สัปดาห์นี้เรามาเล่นหัวข้อในเรื่องรถมือสองกันอีกครั้ง แต่คุณผู้อ่านที่สนิทกันบางท่านก็ทักแชทมาบอกว่า อยากให้ลองเขียนถึงรถแบรนด์ที่ไม่ใช่เจ้าตลาดบ้าง เพราะเห็นผมเขียนถึงแต่ Toyota หรือ Honda มาเยอะ..ก็อาจจะเยอะจริงๆ นั่นแหละ พอดีคนเขียนค่อนข้างกลัวเวลาแนะนำรถอะไรไปแล้วมีปัญหาต่อ คนที่รับฟังคำแนะนำไปเขามักจะยืนด่ารถก่อน แล้วก็ไปยืนให้เมียด่า แล้วค่อยรวบรวมเอาความเก็บกดทั้งหมดมาด่าผมอีกรอบ โถ่..คุณเอ้ย รถมือสองไม่มีใครหรอกกล้าเอาหัวไปเป็นประกัน เราก็ดูและฟังจากเพื่อนที่ทำอู่บ้าง จากเจ้าของรถตัวจริงบ้าง แล้วแนะนำในสิ่งที่น่าจะลงล็อกกับรูปแบบชีวิตเขามากที่สุด

แต่ความจริงก็คือ ยังมีคนอีกมากที่ให้ความสำคัญกับตัวรถที่ตรงใจกว่า และยอมลดความสำคัญเรื่องการซ่อมบำรุงหรือราคาขายต่อลงบ้าง สำหรับคนกลุ่มที่บรรลุสัจธรรมความสมดุลในข้อดีข้อเสียของรถแต่ละรุ่นแล้ว ผมก็มีรถแหวกแนวจากตลาดมานำเสนอท่านในวันนี้ โดยโดนน้าฉ่าง อาคม รวมสุวรรณ จำกัดโควตาให้เขียนได้ 5 คัน ผมจึงตัดสินใจ เลือกเอารถหลายๆ แบบมาพูดถึงกันนะครับ คันไหนไม่พูดถึง ไม่ได้แปลว่าไม่ดี ผมอาจจะเก็บเอาไว้เล่นวันหลังครับ กติกาสำหรับวันนี้ก็คือ หนึ่ง ไม่ใช่ Honda, Toyota หรือ Isuzu และสองอายุไม่เกิน 7-8 ปี และสาม คือค่าตัวรถไม่เกิน 5 แสนบาท เราลองมาดูกันครับ

...

***Suzuki Swift GLX 2018-2023***

เริ่มต้นกันที่ไอ้หนูเล็กเด็กแสบกันก่อนเลย Swift นี้ ใครไม่เคยสัมผัสก็จะมองว่าเป็นรถเล็กกระป๋องแป้ง ทั้งที่ความจริงแล้ว ถ้าคุณอยากได้รถประหยัดน้ำมัน ขับคล่อง ค่าใช้จ่ายในการดูแลตลอดอายุต่ำ จะไปเล่นรถถังหาพระแสงอีโต้ทำไมกัน คุณต้องเล่นรถที่ตัวเล็กและเบา เครื่องยนต์ไม่ต้องซับซ้อนมาก Swift คือรถที่ตอบโจทย์แบบนั้นได้ดี เพราะวิศวกร Suzuki ออกแบบรถมาให้มีน้ำหนักเบา แต่ไม่ใช่เบาแล้วปลิวเป็นนุ่น รถอย่าง Swift เบา แต่วิศวกรคำนวณช่วงล่างและตัวถังมาดีจนวิ่งทางไกลสบาย เจอโค้งก็เล่นได้ และจะขับสนุกมากถ้าคุณยอมสะเทือนแล้วใช้โช้คสปริงสปอร์ตหน่อย พวงมาลัยค่อนข้างไวแต่ไม่ถึงขั้นประสาทกิน เครื่องยนต์ไม่แรง..น้องพกมาแค่ 83 แรงม้า แต่ตัวเบาไม่ถึงตัน ทำให้เวลากดคันเร่งเต็มๆ ก็ยังสามารถสร้างพลังช่วงออกตัวหรือเร่งแซงที่ความเร็วต่ำได้ดี

