกรมที่ถูกพัฒนาให้สั่งงานได้เร็วและง่ายดายขึ้น รองรับจอแสดงผลกลาง พร้อมสั่งงานด้วยระบบสัมผัส หรือจอทัชสกรีน หรือเข้าโปรแกรมการปรับตั้งด้วยปุ่มควบคุม iDRIVE แบบใหม่ รวมถึงระบบสั่งงานมาตรฐานเฉพาะตัวด้วยการโบกมือหรือ gesture control เจ้าของรถสามารถสั่งปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารแบบล่วงหน้าก่อนใช้งานรถ ด้วยระบบพัดลม หรือฮีตเตอร์กับแอร์สำรอง ฟังก์ชั่นแสงสีภายในห้องโดยสาร หรือ Ambient Light รวมถึงไฟส่องนำทางบริเวณประตูฝั่งคนขับ WelcomeLight Carpet ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อม Head-Up Display รุ่นใหม่ที่มีติดตั้งมาให้ในรุ่น 745Le ขณะที่เบาะนั่งแบบพิเศษ ระบบระบายอากาศเบาะ และเบาะแบบนวดที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นออกกำลังกาย Vitality Programme และระบบทำความร้อน Heat Comfort นอกจากนี้ 745Le xDrive M Sport คันทดสอบ ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมหลังคากระจก Sky Lounge Panorama ที่งดงามสุดๆ ในเวลากลางคืน

มาตรวัดแบบจอภาพ Thin film transistor หรือ TFT สร้างบรรยากาศราวกับกำลังควบคุมอากาศยานส่วนตัว มาตรวัดแบบจอภาพกลายเป็นที่นิยมของรถยนต์สมัยใหม่ ใน 7-Series ทุกเวอร์ชั่น ไม่ว่าจะเป็นปลั๊กอินไฮบริด ดีเซล หรือเบนซิน มาตรวัดแบบ TFT จะเปลี่ยนไปตามโหมดของการขับเคลื่อน และคอยเรียกร้องความสนใจของคนขับอยู่ตลอดเวลา ความละเอียดของจอภาพมาตรวัด สีสันและการจัดวางรวมไปถึงการแจ้งข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ขณะขับขี่ มีทั้งถูกใจและไม่ชอบ แต่มาตรวัดแบบ Thin film transistor ใน BMW ยุคใหม่ กลายเป็นของเล่นที่ลงตัว มาตรวัดแบบใหม่นี้เริ่มติดตั้งใน Series-3 G20 Z4 G30 หลังจากนั้นก็ระบาดไปทั่วเกือบจะทุกโมเดล มาจนถึง New Series-7 และปรากฏอยู่ใน New Series-5 กับ X3 X4 X5 X6 X 7 รวมถึงรถใหม่ที่จะออกขายอีกไม่นานนับต่อจากนี้

พวงมาลัย M Sport แบบสามก้านหุ้มหนังแท้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปใน BMW ที่ตกแต่งด้วยอุปกรณ์เสริมหล่อ M Sport เป็นพวงมาลัยที่มีก้านวงอุดมไปด้วยสวิตช์ปรับตั้งค่าต่างๆ ก้านวงด้านซ้าย เป็นสวิตช์ของชุดควบคุมและปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control ส่วนก้านวงด้านขวา เป็นสวิตช์ที่ใช้เลือกฟังก์ชั่นต่างๆ ของระบบมัลติมีเดีย ปุ่มเร่งหรือลดเสียง ปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์บลูทูธ ปุ่มสั่งงานด้วยเสียง หลังก้านวงพวงมาลัยทั้งสองฝั่ง คือแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ใครที่เคยใช้พวงมาลัย M รุ่นที่แล้วจะพบว่าแป้นเปลี่ยนเกียร์ในพวงมาลัยรุ่นใหม่นั้นมีขนาดที่ใหญ่และใช้งานได้ถนัดมือมากยิ่งขึ้น 

