ใครอยากลองสัมผัสรถที่ตัวเองเคยอยากได้สมัยยังเป็นวัยรุ่นบ้าง? นี่คือ Honda จากสองทศวรรษก่อนที่ออกมาจากโรงงานพร้อมพลัง 220 แรงม้า วิ่งควอเตอร์ไมล์จบภายใน 15.9 วินาที ขับสบายรับได้ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ราคาตอนป้ายแดงเกือบล้านหก ในวันนี้หารด้วยสิบ คุณก็เป็นเจ้าของได้

เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ผมได้เขียนบทความกล่าวถึง “รถนอกกระแส แก่แต่เท้าไฟ” และได้กล่าวถึง Honda Accord V6 โฉมตัวถัง CM6 เอาไว้ถึงความน่าเล่น จากราคามือสองที่ทุกวันนี้เริ่มตั้งแต่ต่ำกว่าแสนในรถที่สภาพพร้อมพัง ไปจนถึงแสนกลางกับรถที่พร้อมใช้ บวกกับความเป็นรถตัวไม่เล็กเพราะยาว 4.83 เมตร กว้าง 1.82 เมตร ทำให้ใช้เป็นรถครอบครัวได้ นั่งสบาย และแน่นอนความไม่เหมือนรถครอบครัวญี่ปุ่นทั่วไปจากสุ้มเสียงของเครื่อง V6 ที่นวลหู หวานกว่าสี่สูบทั่วไป และมีพลังที่สัมผัสได้ทันทีที่กดคันเร่ง ในวันนี้ โชคดีที่น้องโม จากช่อง Youtube “Saturday Road” ได้จับ Accord V6 มา ผมได้โอกาสจึงขอลองขับแก้คิดถึงสักหน่อย แล้วก็พบว่าบางอย่างที่ผมเคยเขียนไว้ในบทความเดือนพฤษภาคม ก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้นเสมอไป จะเป็นอย่างไร เดี๋ยวเฉลยให้ฟังแน่นอน

...

Accord เจเนอเรชันที่ 7 นี้ บ้านเราได้รถบอดี้ USA เช่นเดียวกับเจเนอเรชันก่อน เพราะ Honda มองว่าตลาดรถ D-Segment ในขณะนั้น ลูกค้าตัวจริงชอบรถที่มี Road Presence คือดูใหญ่ ดูมีบารมี ขนาดเจ้าตลาดอย่าง Toyota ที่เคยสบายใจกับรถอย่าง Corona และ Exsior ก็มีการนำ Camry ซึ่งเป็นรถ Wide body แบบออสเตรเลียมาขายชิมลาง เมื่อยอดขายไปได้ดี ก็ล้ม Exsior ทิ้ง เหลือแต่ Camry แล้วก็ทำเจเนอเรชันต่อมาให้ตัวโตขึ้น ใส่เบาะหนัง ใส่ลายไม้ทำเป็นรถหรูไป แน่นอนว่า Accord ก็โตตามในลักษณะคล้ายกัน แต่บนแนวทางที่แตกต่าง Toyota มาแนวเอาใจคนแก่ เน้นช่วงล่างนุ่มย้วย ตัวรถดูใหญ่ Honda มาแนวผู้ใหญ่ใจเด็ก เน้นความสปอร์ตมากกว่า เน้นพลังเครื่องยนต์มากกว่า วัยรุ่นพวกเล่นรถแต่งจึงนิยมกันมาก สมัยผมใกล้จบมหาวิทยาลัยที่ศาลายา มีรุ่นน้องชื่อบ๊อบบี้ ขับ Accord V6 พาร์ท Mugen ยกลำ เก๋มากครับ