Swift รุ่นก่อนหน้านี้จะมีปัญหากับเกียร์ CVT เคลมกันไปหลายคัน ในรุ่นนี้จึงปรับปรุงเรื่องความทนทานของเกียร์ ปรับจูนการตอบสนองต่อคันเร่งใหม่ด้วย

ปัญหาของรถโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าเจเนอเรชันก่อนๆ อีกทั้งยังมีการออกแบบที่ดูแล้วเป็นวัยรุ่นทั้งข้างนอกและข้างใน สำหรับคนตัวใหญ่ไซส์หมียักษ์ คุณจะแปลกใจที่ประตูหน้าของ Swift นั้นโตมาก เข้านั่งขับแล้วไม่อึดอัดอย่างที่คิด และในงบห้าแสนบาทนั้น คุณสามารถซื้อรถไมเนอร์เชนจ์ตัวใหม่สุดปี 2022 ได้ตัวท็อปแล้วยังมีเงินทอนเหลือ หรือจะเซฟเงินไปอีกแสนบาทแล้วหาเล่นรถปี 2018 รุ่น GL ที่มีเฉพาะอุปกรณ์ที่จำเป็นก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าเลือกได้เอารุ่น GLX ที่ปีใหม่หน่อย เครื่องเสียงจะเป็นแบบ 2DIN ที่รองรับ Apple CarPlay กับ Android Auto แล้ว

...

...

Swift เป็นรถที่เหมาะมากถ้าคุณมีชีวิตโสด อย่างมากอาจจะมีแมวอีกสองตัว ประสงค์จะใช้รถขับคล่อง หาที่จอดง่าย ค่าเลี้ยงดูต่ำ ใช้เดิมๆ หรือแต่งสวยหมดตัว ก็ได้ทั้งนั้น แต่ไม่เหมาะกับคนที่บ้านเป็นครอบครัวใหญ่ มีคนนั่งหลังประจำ หรือต้องบรรทุกสัมภาระเยอะ เพราะเบาะหลังไม่ได้นั่งสบายนัก และพื้นที่สัมภาระก็จัดว่าเล็กตามไซส์รถ

...


***Mitsubishi Xpander 2018-2019***

ถ้าคุณคิดว่าผมกวนส้นที่ข้ามจากรถเล็กมารถครอบครัวตัวค่อนข้างโตเลย..คุณคิดถูกแล้วครับ และจะกวนไหมถ้าจะบอกว่าในบรรดารถปิกนิกคาร์ 7 ที่นั่งปีประมาณนี้ Xpander ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ราคาถูกที่สุด คุณคิดยังไงล่ะครับ ตอนป้ายแดงราคาแปดแสนกลางๆ แพงก็แพง แบรนด์ก็เป็นแบรนด์รอง แต่แล้วไงล่ะ? ขายดีอันดับ Top 3 ของเซกเมนต์มาเกือบตลอด เพราะรูปทรงที่ผมชอบเรียกกันหลังบ้านว่า Cute Robocop ปนเปทั้งความล้ำยุค ความดุแต่ก็แอบน่ารัก รถอย่าง Xpander นั้นผสานเอาข้อดีของรถแบบ MPV ที่หลังคาโปร่ง หน้าสั้น ประตูบานโต รวมกับสไตล์ตัวถังที่ยกสูงนิดๆ แบบ SUV มันอาจไม่สูงเท่ากระบะขับสี่บ้านพ่อคุณ แต่ก็สูงกว่ารถเก๋งทั่วไปชัดเจน มีโอกาสหนีน้ำท่วมได้มากกว่าและยังไม่สูงมากจนเกินความสามารถคนแก่ที่จะก้าวขึ้นรถ แล้วยังมีเบาะนั่งแถวสามซึ่งถึงแม้จะไม่ได้สบายเต็มพิกัด แต่นั่งแล้วสบายกว่าแถวสามของพวก CR-V หรือ SUV ตัวโตกว่าหลายรุ่นแล้วกัน