จุดเด่นของ BMW 745Le xDRIVE M Sport นอกจากความหรูหราและความสะดวกสบายแล้ว BMW ยังจัดเต็มระบบความบันเทิง ด้วยเครื่องเสียงเกรดสูง Bowers & Wilkins Diamond Surround Sound System แบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำของอังกฤษ Bowers & Wilkins หรือที่หลายๆ คนเรียกติดปาก B&W มีต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นในปี 1965 โดย John Bowers และเพื่อนชื่อ Roy Wilkins ในปี 1966 B&W ออกลำโพงตัวแรกชื่อ P1 โดยเริ่มต้นด้วยการใช้ไดรเวอร์จากบริษัทอื่น ส่วนตู้ลำโพงทำเอง ต่อมาภายหลัง B&W ได้เริ่มทำลำโพงอย่างจริงจัง โดยมีนวัตกรรมต่างๆ ออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นดอกลำโพงแบบเคฟล่าร์ หรือการใช้เพชร ส่วนลำโพงในตำนานของ B&W จะต้องนึกถึง B&W Nautilus ที่มีรูปร่างแปลกตาและให้เสียงในระดับสุดยอด รวมถึงรุ่น Series 800 ต่างๆ อีกมากมาย ที่ให้เสียงได้น่าประทับใจมากทีเดียว ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมาทาง B&W ก็เริ่มให้ความสนใจลำโพงและหูฟังในตลาดคนใช้งานทั่วไปหรือที่เรียก Multimedia โดยได้มีลำโพงคอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่าง B&W MM-1 ที่ได้รับรางวัลต่างๆ ว่าเป็นหนึ่งในลำโพงคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะขนาดเล็กแห่งปี

Diamond Surround Sound System ใน BMW 745Le xDRIVE M Sport มีกำลังขับ 1,475 วัตต์ ติดตั้งลำโพง 20 ตำแหน่งรอบห้องโดยสาร พร้อมโปรแกรมควบคุมคุณภาพเสียงและการลดค่าความผิดเพี้ยน QuantumLogic™ surround sound processing ชุดโปรแกรมปรับแต่ง Dynamic equalizing (DEC) via measurement microphone ชุดลำโพงของ 7-Series 745Le xDrive M Sport ประกอบด้วย

+ 25mm Diamond Nautilus™ Tweeter
+ 25mm Aluminium Tweeter
+ 100mm Aramid Fibre Midrange Drivers
+ 217mm Rohacell® Subwoofer

ยานปลั๊กอินไฮบริดลำนี้ กลายเป็นความใฝ่ฝันของคนที่ครอบครอง Series-5 - A6 ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง CEO คนใหม่ หรือแม้แต่พวกที่กำลังขับ E-Class ซึ่งมีความคิดอยากอัปเกรดยานพาหนะของตนเอง ลูกค้าของ Series-7 คือนักธุรกิจหรือนักการทูตที่ต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลา ผู้นำของบางประเทศที่นิยมใช้ยานพาหนะที่ผลิตโดยพวกเยอรมัน รวมไปถึงการทำตัวเป็นลีมูซีนหรูของโรงแรมระดับ 7 ดาว ที่มีค่าห้องแพงระยับ ระยะทางอันยาวไกลของการขับทดสอบในครั้งนี้ ไม่ใช่อุปสรรคของรถ BMW รุ่นเรือธง เนื่องจากความเจ๋งของระบบต่างๆ ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับการขับ หรือนั่งโดยสารทางไกล รุ่นฐานล้อยาวกับช่วงล่างแบบถุงลม ทำให้การควบคุมเจ้า 7 ไฟฟ้า ตัวล่าสุด เต็มไปด้วยความละเมียดละไม นุ่มนวลชวนฝันจนบางจังหวะดูเหมือนจะย้วย จนต้องปรับลดความสูงลงมาด้วยการกดปุ่มบริเวณแผงควบคุมใกล้คันเกียร์ ช่วงล่างอัตโนมัติ และระบบปรับตั้งความเร็วอันชาญฉลาด Adaptive Cruise Control มีการทำงานพ่วงต่อกับฟังก์ชั่น Stop and go ทำให้ไม่ต้องเหยียบคันเร่งขณะขับเคลื่อน ท่ามกลางสภาพการจราจรที่หนาแน่น และเข้ามาช่วยลดภาระของคนขับ ซึ่งออกมาในแนวสบายตัวมากจนเกินเหตุ!!

วิถีทางของ BMW New Series-7 คือการส่งถ่ายความนุ่มนวลและความปลอดภัยแบบอภิมหายานยนต์อย่าง Rolls Royce พร้อมไปกับการใส่อารมณ์ของการควบคุมหลังพวงมาลัยให้มีความสนุกสนานตามแบบฉบับของ BMW เพื่อเป็นการตอกย้ำแนวคิดดังกล่าว เรือธง 740Le xDrive Pure Excellence ติดตั้งระบบช่วงล่างแบบถุงลม หรือ Air Suspension พร้อมโหมด Eco-Pro / Comfort / Sport และโหมดใหม่ที่เรียนรู้พฤติกรรมของคนขับ หรือ Adaptive Driving Mode โหมดนี้จะปรุงแต่งการตอบสนองของเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ช่วงล่าง และพวงมาลัยไฟฟ้าแบบ Servotronic ให้เข้ากับสไตล์การขับของคุณ ซอฟต์แวร์ของ Adaptive Driving Mode จะเรียนรู้วิธีการขับ การใช้คันเร่ง และเบรก องศาของพวงมาลัย แล้วปรับแต่งระบบขับเคลื่อนทั้งหมด เพื่อทำให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของคนขับ

Driving Stability System ทำหน้าที่เป็นหน่วยประมวลผลกลาง เชื่อมโยงกับระบบช่วยขับ และระบบ Active Safety รวมถึงระบบถอยจอดอัตโนมัติเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมการทรงตัว Dynamic Stability Control หรือ DSC ระบบป้องกันอาการลื่นไถล Dynamic Traction Control และ Hill Start Assist ระบบ Driving Stability System จะผสานการทำหน้าที่ของระบบควบคุมต่างๆ ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด การขับเคลื่อนในเมือง ความนวลของ Adaptive Air Suspension คล้ายๆ Lexus LS500h แต่พวงมาลัยของ 745Le จะมีการหน่วงมือมากกว่าเล็กน้อย และไม่เบาสบายข้อมือเท่ากับพวงมาลัยใยไหมของเรือธงญี่ปุ่น แต่ความแม่นยำนั้นไม่ได้เป็นรองรถยนต์หรูราคาแสนแพงจากแดนปลาดิบ ในเมืองที่ย่านความเร็วต่ำ แค่ขยับพวงมาลัยนิดเดียว ส่วนหัวของรถก็จะหันตามแบบว่านอนสอนง่าย มันยาว 5.2 เมตร แต่ไม่สร้างปัญหาในการเลี้ยวกลับลำแบบยูเทิร์น รัศมีวงเลี้ยว 5.8 เมตร สามารถกลับลำได้อย่างคล่องแคล่ว รวมถึงการกะระยะถอยหลังก็ยังมีเซนเซอร์และกล้องมองรอบตัวคอยช่วยเหลือ และถ้าคุณเป็นคนขี้เกียจ ระบบถอยหลังอัตโนมัติที่แม่นยำของ BMW จะช่วยนำพาเจ้ายักษ์เยอรมันคันนี้ ให้สามารถถอยเข้าซอกที่คับแคบได้อย่างสบายๆ ส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบความทันสมัย แต่ไม่ค่อยใช้ระบบที่เปิดโอกาสให้รถเข้ามาควบคุมแทนที่ตัวเราเอง มันดูแปลกๆ และน่าหวาดเสียวในบางจังหวะ แม้จะถอยได้ชิดกว่าเยอะ แต่ขอขับถอยหลังเองดีกว่าพึ่งพาระบบทั้งหมด 

เมื่อพาออกทางไกลไปปราณบุรี ก่อนที่ในช่วงเย็น ผมจะขับเจ้าเรือธงบึ่งไปโผล่ในหาดสามร้อยยอด พวงมาลัยไฟฟ้า Servotronic ใหม่ล่าสุด ปรับแต่งน้ำหนักไปตามความเร็วและโหมดของการขับเคลื่อน เป็นอุปกรณ์ควบคุมทิศทางของรถที่เข้าเกณฑ์ชุดบังคับเลี้ยวของรถใหญ่ที่เจิดที่สุด กลไกเซอร์โววาว์ล พยายามปรับน้ำหนักไปตามความเร็วที่ผกผันอยู่ตลอดเวลา พวงมาลัยกับช่วงล่างแบบถุงลม ส่งถ่ายประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมในด้านของความนวลและน้ำหนักที่พอดิบพอดี แอบมีย้วยนิดๆ อย่างที่บอกเมื่อขับข้า แต่ถ้าขับเร็ว ช่วงล่างถุงลมไฟฟ้าทำงานด้วยระบบอัตโนมัติก็จะเข้ามาจัดการลดระดับความสูงในแบบที่คุณไม่มีวันรู้ตัว การใช้ความเร็วสูงในยานแม่แห่งอนาคตคันนี้ ซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับ Mercedes Benz S560e หมายถึง ความตั้งอกตั้งใจที่จะปรับปรุง 7 รุ่นใหม่ให้มีความเหนือชั้น โดยแสดงออกมาในลักษณะที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจเมื่อคุณต้องการไปให้เร็วขึ้น

