แรงม้าและแรงบิดคือหัวใจสำคัญของการทำงานในเครื่องจักรกลที่เราสร้างขึ้นเพื่อการขับเคลื่อน รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดในรอบเครื่องต่ำ หรือปานกลาง จะออกตัวได้ดีกว่าและให้อัตราเร่งที่ดีกว่า ในช่วงความเร็วต่ำหรือความเร็วปานกลาง ในขณะที่รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดในรอบเครื่องสูงจะให้อัตราเร่งที่ดีกว่าในช่วงความเร็วสูง และมีแนวโน้มที่จะให้ความเร็วสูงสุดที่สูงกว่าด้วย
หน่วยของแรงบิดที่นิยมใช้กันคือ Kg-m (กิโลกรัม/เมตร) Nm (นิวตันเมตร) และ Ft-lbs (ฟุต-ปอนด์) แรงม้า (Horse Power) คือ หน่วยอันหนึ่งสำหรับใช้วัดกำลังของเครื่องยนต์ หน่วยวัดกำลังที่นิยมใช้กันคือ แรงม้า (HP) แรงม้า (PS) และกิโลวัตต์ (KW) นอกจากนี้ในบางครั้งเราจะเห็นตัวย่อ BHP ซึ่งย่อมาจาก Brake Horse Power หมายถึง กำลังของเครื่องยนต์ที่ได้รับจากเพลานั่นเอง
และต่อไปนี้คือสุดยอดเครื่องยนต์พลังสูงจากรถยนต์ทั้ง 7 คัน และรถจักรยานยนต์อีกหนึ่งคันที่มีพละกำลังมากถึง 1,000 แรงม้า
BMW Brabham BT52 F1 Car
รถแข่งสูตรหนึ่งจากค่ายใบพัดสีฟ้า BMW ที่มีพละกำลังของเครื่องยนต์ล้นเหลือถึง 1,500 แรงม้า จากเครื่องยนต์แถวเรียงสี่กระบอกสูบอัดเทอร์โบ! นี่คือรถแข่งพลังสูงที่ประวัติศาสตร์ของวงการรถฟอร์มูล่าวันต้องทำการจดบันทึกเอาไว้ BMW Brabham BT52 F1 Car คือรถแข่งที่สร้างขึ้นเพื่อเข้าร่วมทำการแข่งขันในรายการ South Africa GP ในปี 1983 ออกแบบและสร้างโดยวิศวกรชาวอังกฤษ Gordon Murray ผู้ให้กำเนิดรถ McLaren F1 ตัวรถ BT52 F1 มีการวางตำแหน่งของนักขับและการออกแบบรูปทรงของตัวรถเป็นรูปลิ่มเพื่อลดแรงต้านของกระแสลม โรลบาร์ด้านหลังคนขับทรงโค้งรูปตัวยูทำจากคาร์บอนไฟเบอร์
...
เครื่องยนต์ของมันมีความคล้ายคลึงรวมถึงมีพื้นฐานมาจากเครื่องยนต์ในรถ BMW รุ่น 2002 แล้วนำมาโมด้วยสูตรลับพิเศษจากวิศวกรเครื่องกลของ BMW ชื่อ Paul Rosche จนได้กำลังถึง 1,500 แรงม้า จากปริมาตรความจุแค่ 1,500 ซีซี ของเครื่องยนต์รถ Coupe ในยุค 70' ไม่เพียงแต่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้กับวงการเอฟวันเพียงแค่การคว้าตำแหน่งชนะเลิศ แต่เครื่องยนต์ตัวนี้ยังทนทานสุดๆ โดยสามารถใช้งานได้ถึงกว่า 100,000 กิโลเมตร
Nissan Skyline R33 GTR Hyper Lemon
สุดยอดรถควอเตอร์ไมล์จากแดนปลาดิบ จากความสำเร็จในการแข่งขันและขึ้นรับถ้วยรางวัลในอันดับที่หนึ่งนับครั้งไม่ถ้วนของรถสปอร์ตในตระกูลสกายไลน์ รถ R33 GTR มีเครื่องยนต์แถวเรียงหกสูบติดเทอร์โบที่ถูกนำมาปรับแต่งจากแรงม้าเดิมๆ ยามออกมาจากโรงงานเพียง 280-330 แรงม้า ให้มีกำลังถึง 600 แรงม้า จากฝีมือของบรรดาพ่อมดชาวญี่ปุ่นจากสำนัก Nismo แผนกมอเตอร์สปอร์ตคู่บารมีของค่าย Nissan แต่แค่นั้นยังคงไม่สะใจ
...