และสิ่งที่ผมขับแล้วชอบมากคือ ตัวรถสูงโย่ง แต่ช่วงล่างกลับไม่โยกเยกจนวัวมึนอย่างที่คาด ตรงกันข้าม มันแน่นและให้ความมั่นใจได้ระดับหนึ่งเลย โดยที่ยังมีความนุ่มแบบที่รับคนแก่แม่ไม่บ่นแน่นอน Mitsubishi วิจัยช่วงล่างตัวนี้มาจนเหมาะกับการใช้งานตามรูปแบบของรถ แล้วยังมีการเก็บเสียงลมเสียงรบกวนที่เทียบกับ SUV ราคาแพงกว่าได้สบาย อย่างไรก็ตาม คุณต้องเข้าใจว่าลำพังเครื่อง 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ลากตัวรถบอดี้ขนาดนี้ ก็เหมือน Vios ที่ใส่หมีตัวนึงเอาไว้ตลอด เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ทน แต่ความโบราณทำให้ส่งต่อกำลังไม่ได้ครบในทุกย่านความเร็ว ถึงบางคนชอบบอกว่าไม่ได้ขับเร็วอะไร แต่ตอนใส่คนนั่ง 5 คนบวกสัมภาระเต็มแล้วขึ้นเนินชัน ก็ต้องห้ามสงสารเครื่อง ซึ่งจะโวยวายดังด่าคุณตอนไต่เขาไปตลอดทาง

แต่ในภาพรวม ถ้าคุณคิดถึง People Mover ที่ขับบนทางราบหรือทางไม่ชันโหดมาก ไปด้วยกันได้ทั้งครอบครัวอย่างสบายใจ สบายทวาร สบายหู และทำใจกับรายการอุปกรณ์ติดรถที่ดูจะสวนทางกับราคาเสียเหลือเกินได้ Xpander คือรถที่พิสูจน์ว่า การเป็นรถครอบครัว ไม่ได้จำเป็นต้องดูน่าเบื่อเสมอไป ที่สำคัญคือ ผ่านมา 5 ปีแล้ว บอดี้นี้ยังทำตลาดอยู่ จ่ายเงินราวห้าแสนก็เป็นเจ้าของ Xpander ลอตแรกๆ ปี 2018-2019 ได้ แต่อาจไม่เหลือเงินให้ทำอะไรมากนักนอกจากเปลี่ยนเครื่องเสียงที่แมวฟังแล้วหาวเป็นชุดที่ฟังเสนาะหูขึ้นบ้าง

***Subaru XV***

คราวนี้ต่างจากสองคันแรกตรงที่ Swift กับ Xpander นั้น ยังไม่ตกรุ่น แต่ XV เจเนอเรชันนี้ ตกรุ่นไปนานห้าปีได้แล้ว และกำลังจะเตรียมหล่นรุ่นไปอีกขั้นเมื่อ XV เจเนอเรชันใหม่กว่าตัวปัจจุบันมาถึง แต่คุณไม่ต้องรอถึงวันนั้น XV รุ่นที่คุณเห็นอยู่นี้ก็มีราคาต่ำกว่าห้าแสนแล้วสำหรับรุ่นไมเนอร์เชนจ์ 2.0 iP อุปกรณ์ค่อนข้างครบ จุดเด่นของรถรุ่นนี้ แน่นอนว่าอยู่ที่การขับขี่ มันไม่ใช่รถที่แรงและประหยัด ถ้าพูดเรื่องสองหัวข้อนี้ Honda HR-V ชนะ XV ได้สบายมาก แต่มันคือช่วงล่าง ความเกาะถนน และความรู้สึกแน่น ล้อกดติดถนนเหมือนรถหนักๆ ใหญ่ๆ แต่พอเลี้ยวแล้วไปเหมือนบรูซลีไล่ถีบอันธพาล ทั้งหมดนี้คือส่วนผสมจากการคิดค้นพัฒนาโครงสร้างตัวถังที่ผมพูดเสมอว่าแข็งแกร่งอันดับต้นๆ ของค่ายญี่ปุ่นปีเดียวกัน บวกกับการตั้งใจเซตสปริงกับโช้คอัพให้ดีตั้งแต่ออกมาจากโรงงาน จุดศูนย์ถ่วงต่ำที่ได้มาจากเครื่องยนต์แบบสูบนอนยัน และท้ายสุดคือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบตลอดเวลา ถ้าคุณขับรถไปๆ มาๆ แค่ในเมืองหรือวิ่งทางไกลแบบคนปกติ HR-V ก็ทำให้คุณได้ แต่กับ XV มันคือรถที่ไม่แรง แต่สามารถไปได้เร็วบนทางตรง บนโค้ง และยังมีเสถียรภาพดีบนถนนเปียก