การควบคุมในย่านความเร็วสูง 745Le xDRIVE ให้สัมผัสคล้ายกับ Audi A8L เนื่องจากมีระบบ xDRIVE คอยเฉลี่ยแรงบิดให้กับล้อทั้งสี่ ไดนามิกส์สไตล์ BMW สัมผัสได้ทันทีที่เริ่มใช้ความเร็วบนเส้นทางที่คดเคี้ยว เกิดขึ้นจากการพัฒนาในหลายเทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อนและระบบรองรับ บวกกับนวัตกรรมล่าสุดของระบบอำนวยความสะดวกสบายที่ BMW Group ขนมาใส่เอาไว้ใน 745Le โดยหมายมั่นปั้นมือว่า รถเรือธงรุ่นนี้จะสามารถเอาชนะรถคู่แข่งร่วมสัญชาติเยอรมนีได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็เหนือกว่าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมแบบหาตัวจับได้ยากของ New Series-7 LCI รุ่นปรับโฉม

เวอร์ชั่นใหม่ของเรือธงเสียบปลั๊ก เปลี่ยนเครื่องยนต์จากเบนซินแถวเรียง 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ มาเป็นเบนซินแถวเรียง 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบ สร้างบรรทัดฐานใหม่ของซาลูนกึ่งไฟฟ้าที่มีสมรรถนะในการเร่งความเร็วดีขึ้นเห็นๆ 745Le มีฝีเท้าจัดจ้านขึ้นมาก จากเครื่องใหม่ที่มีความจุมากขึ้นและมาพร้อมกับแรงม้าแรงบิดที่เหมาะสมกับเรือนร่างขนาดใหญ่ ระบบขับเคลื่อนที่ผสมผสานกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าในชุดเกียร์แม้ว่าสองสิ่งนี้จะอยู่กันคนละขั้ว ทั้งเชื้อเพลิงและไฟฟ้า แต่ BMW เอามาคลุกเคล้ารวมกันทำงานได้อย่างไร้ที่ติ ก่อนออกเดินทาง ผมลองชาร์จไฟจากไฟบ้านโดยไม่มีอุปกรณ์ Wall Box ของ BMW ซึ่งอุปกรณ์ชาร์จไฟดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความเสถียรให้กับการชาร์จประจุ และยังมีความปลอดภัยมากกว่าการชาร์จไฟบ้านผ่านเต้าเสียบแบบธรรมดา

เจ้า 745Le ใช้เวลาชาร์จไฟนาน 6 ชั่วโมง เมื่อไฟเต็มแบตฯ ก็สามารถวิ่งด้วยมอเตอร์เพียวๆ โดยไม่ติดเครื่องยนต์ หรือไม่มีการใช้เชื้อเพลิง ไกลประมาณ 22 กิโลเมตร เป็นระยะทางที่ 745Le ไม่มีการปล่อยมลพิษออกมาแม้แต่นิดเดียว และถ้าบ้านห่างจากที่ทำงาน 20 กิโลเมตร กว่าเครื่องยนต์จะทำงานก็น่าจะเป็นการขับกลับบ้านในช่วงเย็น หรือหากที่ทำงานมีจุดชาร์จไฟก็แทบจะไม่ได้ใช้เครื่องยนต์กันเลยทีเดียว แต่ขอโทษเถอะครับ ใครที่ใช้รถน้อยขนาดนั้นควรมองข้าม BMW 745Le ไปเลยจะดีกว่า ซาลูนของแบรนด์ตราใบพัดนั้น ถูกออกแบบให้วิ่งทางไกลได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้รถคู่แข่ง การใช้งานมันแค่วันละไม่ถึง 20 กิโลเมตร รถเล็กที่มีราคาถูกกว่า น่าจะเหมาะสมมากกว่าการซื้อเรือธงรุ่นสูงสุดแล้วขับมันอยู่แค่ในเมือง