สำนักโมดิฟายชื่อดังของญี่ปุ่น JUN จึงนำเครื่องยนต์รหัส RB26 DETT ของรถ R33 มาปรับจูนครั้งใหญ่ โดยทำการขยายกระบอกสูบ เปลี่ยนก้านสูบและลูกสูบให้แข็งแรงขึ้น เปลี่ยนสปริงวาล์วและกลไกภายในตัวเครื่องอีกหลายชิ้น ปรับการทำงานของกล่องสมองกลที่ควบคุมเครื่องยนต์ใหม่หมด รวมถึงเปลี่ยนขนาดของเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ ระบบส่งกำลังและเบรกใหม่หมด หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้นลงจนได้รถคันใหม่ที่ใช้ชื่อว่า Hyper Lemon ซึ่งเป็นรถ Nissan Skyline R33 ที่มีกำลังสูงกว่า 1,000 แรงม้า และในยุคหนึ่งบนสนามแข่งความเร็วควอเตอร์ไมล์มันคือเจ้าแห่งการทำความเร็วระยะสั้นที่แท้จริง
...
Porsche 9ff GT9
นี่คือการผลักดันรถสร้างพิเศษชื่อประหลาด 9ff GT9 ให้สามารถทำความเร็วทะลุย่าน 400 กิโลเมตร โดยการใช้โครงสร้างและแชสซีส์ของรถ Porsche 997 รุ่น GT3 ซึ่งถูกนำออกมาผ่าทั้งคันและสร้างตัวถังแบบ Spec-Frame ให้กับเจ้า 9ff ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เครื่องยนต์ที่ให้กำเนิดพลังงานประมาณ 978 แรงม้า มาจากเครื่องสูบนอน Boxer หกกระบอกสูบปริมาตรความจุ 4,010 ซีซี ทวินเทอร์โบ ให้แรงบิดล้นๆ ที่ 1,050 นิวตันเมตร ที่ 5,970 รอบต่อนาที
...
9ff GT9 สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 409 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำลายสถิติ 407 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่รถสปอร์ตอย่าง Bugatti Veyron เคยทำไว้ในช่วงปลายปี 2007 ไปได้อย่างฉิวเฉียด เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าสำนักโมจากเยอรมัน Fahrzeugtechnik GmbH ที่มีพนักงานแค่ 15 คน สามารถสร้างสิ่งที่เป็นประวัติศาสตร์ให้กับวงการยนตรกรรมได้ โดยไม่ต้องใช้ทุนทรัพย์มหาศาลแต่อย่างใด
Sunbeam Slug
1,000 แรงม้าในยุคนี้ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ในช่วง ปี ค.ศ.1927 รถที่มีกำลังขนาดนั้นนับว่าเป็นสุดยอดแห่งจักรกล Sunbeam Slug คือรถยนต์คันแรกของโลกที่สามารถวิ่งทะลุย่านความเร็วกว่า 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กับฝูงม้าในเครื่องยนต์ที่มีมากกว่า 1,000 ตัว จากผลงานการประดิษฐ์ของชายชาวอังกฤษผู้บ้าความเร็วเป็นชีวิตจิตใจชื่อ Henry Segrave ในตอนเช้าของวันอังคารที่ 29 มีนาคม 1927 ที่สนามทดสอบรถความเร็วสูงใน Daytona Beach Florida รถ Sunbeam Slug สามารถวิ่งได้เร็วถึง 203.79 ไมล์/ชั่วโมง ด้วยกำลังจากเครื่องยนต์สองตัว เครื่องยนต์ตัวที่หนึ่งวางไว้ด้านหน้าเพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า ส่วนอีกเครื่องวางอยู่ด้านหลังและส่งกำลังทั้งหมดลงสู่ล้อคู่หลัง
เครื่องยนต์ทั้งสองตัวเป็นเครื่องแบบ V12 ที่เอามาจากอากาศยาน รวมปริมาตรความจุได้ถึง 11,222 ซีซี การวางตำแหน่งของเครื่องทั้งสองตัวไม่มีแผงปิดกั้นใดๆ ทั้งสิ้น จากเทคโนโลยีของยุค 1927 ทำให้รถ Sunbeam Slug ต้องใช้ระบบส่งกำลังที่ส่งถ่ายแรงบิดเป็นโซ่เส้นโต การบังคับเลี้ยวของตัวรถใช้สายสลิง ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีความจุ 28 แกลลอน บวกกับรูปทรงในแบบซิการ์ทำให้ในยุคนั้นการหาคนมาขับเจ้าปิศาจสีแดงคันนี้ทำได้ยากเต็มทน เนื่องจากอาจเกิดอันตรายร้ายแรงจนถึงกับเสียชีวิตได้