ภายในของรถ บางคนอาจจะตกใจว่ารถที่ตอนป้ายแดงล้านสาม ทำไมภายในดูเหมือนรถแปดแสน Subaru สมัยนั้นไม่ได้เก่งเรื่องสร้างรถเล็กแล้วทำมาหรูครับ รุ่นไมเนอร์เชนจ์ตัว iP นี่ยังมีหน้าปัดจอ MID สีและจอ Information แบบสีกับการตกแต่งภายในที่ดูพอคุ้มราคาบ้าง แต่จุดที่ดีของภายในอยู่ที่การออกแบบเบาะ พวงมาลัย และการจัดวางสวิตช์ต่างๆ ซึ่งทำโดยคนที่รู้จักการขับรถทางไกลจริงๆ และสามารถรองรับคนได้หลายไซส์ แต่เบาะหลังนั้น แม้จะมีพื้นที่ไม่น้อย แต่ตัวเบาะไม่ได้สร้างมาเพื่อความสบาย เบาะหน้าคือสวรรค์ เบาะหลังคือกระดานดีๆ นี่เอง ส่วนเรื่องการซ่อมบำรุงนั้น Subaru ไม่ใช่รถที่มีศูนย์บริการเยอะ ถ้าคุณขี้เกียจขับไปศูนย์ใกล้บ้าน ก็สามารถถามหาบริการจากอู่นอกที่ถนัด Subaru ได้ ใครบอกว่าช่าง Subaru ไม่ชอบซ่อม XV ผมไม่เคยเจอครับ XV นี่ช่างนอกซ่อมเก็บได้ทุกจุด หรือทำกระทั่งยกเครื่อง 300 ม้าจาก Levorg 2.0 เทอร์โบญี่ปุ่นลงใส่ ผสมทรงเป็นตัวร้ายไฟแรงระดับหนึ่งก็ได้

XV เป็นรถขับสี่ คุณก็ควรเข้าใจส่วนหนึ่งว่าทั้งค่าน้ำมัน และค่าบำรุงรักษา เสียเปรียบรถขับหน้า แต่สิ่งที่คุณเสียในสองเรื่องนี้ คุณได้เอาคืนจากความมั่นใจในการขับ จึงเป็นรถที่เหมาะมากสำหรับคนที่รู้ตัวว่าชอบขับรถทางไกลประจำ หรือคนที่ต้องวิ่งทำงานต่างจังหวัดบนถนนที่สภาพไม่เป็นใจ

***Nissan Sylphy DIG Turbo***

มาคันนี้ เป็นรถที่ออกจะหายากพอสมควรในตลาดรถมือสอง และคุณไม่มีทางเลือกสีอื่นนอกจากขาวหรือดำ แต่ถ้าพูดถึงคำว่ารถแรงซ่อนมาในงบที่เอื้อมถึง Sylphy DIG Turbo ตอบโจทย์ข้อนี้ได้เลยด้วยพลัง 190 แรงม้าจากเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรเทอร์โบ บวกกับเกียร์ CVT ซึ่ง ไม่ตึง ไม่มัน ต้นออกหนืดนิดแต่เลย 60 ไปแล้วขึ้นไวไหลเป็นน้ำตกอิกัวสุ ในสมัยนั้นจะมีการประลองกันระหว่าง Sylphy รุ่นนี้ กับ Civic Turbo RS และ Ford Focus Ecoboost ซึ่ง Sylphy เป็นรถที่เร่งจาก 0-140 ได้ไวสุด แต่ Honda จะเด่นเวลาคิดจะโมดิฟายเพิ่มพลังต่อยอด ไปได้ไกลและง่ายกว่า Nissan อย่างไรก็ตาม Honda 1.5 เทอร์โบในปีไล่เลี่ยกันนั้นราคายังเกินห้าแสนบาทไปไกล และหากว่ากันที่รถในสภาพเดิมๆ เทียบกัน Sylphy ก็ไม่ได้แย่กว่า Honda คุณได้รถคลาสเดียวกัน อุปกรณ์มาตรฐานใกล้เคียงกัน แต่ Honda เป็นรถที่วิจัยและเปิดตัวหลังจาก Sylphy โผล่มาพักใหญ่ จึงมีความทันสมัยกว่าในด้านดีไซน์