Series-7 มีความเป็นรถอนุรักษนิยม และแทบจะเป็นไปไม่ได้ ที่ลูกค้าไฮโซซึ่งเลือกซื้อรุ่นเรือธงจะกลายร่างเป็นพวกฮาร์ดคอร์ ชอบขับแบบจัดหนักไม่ไว้หน้าใคร ไมว่าจะอยู่ในรถอะไรก็อัดจนสาแก่ใจซะทุกคัน เจ้าของ Series-7 ส่วนใหญ่ เป็นผู้บริหารระดับสูง มีความสูงวัยและหมดความใจร้อนไปนานมากแล้ว ลูกค้าไฮโซกลุ่มเล็กๆ เหล่านั้น มองว่าการขับรถเองเป็นเรื่องเสียเวลาและเสียอารมณ์ มักจะเอนหลังพักผ่อน หรืออ่านรายงานการประชุม มากกว่าจะมานั่งขับรถคันโตที่ออกแบบเบาะหลังเอาไว้สำหรับความสบายสูงสุด นี่คือเหตุผลที่ BMW สร้าง Series-7 โดยเฉพาะรุ่นปลั๊กอินไฮบริด ที่มีการนำส่วนดีของเครื่องยนต์สันดาปภายใน และพลังงานในรูปของแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้ามาผสมกันจนกลายเป็นจักรกลแห่งการเดินทาง น้ำหนักตัวมากกว่า 2.1 ตัน ทำให้มันต้องเปลี่ยนมาใช้ขุมกำลังที่มีแรงบิดมากกว่าเดิม แม้จะไม่มีระบบช่วยเลี้ยวล้อหลังแต่ 745Le ก็สามารถเลี้ยวกลับลำได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว แชสซีที่มีส่วนผสมของคาร์บอนและแรคพวงมาลัยแบบใหม่ช่วยทำให้มันเลี้ยวได้ราวกับรถคันเล็ก ส่วนอื่นๆ ที่คอยประคบประหงมการวิ่งที่โดดเด่นก็คือ ระบบช่วงล่างถุงลม ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ พวงมาลัยไฟฟ้าอัตราทดแปรผัน และการทำงานของช่วงล่างในระบบอัตโนมัติ Adaptive Air Suspension ช่วยปรุงแต่งให้ 745Le กลายเป็นรถที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงพร้อมประสิทธิภาพชั้นยอด อาจไม่เนียนเท่า LS500h แต่คมและปราดเปรียวทุกกระเบียดนิ้ว! โดยเฉพาะอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ทำได้เท่ากับ Porsche 718 Cayman บนตัวเลข 5.1 วินาที   

ความเร็วเดินทางบนไฮเวย์ สมรรถนะที่เหนือชั้นทำให้การโลดโผนโจนทะยานโดยเฉพาะการเร่งแซงนั้นสุดยอดมาก แรงบิดที่เทลงล้อทั้งสี่ผ่านระบบ xDRIVE ถูกกรองด้วยเซนเซอร์ที่คอยตรวจจับความผิดปกติของล้อแต่ละคู่แล้วเฉลี่ยแรงบิดเพื่อสร้างความสมดุล Adaptive Air Suspension ในโหมด Comfort ย้วยไปนิดและมีอารมณ์คล้ายกับ Audi A8L เมื่อปรับไปที่สปอร์ตโหมดหรือขับเร็วขึ้น ช่วงล่างถุงลมไฟฟ้าจะปรับการทำงานเพื่อให้สอดรับกับการใช้ความเร็ว ในโหมด Sport เกียร์ 8 สปีดเปลี่ยนได้เร็วขึ้นแต่ยังเนียนเหมือนเดิม รอบเครื่องว่องไวจากคันเร่งที่ปรับจากยืดหยุ่นในโหมดกลางๆ มาเป็นโหมดที่เจ้าของรถต้องการจัดหนัก ยาง S001 ทำหน้าที่ได้ดี แม้จะมีเสียงดังในย่านความเร็วสูงแต่การเก็บเสียงที่ดีช่วยทำให้เสียงยางรันแฟลตไม่ดังมากจนน่ารำคาญ ร่องดอกยางก็มีส่วนช่วยทำให้รถนิ่งขึ้น เมื่อทำงานร่วมกับช่วงล่างขณะขับในย่านความเร็วสูง ในโค้ง มวลน้ำหนัก 2.1 ตันถ่ายเทไปตามมุมเรขาคณิตของช่วงล่าง มันเป็นรถคันโตที่มีอาการโคลงตัวน้อยเมื่ออัดผ่านโค้ง แต่น้ำหนักของรถส่งผลไปถึงแรงดึงในโค้งที่เข้ามากระทำกับพวงมาลัย กลไก servotronic จะะปรับแต่งน้ำหนักของพวงมาลัยไปตามโหมดขับเคลื่อนและสปีดความเร็ว มันจะหน่วงมืออย่างชัดเจนเมื่อความเร็วเริ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อขับ Series-7 คุณควรจะมองตัวเลขความเร็วที่มีให้มองทั้งบนมาตรวัดและจอ head up display ตรงหน้าซึ่งสามารถปรับตั้งได้ทั้งระดับความสูงในการแสดงผล กับความสว่างที่ไม่รบกวนสายตาของคนขับ 