Rapom V8
รถจักรยานยนต์พลัง 1,000 แรงม้า จากเครื่องยนต์ลูกสูบสันดาปด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงคันนี้ คืออสูรร้ายของจักรกลสองล้อที่มาพร้อมกับพลัง รถมอเตอร์ไซค์ Rapom V8 คือ Bugatti Veyron แห่งวงการสองล้อซึ่งถูกออกแบบและสร้างโดยวิศวกรชาวอังกฤษ Nick Argyle ซึ่งนำระบบเฟรมของรถมอเตอร์ไซค์อย่าง MV Agusta F4 และ Suzuki Hayabusa มาดัดแปลง
รถมอเตอร์ไซค์ Rapom ใช้เครื่องยนต์ V8 ความจุ 8,193 ซีซี ปรับแต่งโดย ICE Racing อัดซุปเปอร์ชาร์จตัวเบิ้มโดยท่อดักอากาศเข้าของซุปเปอร์ชาร์จถูกวางอยู่เหนือตำแหน่งของถังน้ำมัน ส่วนอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ขนาบอยู่บริเวณด้านข้างของตัวถัง ส่งถ่ายแรงบิดไปยังล้อหลังด้วยโซ่ ความน่าเกลียดปนกับความแปลกประหลาดอยู่ตรงด้านหน้าของรถที่มีสายพานของตัวซุปเปอร์ชาร์จที่คล้องอยู่บนพูเล่ย์อลูมิเนียม ความเร็วของตัวรถคันนี้ไม่มีการเปิดเผยแต่อย่างใด แต่เมื่อดูจากรูปทรงของมันแล้วรถ Rapom V8 คงเลี้ยวได้ลำบากมากที่ความเร็วสูง และคงจะวิ่งได้ดีแค่ขับไปตรงๆ เท่านั้น
SSC Ultimate Aero
เครื่องยนต์ตัวใหม่ที่วิศวกรนำมาวางในรถ SSC Ultimate Aero จะช่วยทำให้มันสามารถทำลายสถิติโลกของตัวเองที่เคยทำไว้ที่ย่านความเร็วสูงสุด 270 ไมล์/ชั่วโมงได้อย่างสบาย เป็นการยกระดับมาตรฐานของซุปเปอร์คาร์ขึ้นไปจนกลายเป็นไฮเปอร์คาร์ และทำลายข้อจำกัดทางเทคโนโลยีของ Production Car
ตัวถังทรงลิ่มมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศได้เท่ากับ 0.35 เครื่องยนต์ขนาด 6.3 ลิตร แบบ V8 สูบ ติดเทอร์โบชาร์จคู่ (TwinTurbo) ระบบระบายความร้อนแบบอินเตอร์คูลเลอร์คู่แฝดแยกสองฝั่ง สำหรับอัตราส่วนกำลังอัดเท่ากับ 8.9:1 ทำกำลังแบบบ้าระห่ำสูงสุด 1,287 แรงม้า ที่ 6,075 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 1,112 ปอนด์-ฟุตที่ 6,150 รอบต่อนาที ตัวเลขแรงม้าต่อน้ำหนัก 2.1 ปอนด์ต่อ 1 แรงม้า และเฉลี่ยแรงม้าต่อลิตรสูงถึง 204.3 แรงม้า/ลิตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรใน 2.78 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 273 ไมล์ต่อชั่วโมง แรงจนควบคุมแทบไม่อยู่ เจ้าพายุ SSC Ultimate Aero เคยเป็นเจ้าของสถิติโลกด้านความเร็วในโลกยนตรกรรมที่ยังไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
Bugatti Chiron
โครงการสร้างไฮเปอร์คาร์พลัง 1,500 แรงม้า ที่ใช้ชื่อว่า Chiron ถูกสานต่อจาก Veyron มาตั้งแต่ปี 2012 นับเป็นรถ Bugatti ที่ทรงพลังมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทและของโลกยนตรกรรม แนวคิดบูสพลังให้มากกว่า Bugatti Veyron อีก 300 แรงม้า โดยสามารถเร่งความเร็วจากจุดนิ่งไปถึง 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาแค่ 2.5 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 268 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 431.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง!! จากเครื่องยนต์ W16 ที่ผ่านการปรับแต่งใหม่ โดยมีระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบติดตั้งไว้ถึง 4 ตัวเหมือนเดิม