ในด้านการใช้งาน คุณขับ Sylphy ธรรมดาแล้วได้อย่างไร รุ่น DIG Turbo ก็ต่างกันไม่มาก ช่วงล่างแข็งกว่ากันนิดหน่อย หน้าตารถมีจุดต่างที่ล้อขอบ 17 สีกระจังหน้า สปอยเลอร์หลัง กันชนหลังและซันรูฟ แต่วิ่งผ่านไวๆ ก็แยกออกยากระหว่างรุ่นปกติกับตัวแรง การปรับจูนช่วงล่างและพวงมาลัย ไม่ได้สปอร์ตตามแรงม้า ช่วงล่างไม่ได้ซับแรงกระแทกดีด้วยและเกาะหนึบด้วยแบบ Ford พวงมาลัยมีน้ำหนักแปลกๆ บางช่วง ไม่ได้คมเท่า Honda ให้คิดแบบง่ายๆ ว่า มันคือการเอารถครอบครัว นิสัยรถครอบครัว ใช้ง่ายใช้สบายแบบรถครอบครัว มารวมกับเครื่องที่แรงขึ้นเยอะจะใกล้เคียงความจริงมากกว่า แต่ด้วยราคาที่คุณสามารถซื้อหาได้ในย่าน 450,000-490,000 บาทสำหรับรถปี 2016-2017 เทียบเงินที่จ่ายกับสิ่งที่ได้แล้วถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับคนที่ชอบรถสไตล์คุณครูขับ แต่แรงแบบไล่กวดรถซิ่งของนักศึกษาได้ รับลูกรับเมีย ลูกตัวใหญ่นั่งเบาะหลังก็ยังขาไม่ติด ในบ้านที่มีพ่อแม่คนชรา ก็สามารถนั่ง Sylphy Turbo เดิมๆ ได้อย่างสบายใจ เพราะช่วงล่างมันไม่ได้ทำมาเน้นซิ่งนั่นล่ะครับ

สิ่งที่ต้องเตรียมใจไว้อย่างหนึ่งก็คือ ในเรื่องของความแรงที่มันมี เวลาคุณคิดอยากจะเห็นม้าเพิ่มไปหลัก 250-270 ตัว การทำจะยากหน่อย หาคนมาช่วยทำให้ยากกว่า Honda เพราะรถที่ใช้เครื่อง MR16DDT ในไทยมีจำนวนไม่มากนัก ช่างน้อยคนจะสนใจหาของแต่งมาลงให้ใส่ และอะไหล่ในส่วนที่แตกต่างจากรุ่นปกติบางส่วนอาจจะหายากเมื่อเวลาผ่านไปจากวันนี้อีกสัก 4-5 ปี