Executive lounge ประกอบไปด้วยเบาะหลังแบบปรับเอนนอนได้พร้อมที่รองขาซึ่งพับเก็บอยู่หลังเบาะผู้โดยสารตอนหน้า หลังคากระจก Panoramic มีหลอดขนาดจิ๋วที่ใช้เทคโนโลยีเรืองแสงอยู่ภายในกระจกหลังคาเพื่อทำให้หลังคาเต็มไปด้วยดวงดาวในเวลากลางคืน ภายในของมันตระการตามากกว่าเดิมด้วยลายไม้สีเข้มเงาแวบ เวอร์ชั่นนี้ ส่วนใหญ่ลูกค้ามหาเศรษฐีมักจะซื้อไปนั่งมากกว่าจะขับเอง แต่ลูกค้าของ Series-7 ที่เลือกชุดแต่ง M Sport ก็มักจะใช้บางโอกาสในการขับรถด้วยตัวเอง เมื่อมวล โมเมนตัมกับความกล้าโผล่มาพร้อมๆ กัน อาการอันเดอร์สเตียร์โผล่มาทันทีที่อัดเข้าโค้งแรงเกินไป เมื่อเซนเซอร์ตรวจพบว่ารถเริ่มเสียอาการ ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) ก็จะเข้ามาแทรกแซงคุณทันที ด้วยการลดแรงบิดที่คุณพยายามเทลงพื้นให้ลดน้อยลง เพื่อทำให้ท้ายกลับเข้ามาอยู่ในร่องในรอย แม้จะปิดระบบช่วยทรงตัว แต่มันก็ยังคงแอบทำงานคอยเฝ้าระวังให้คุณอยู่ดี ดูน่ารำคาญสำหรับเศรษฐีที่มีฝีมือควบคุมรถ หรือมีประสบการณ์สูง แต่การขับ Series-7 ให้ออกอาการเป็นการกระทำที่ดูเหมือนจะประมาทเกินไป

สิ่งที่ทำให้เกิดความมั่นใจเมื่อใช้ความเร็วก็คือ การยึดเกาะกับถนนที่เข้มข้นกว่ารถคู่แข่ง Series-7 LCI หมายถึงรุ่นปรับโฉมที่ BMW มักจะมีการปรับแต่งช่วงล่างและรายละเอียดต่างๆ ของ Dynamic ให้ลงตัวมากกว่าเดิม แชสซีดีงามของมันยังคงเหมือนเดิมแต่ช่วงล่างและพวงมาลัยถูกปรับให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงในด้านของแรงบิดที่เพิ่มขึ้นมาก การสื่อสารของพวงมาลัยดีกว่า S-Class S350d ที่ผมเคยทดสอบเล็กน้อย ไม่ได้เหนือกว่าเยอะ แต่เป็นสัมผัสของพวงมาลัยที่ตรงกับความต้องการส่วนตัวของผม ส่วนในเรื่องของความชัดเจนและความไหลลื่น พวงมาลัยของ Series-7 LCI ยังตามหลังพวงมาลัยสุดเริดของ Lexus LS500h อยู่พอสมควร สำหรับประสิทธิภาพในการถ่ายเทกำลังลงพื้น ขอบอกว่า เพียบ! แม้สัญลักษณ์ M จะบ่งบอกว่ามันเป็น 7-Series ที่มีเฉพาะชุดแต่งเท่านั้นที่แสดงออกถึงความเป็น M แต่ไส้ในของมันยังคงห่างชั้นกับซาลูนป๋าสายขาโหดอย่าง BMW M760LI ไกลลิบ 

ในมุมมองของรถสมรรถนะสูงที่มาพร้อมความสะดวกสบาย 745Le มีสมรรถนะที่เป็นเอกลักษณ์ของยานยนต์จาก BMW นอกจากนั้น มันยังถูกปรับปรุงให้เป็นรถที่ขับได้ดีโดยเฉพาะรุ่น LCI ที่ BMW ชอบเข้าไปปรับแต่งไดนามิกส์เพิ่มเติม Driving Experience Control ที่ปรุงแต่งโดยวิศวกรของ BMW เป็นคนกลุ่มเล็กๆ ที่มีความรู้สึกอันละเอียดอ่อนในการปรับโหมดการขับเคลื่อนเพื่อส่งมอบการควบคุมที่สุดยอด ใน 740Le รุ่นที่ผ่านมา มีโหมด Eco Pro, Comfort , Sport พอมาถึงตัวปรับโฉมอย่าง 745Le โหมดขับเคลื่อนถูกปรับปรุงใหม่ เป็น Sport, Hybrid, Electric, Adaptive แล้วเพิ่มปุ่ม Battery Control ออกมาแทนเหมือนกับ BMW ปลั๊กอินไฮบริดยุคใหม่ทั้งหลาย ซึ่งเข้าใจง่ายและใช้งานสะดวกขึ้น โหมด Battery Control สามารถตั้งค่าชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ได้ตามค่าที่ตั้งไว้ โหมดที่ผมเลือกคือ Adaptive เป็นโหมดที่รถปรับการทำงานทุกระบบของการขับเคลื่อนให้สอดคล้องกับการขับขี่ของคุณ ขับเร็ว ECU จะเตรียมความพร้อมและปรับการตอบสนองของคันเร่งกับเกียร์และพวงมาลัยให้พอดีกับความเร็วในขณะนั้น ช่วงล่างสามารถปรับลดหรือเพิ่มความสูงได้ 10-30 มิลลิเมตร 