Accord ที่น้องโมจับมาขายนี้ เป็นรถลอตปลายปี 2003 ซึ่งเป็นโฉมก่อนไมเนอร์เชนจ์ตัวแรกๆ โมจับมาซ่อมบางรายการเพราะเขากะจะสนองฝันวัยเด็กที่อยากมีรถรุ่นนี้ในครอบครอง แต่ท้ายสุด ดูเหมือนว่า BMW 116i จะโดนใจเขามากกว่าเสียอย่างนั้น ก็เลยคิดจะขาย แต่ก่อนขายก็นำมาให้ผมลองขับเล่นครึ่งวัน สภาพรถคันนี้ ภายนอก ส่วนที่ไม่เดิมคือล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ซึ่งทำให้ผมคิดได้ว่า น้องๆ พี่ๆ ครับ วันนี้ใครซื้อรถสภาพเดิมมาแต่ง เชื่อผมนะว่าอย่าขายล้อเดิมออก พออยากทำกลับเดิมๆ ดูเรียบๆ จะได้ไม่ต้องมาวิ่งหาล้อกันรอบเมืองอย่างที่เราพยายามอยู่ตอนนี้ ล้อของ Accord V6 CM6 ก่อนไมเนอร์เชนจ์ จะเป็นแบบ 7 ก้าน คนละลายกับรุ่น 2.4 ลิตร (5 ก้าน) และหาล้อมือสองยากมาก เวลาไม่ได้ใช้ล่ะเต็มตลาด เวลาอยากได้ หาไม่เคยเจอ

นอกจากนี้แล้ว จุดแตกต่างระหว่าง Accord V6 (CM6) และ Accord 2.4 (CM5) ถ้ามองจากภายนอก ก็คือไฟหน้า ดูที่เลนส์ไฟ จะมีเส้นแนวนอนวิ่งผ่ากลางเลนส์ไฟ ถ้าเป็นรุ่น V6 เส้นนี้จะขนานกับเส้นบนของกระจังหน้าพอดีและเป็นไฟหน้าซีน่อน แต่ถ้าเป็นรุ่นสี่สูบเส้นกลางเลนส์ไฟจะยกตัวสูงกว่าเส้นบนของกระจังหน้าและเป็นไฟหลอดเหลืองฮาโลเจน นี่คือรถลอตปี 2003-2004 นะครับหลังจากนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงกันได้ หรือรถมือสอง 2.4 ลิตรบางคัน เจ้าของก็ไปเบิกไฟหน้าซีน่อน V6 มาใส่ได้ครับไม่ต้องแปลกใจ ไฟตัดหมอกรุ่นนี้จะมีเฉพาะ 2.4 EL ตัวท็อปกับ 3.0 V6 เท่านั้น จากนั้นจุดต่างก็จะมีซันรูฟ ซึ่งนี่คือจุดที่รถ V6 เท่านั้นจะมีไม่ว่าจะเป็นรถก่อน หรือหลังไมเนอร์เชนจ์ ส่วนด้านท้ายนั้นจุดต่างจะอยู่ที่โลโก้ 3.0 V6 และปลายท่อไอเสีย ซึ่งรถ V6 จะแยกออกเป็นสองข้าง และเป็นหม้อพักจริง ไม่ใช่ทำสองข้างไว้หลอกเด็กแบบพวก Wannabe ซิ่งสมัยนี้ นี่ล่ะคือจุดที่ทำให้วัยรุ่น Y2K ชอบ เพราะใส่ท่อแต่งแล้วทรงดูโหดขึ้นเยอะ

...

ภายใน มีทั้งจุดเด่นและด้อยเมื่อมองในแง่การใช้งานในปัจจุบัน ดีไซน์แดชบอร์ดยังดูไม่ตกยุคมากนักเพราะ Accord ในยุคนั้นโดนด่าจากรุ่นเก่าไว้ว่าทำภายในออกมาดูเชยแหลก พอมาเป็น Gen 7 เขาเลยแก้แค้น ทำจนดูสปอร์ตสวยมากในวันของมัน เด็กสมัยใหม่เห็นแล้วอาจจะตกใจความบ้าของคนรุ่นน้าที่โค่นป่าฆ่าวัวควายเอาไม้เอาหนังมาตกแต่งในรถทำบ้าอะไรเยอะแยะ..สมัยนั้นน่ะคาร์บอนหรือวัสดุแปลกใหม่อย่างรถยุคนี้ ยังหาได้ยากครับ ยุคน้าเขามีปรัชญาว่า อยากหรูเหรอ? ใส่ลายไม้ ใส่หนังเขาไปสิเดี๋ยวมันก็หรูเอง สมัยนี้เด็กๆ คงชื่นชอบภายในคาร์บอน..เฮ็กซาก้อน..กับเบาะที่ไม่ไปล้มวัวล้มควายเอาหนังมาหุ้มมากกว่า (จริงๆ แล้วในรถระดับ Accord สมัยนั้น ก็มีหนังเทียมหุ้มหลายจุด และไม้ที่เอ็งเห็นจริงๆ คือ พลาสติกจ้า)

...