***Mazda 3 SkyActiv 2014-2019***

อะไรที่ Sylphy DIG Turbo ไม่ทำ ..Mazda 3 ทำ! รถทั้งสองคันนี้เรียกได้ว่าตรงข้ามกันในแทบทุกสิ่งตั้งแต่ภายนอกยันหัวใจการออกแบบ Mazda 3 นี้ เป็นตัวแรกที่ใช้เทคโนโลยี SkyActiv ในการสร้างบอดี้ เครื่องยนต์ เกียร์ ระบบขับเคลื่อนต่างๆ อย่างแรกเลยที่เตะตาคนแน่นอนโดยเฉพาะบรรดาสาววัยรุ่น ก็คือรูปทรงที่เซ็กซี่เหมือนเรือนร่างสตรี มีความเป็นญี่ปุ่นบวกกับดีไซน์รถอิตาเลียนอย่าง Maserati ที่ดูเหมือนรถมันอยากจะวิ่งไปข้างหน้าตลอดเวลาแม้ที่จริงจะติดแหง็กอยู่หลังไฟแดงก็ตาม ภายในก็ถือว่าทันสมัยแม้วัดด้วยมาตรฐานปัจจุบัน การวางสวิตช์ควบคุมระบบต่างๆ คิดมาดีโดยคำนึงถึงพฤติกรรม ร่างกาย และวิธีการขยับตัวของมนุษย์ตามธรรมชาติ ถ้าคุณพร้อมวางเงินห้าแสน คุณสามารถจบกับรุ่น SP/SP Sports ตัวท็อปในปีสุดท้ายของการผลิตคือ 2019 ได้เลย ซึ่งคุณจะได้อุปกรณ์ความปลอดภัยครบเกือบเท่ารถสมัยใหม่ ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้วไม่ต้องเปลี่ยนก็สวยเลย และมี Head-Up Display มาให้

การขับขี่คือจุดที่ Mazda พยายามขายมาโดยตลอด และกับ SkyActiv 1 ในโฉมนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ในบรรดารถคลาสนี้ Mazda ทิ้งห่างคู่แข่งรายอื่นเรื่องอรรถรสของการขับขี่ ช่วงล่างเดิมๆ ไม่ได้นุ่ม แต่ก็ยังพอใช้รับพ่อแม่แฟนไปกินข้าวได้ เกาะถนนดี พวงมาลัยคมกริบ เลี้ยวอย่างไรก็ไปตามสั่ง โดยที่ตัวรถไม่โย้ คนนั่งก็ไม่เมารถง่าย กดโหมด Sport แล้วลองซัดดู จะพบว่าคนญี่ปุ่นก็ทำรถบ้านให้ขับสนุกได้จริง คิกดาวน์ปุ๊บ เกียร์กุลีกุจอเปลี่ยนให้เร็วแบบถวายชีวิต พลังเครื่อง 165 แรงม้าจากความจุ 2.0 ลิตรไร้เทอร์โบ ไม่อืดหรอกเมื่ออยู่ในรถตัวเท่านี้ แต่อาจจะขาดพลังในช่วงแซง โดยเฉพาะแถวๆ 60-140 ซึ่ง Mazda จะสู้รถเทอร์โบไม่ได้

จุดอ่อนของรถรุ่นนี้ อยู่ที่การเก็บเสียงลมซึ่งทำได้แย่กว่าเกณฑ์เฉลี่ยของคลาส วิ่งเกิน 120 เมื่อไหร่เวลาจะคุยกับคนข้างๆ มันชวนคว้าโทรโข่งยิ่งนัก กับพื้นที่ภายในซึ่งดูแล้วรู้เลยว่าไม่ต้อนรับคนอ้วนตัวใหญ่ แคบ เตี้ย ยิ่งพื้นที่ด้านหลังนั้น น้อยจนบางทีรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินหรือเปล่าเวลาไปนั่ง ก็คือสิ่งที่ต้องยอมแลก ถ้าอยากได้รถสวย และที่สำคัญคือ สีแดงของรถรุ่นนี้ สวยมาก แต่อย่าชนล่ะ เพราะจะเก็บงานให้กลับมาเหมือนเดิมก็ไม่ง่ายเช่นกัน

และนี่ก็คือ รถ 5 รุ่นจากแบรนด์ที่ไม่ใช่เจ้าตลาดในสัปดาห์นี้ครับ แต่ละคัน มีรสชาติประจำตัว แต่แบบไหนที่เหมาะกับคุณ? ถ้ายังไม่รู้สึกว่าพอใจในรถสักคันในตัวเลือกเหล่านี้ ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะผมจะได้เก็บเนื้อหาเอาไว้ปั่นบทความส่งน้าฉ่างได้อีกเรื่อยๆ ไงครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

Pan Paitoonpong