BMW 745Le xDRIVE โดนใจผมไปซะทุกเรื่อง ไล่ตั้งแต่ความแรง ความสบาย การยึดเกาะ แฮนด์ลิ่งที่เฉียบคมซึ่งขัดแย้งกับขนาดและน้ำหนักอย่างสิ้นเชิง มันเป็นรถคันโตที่ควบคุมอาการทุกอย่างได้ดี ระบบช่วยจอดและอื่นๆ อีกเพียบทำให้ชีวิตคุณสะดวกมากกว่าเดิม ด้วยระบบรักษาเสถียรภาพทำให้รถมีความมั่นคงขณะเปลี่ยนทิศทาง สร้างความมั่นใจในการกดคันเร่งขณะทำความเร็วตอนออกจากปลายโค้ง 740Le รุ่นที่แล้วก็ถือว่าทำออกมาได้ดีมากแล้ว แต่ 745Le กลับทำได้เหนือกว่า เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร เทอร์โบ ในรอบสูงส่งเสียงคำรามอย่างสุภาพ แต่แรงดึงนั้นหนักหนาสาหัสและยาวนาน เมื่อทั้งสองระบบทำงานพร้อมกัน มันจะมีแรงบิดให้ใช้งานในช่วงสั้นๆ มากถึง 600 นิวตันเมตร แรงบิดขนาดนั้น แม้จะเทออกมาไม่นาน แต่ทำให้ต้องคอยมองมาตรวัดความเร็วกันให้ดีๆ มันเป็นรถซาลูนหรูแบบไฮบริดเสียบปลั๊กชาร์จไฟที่วิ่งได้เร็วพอๆ กับรถสปอร์ตรุ่นเล็กของ Porsche แต่มีน้ำหนักมากกว่าถึงครึ่งตัน ศักดิ์ศรีและชาติตระกูลของ Series-7 นั้นหมายถึงรถหรูระดับสูง ที่ไม่สามารถทำตัวเอะอะเอ็ดตะโรแบบรถวัยรุ่นให้เสียเหลี่ยมหรือมาดของผู้บริหารระดับสูง เสียงเครื่องและเสียงท่อของมันจึงถูกปรับแต่งให้เงียบลง ในโหมดสปอร์ต ถ้าอัดเร็วๆ ในโค้งมุมแคบ คุณจะได้ยินแค่เสียงยางกับเสียงเครื่องที่ดังลอดเข้ามาเบาๆ แม้จะทำงานในรอบสูงเกือบๆ 6,000 รอบต่อนาทีก็ยังเบาอยู่ดี เป็นการผสมผสานการขับอันไร้ที่ติด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร เทอร์โบ และมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ 

ศักยภาพที่แท้จริง ทำให้คุณต้องจ่ายเงินถึง 6,439,000 บาท ในการเป็นเจ้าของ BMW 745Le xDRIVE M Sport ซึ่งเป็นยานพาหนะคันโตที่ขับได้อย่างน่าประทับใจ ในแบบที่ไม่มีใครเทียบได้ (ยกเว้น Lexus LS500h) รูปลักษณ์ของรุ่น LCI ยังมีความพิเศษที่กระจังหน้าใหญ่ยักษ์ซึ่งเป็นที่มาของคำติฉินนินทาและคำชื่นชม แม้ประสิทธิภาพของมันจะถูกบั่นทอนด้วยน้ำหนักที่มากถึง 2.1 ตัน แต่มันก็ยังเป็นรถคันใหญ่ที่วิ่งอย่างรวดเร็ว คล่องแคล่วและสง่างาม อัตราเร่งที่ชวนขนหัวลุกของมันอาจเป็นรอง BMW M760 xDRIVE แต่การชอบทำตัวประหยัดของ 745Le ก็ดูเหมาะสมและเข้ากับยุคสมัยได้ดี หรือคุณว่าไม่จริง?