พลังจากการกระหน่ำของชุดอัดอากาศเพิ่มขึ้นมาอีกถึง 300 แรงม้านั้นเกิดขึ้นจากการลดน้ำหนักของเพลาข้อเหวี่ยงแบบใหม่ที่ทำให้น้ำหนักของเพลาข้อเหวี่ยงลดลงอีก 1.4 กิโลกรัม ก้านสูบผลิตจากไทเทเนียม เทอร์โบทั้งสี่ตัวถูกสับเปลี่ยนให้มีขนาดที่โตขึ้น เป็นหอยพิษที่ใหญ่กว่าเดิม 30% ปัญหาเทอร์โบแลคหรืออาการรอรอบถูกขจัดปัดเป่าด้วยการใช้เทอร์โบแบบ Sequential โดยมีมอเตอร์และวาล์วที่ติดตั้งอยู่ในท่อร่วมไอดีช่วยลดอาการรอรอบ เมื่อทำงานที่รอบต่ำวาล์วจะปิดให้ไอเสียไหลกลับเข้าไปในเทอร์โบข้างละตัว ทำให้อาการรอรอบลดลงและตอบสนองในรอบต่ำได้ดีขึ้นเมื่อผู้ขับใช้รอบสูง
เทอร์โบแบบ Sequential จะทำงานเต็มกำลังด้วยอัตราบูสที่สูงถึง 1.85 บาร์ กลไกวาล์วจะเปิดให้อากาศไหลเข้าสู่เทอร์โบครบทั้ง 4 ตัวชนิดเต็มที่ ท่อร่วมไอดีแบบใหม่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ท่อร่วมไอเสียทำจากไทเทเนียมโดยในบางจุดของท่อไอเสียใช้วัสดุพวกคาร์บอนไฟเบอร์ การปรับปรุงดังกล่าวทำให้ Bugatti Chiron มีแรงบิดสูงถึง 1,600 นิวตันเมตร มากจนเกินหน้าเกินตาแรงบิดของรถบรรทุกหัวลากไปไกลสุดกู่ แรงบิดสูงสุดมาในย่าน 2,000 รอบต่อนาที ไม่ต้องกดคันเร่งจนมิดก็มีแรงบิดเหลือเฟือที่จะทะยานจาก 0-100 ใน 2.5 วินาที
Zenvo ST1 2010
รถซุปเปอร์คาร์สัญชาติเดนมาร์กคันนี้เกิดมาเพื่อฆ่ารถอย่าง Bugatti Veyron แล้วมันจะทำได้จริงหรือ? รถ Zenvo ST1 2010 มีขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ขนาด V8 7.0 ลิตร ด้วยการใช้เครื่องยนต์ของ Corvette ZR1 ซึ่งถูกถอดออกเป็นชิ้นๆ แล้วสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งตัวและเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนที่สำคัญ เช่น บล็อกฝาสูบ เสื้อสูบ ช่องทางเดินน้ำมันเครื่องที่ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นพร้อมอ่างน้ำมันเครื่องแบบ Dry Sump เพลาข้อเหวี่ยง ก้านสูบ ลูกสูบแบบฟอร์จรวมถึงฟลายวีลโดนปรับเปลี่ยนใหม่หมด
ระบบอัดอากาศใช้ทั้งซุปเปอร์ชาร์จจากบริษัท Eton และเทอร์โบคู่พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ของ Garrett การทำงานของระบบอัดอากาศดังกล่าวจะเริ่มจากซุปเปอร์ชาร์จที่ช่วยสร้างพลังในรอบต่ำด้วยการบูสต์ 0.4 บาร์ ส่วนเทอร์โบคู่จะเริ่มรับหน้าที่อัดอากาศในช่วงรอบปานกลางถึงรอบเครื่องยนต์สูงสุด 1.4 บาร์ ก่อกำเนิดแรงบิดมหาศาลที่ 1,427 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที และจะได้พลังถึง 1,305 แรงม้า ตามการคำนวณของวิศวกรจากบริษัทที่มีตัวเลข 0-100 กิโลเมตร ใน 2.6 วินาที และมีความเร็วสูงสุด (ที่ถูกจำกัดเอาไว้จากสาเหตุของความปลอดภัย) 373 กิโลเมตร/ชั่วโมง.