รายละเอียดด้านเทคนิค
เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo
ปริมาตรกระบอกสูบ 2,998 ลูกบาศก์เซนติเมตร 
กำลังสูงสุด  210 กิโลวัตต์ 286 แรงม้า ที่ 5,000 - 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500 - 3,500 รอบต่อนาที 
กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 83 กิโลวัตต์ 113 แรงม้า
แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 265 นิวตันเมตร
กำลังรวมสูงสุด 290 กิโลวัตต์ 394 แรงม้า
แรงบิดรวมสูงสุด 600 นิวตันเมตร
ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 5.1 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย - อ้างอิงผล ECO Sticker 43.5 กิโลเมตร/ลิตร
ระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ย 64 กรัม/กิโลเมตร
ล้อ ล้ออัลลอย M ขนาด 20 นิ้ว ลาย Star-spoke
ขนาดยาง ล้อหน้า: 8.5 J x 20 / ยาง 245/40 R20
ล้อหลัง: 10 J x 20 / ยาง 275/35 R20
(ยาง Runflat bridgestone potenza s001 rft)
มิติรถยนต์ ยาว 5,260 มิลลิเมตร กว้าง 1,902 มิลลิเมตร สูง 1,479 มิลลิเมตร 
ปริมาตรในการบรรจุของ 420 ลิตร 
น้ำหนักรถสุทธิ 2,160 กิโลกรัม


ระบบขับเคลื่อนและเทคโนโลยี
เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Sport Steptronic 
ช่วงล่างถุงลม Adaptive 2-axle 
พวงมาลัยไฟฟ้าปรับน้ำ หนักตามความเร็วรถขณะขับขี่ (Servotronic) 
ระบบช่วยการขับขี่ รุ่น Professional (Driving Assistant Professional) 
ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 4 ล้อ xDrive 
ระบบ BMW Head-up Display 
ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus) 
ระบบเลือกรูปแบบการขับขี่ พร้อมโหมดขับขี่ Adaptive 

อุปกรณ์ภายนอก
ระบบไฟหน้า BMW Laserlight 
ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (High-beam Assistant) 
ระบบไฟหน้าและใบปัดน้ำฝนทำงานอัตโนมัติ 
ระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า 
ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System) 
ระบบช่วยผ่อนแรงกระแทกขณะปิดประตู (Soft-close function for doors) 
กุญแจรีโมทระบบสัมผัส (BMW Display Key) 
หลังคากระจก Panorama Sky Lounge 
ชุดตกแต่ง M Aerodynamics 
ภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ เงา

อุปกรณ์ภายใน
กระจกมองข้างและกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ 
เบาะนั่งและภายในบุด้วยหนังแท้ Nappa 
เบาะนั่งตอนหน้าและหลังพร้อมระบบ Heater 
เบาะนั่งตอนหน้าแบบ Comfort ปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำ ตำแหน่ง 
เบาะนั่งตอนหลังแบบ Comfort ปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำ ตำแหน่ง 
เบาะนั่งตอนหลังแบบ Executive lounge 
ฟังก์ชั่นนวดผ่อนคลายสำหรับผู้ขับขี่ 
ฟังก์ชั่นนวดผ่อนคลายสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง 
ระบบระบายอากาศสำหรับเบาะนั่งตอนหน้า 
ระบบระบายอากาศสำหรับเบาะนั่งตอนหลัง

อุปกรณ์ภายใน
พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M Sport 
คอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง 
ชุดไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (Ambient Light) 
เพดานหลังคาภายในบุด้วยวัสดุ Alcatara สี Anthracite 
ภายในตกแต่งด้วยไม้ลาย ‘Fineline Black’ แบบ metal effect high-gloss 
ม่านบังแดดที่ประตูหลังและกระจกหลัง 
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน 
ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร
BMW Live Cockpit Professional 
ระบบ BMW ConnectedDrive 
ฟังก์ชั่นสั่งงานระบบ iDrive ด้วยการเคลื่อนไหวมือ (BMW Gesture Control) 
ระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง Bowers & Wilkins 
ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย 
ระบบความบันเทิงพร้อมจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง 
ความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า 
ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า 
ถุงลมนิรภัยศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง (ยกเว้นผู้โดยสารตอนหลังกลาง) 
พนักพิงศีรษะตอนหน้ารองรับแรงกระแทกที่ศีรษะและคอเมื่อเกิดอุบัติเหตุ 
ระบบ Teleservices 
ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call) 
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) 
ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) 
ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) 
ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist) 
ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชั่น hold อัตโนมัติขณะรถหยุดนิ่ง 
เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) 
ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection) 
ระบบ Active Protection 
เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง 
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera) 
โครงสร้างตัวถังแบบ Carbon Core
ชุดตกแต่ง M Sport ตกแต่งภายในดีไซน์ Pure Excellence

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/