แต่นิยามความทันสมัยในยุคน้าก็มีจุดเสีย..ในยุค Y2K และหลังจากนั้น รถญี่ปุ่นจะฮิตการออกแบบ “Integrated Controls” หรือการออกแบบชุดควบคุมเครื่องเสียงกับเครื่องปรับอากาศให้ดูเหมือนผนวกเป็นส่วนหนึ่งของแดชบอร์ด ไม่ใช่แยกช่อง 1DIN 2DIN แบบรถยุค 90s ซึ่งในกรณีของ Accord รุ่นนี้ จอที่อยู่ใต้ช่องแอร์กลาง จะโชว์ทั้งระบบเครื่องเสียงและระบบปรับอากาศ วันเวลาผ่านไป เมื่อจอนี้เจ๊ง ก็จบเห่ดิครับ ดูอะไรไม่ได้สักอย่าง หรือพอคุณคิดอยากใส่เครื่องเสียงยุคใหม่ๆ ที่มี Bluetooth, CarPlay/Android Auto ก็ต้องย้ายมาติดตั้งข้างล่างแบบเจ้าคันนี้ซึ่งจอบนมันเจ๊งไปแล้ว ยังดีว่าปุ่มอุณหภูมิแอร์มีขีดบนปุ่มหมุนเอาไว้เล็งได้ พอจะกะความร้อน/เย็นได้บ้าง นี่ล่ะครับ หลานๆ ที่ซื้อรถรุ่นใหม่ๆ จอใหญ่ๆ ไร้ปุ่มใดๆ บนแดชบอร์ด ก็ให้ดูไว้ครับว่ามันพังกันได้เมื่อถึงเวลา นี่ไงคือเหตุที่คนรุ่นน้าไม่ชอบให้เอาทุกอย่างยัดบนจอหมด

ด้วยความที่ราคาแพงสุดในหมู่ D-Segment ณ วันที่มันขาย Accord V6 จึงต้องมีอุปกรณ์ในระดับที่ไม่น่าเกลียด คุณลืมพวกกล้องหลังกับเทคโนโลยีเรดาร์ทั้งหลายไปเลยเถอะเพราะไม่ใช่ยุคของมัน แต่คุณยังได้เบาะไฟฟ้าคู่หน้า (เบาะฝั่งคนนั่งปรับสูง/ต่ำไม่ได้..ซึ่งสมัยนี้ Honda ป้ายแดงล้านกว่าก็ยังเป็นแบบนี้อยู่) ได้แอร์ออโต้แบบ 2 Zone และสิ่งที่รุ่น 3.0 V6 มี แต่รุ่น 4 สูบไม่มี (ในรุ่นปี 2003-2004) นั่นก็คือ Cruise Control บนก้านพวงมาลัยด้านขวา ส่วนก้านซ้าย เป็นปุ่มใช้คุมเครื่องเสียง ไม่มีไฟหน้าออโต้หรือปัดน้ำฝนออโต้ แต่พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศนะ ซึ่งสมัยนั้น Nissan Teana ยังปรับได้แค่ขึ้น/ลงอยู่เลย ส่วนเรื่องความสบายกับพื้นที่ แน่นอนว่าตัวรถใหญ่ยาว 4.8 เมตรนั้น ให้พื้นที่ขยับตัวชนิดที่คนอเมริกันขับแล้วไม่บ่น แต่ตัวเบาะของ Accord Gen 7 นี้ อาจจะเล็กถ้าเทียบกับรถยุคปัจจุบัน

...

สิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้แล้วผิด ที่ได้เรียนไปข้างต้นก็คือวัสดุต่างๆ ที่ใช้ทำภายในกับอุปกรณ์ ผมคิดว่ารถญี่ปุ่นสไตล์ครอบครัว ใช้ไปนานๆ ชิ้นส่วนไม่อ่อนแอ กรอบแตกพังง่ายแบบรถยุโรป แต่อันที่จริง เวลา 20 ปีก็ทำร้ายรถอย่าง Accord ได้เช่นกัน อย่างเจ้าคันนี้ ผ้าหลังคาห้อย แผงบังแดดฝั่งคนนั่งห้อย ลิ้นชักเก็บของตัวขายึดชำรุด เปิดกระแทกแรงๆ มีร่วง และฝาปิดช่องวางของหลังคันเกียร์ก็ใกล้กลับบ้านเก่าแล้วเหมือนกัน ไม่มีอะไรชนะกาลเวลาได้ แต่ผมก็จะเอาสีข้างเข้าแถก แล้วบอกว่าเออ..ถ้าคุณเทียบ Accord อายุ 20 ปีกับ BMW อายุ 20 ปี ยังไงๆ รถญี่ปุ่นก็มีวัสดุภายในทนมือทนเท้ากว่าแหละว้า

ดูรอบคันเสร็จแล้วก็เสียบกุญแจ สตาร์ต..ใช่จ้า รถยุคน้ายังต้องบิดกุญแจสตาร์ตอยู่ ไม่มีปุ่มให้กดเก๋ๆ แต่ทันทีที่บิดสตาร์ต น้องโมร้องลั่น จะบอกอะไรผมสักอย่างแต่บอกไม่ทัน รู้ตัวอีกทีคือผมบิดกุญแจแรงไปนิด ตัวกุญแจแยกร่างครับ แยกร่างเป็นชิ้นๆ เลย เพราะนอตยึดบางตัวมันหายไป แถมตอนประกอบกลับ ผมเอาชิ้นส่วนมาไม่ครบ น้องโมต้องไปคลำๆ ที่พื้นรถถึงเจอตัวแผง Immobilizer กุญแจขนาดเล็กมากที่หล่นอยู่ เอามาใส่ในกุญแจแล้วประกอบกลับ ถ้าไม่มีแผงที่ว่านี่ รถสตาร์ตไม่ติดนะครับ

เอาล่ะ บิดกุญแจอีกที เบาๆ แกร๊ก เสียงเครื่องยนต์ J30A4 VTEC SOHC ติดกระหึ่มขึ้น แล้วค่อยๆ ผ่อนลงมาครางที่รอบเดินเบา เสน่ห์ของหกสูบคือจังหวะการจุดระเบิดที่ถี่กว่าเครื่องสี่สูบ บวกกับความจุที่โตทำให้เสียงเครื่องตอนเดินเบาทุ้มนุ่ม พอเบิ้ลเครื่องเล่นก็จะแผดหวาน บางคนจึงชอบคาแรกเตอร์แบบนี้ เครื่องยนต์ J30 นี่ อันที่จริงก็มีติดตั้งขายใน Accord Gen. 6 ขายในไทยด้วย แต่ใน Gen. 7 ได้พลังเพิ่มมา 20 แรงม้าจากการปรับท่อไอดีใหม่ ใช้ลิ้นคันเร่งไฟฟ้า ปรับระบบ VTEC SOHC เป็นแบบ 3 กระเดื่อง ขยายวาล์วและเพิ่มอัตราส่วนกำลังอัด สิ่งที่ทำให้ Gen. 7 วิ่งไวทันใจกว่า Gen. 6 อีกส่วนหนึ่งก็มาจากการเปลี่ยนจากเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ เป็น 5 จังหวะ

เพียงแตะคันเร่งเบาๆ รถจะกระโจนไปข้างหน้าอย่างดุเดือด เปล่าครับ เครื่องไม่ได้แรงบ้าคลั่งอะไรขนาดนั้น แต่เป็นการเซ็ตคันเร่งที่ทำมาจากโรงงานให้คุณจิ้มนิ้วเท้าก็ไต่ความเร็วได้..แต่ผมมองว่าคันเร่งเซ็ตมาไวเกินไปนิด ในการขับขี่ จุดที่ทำให้สนุกอยู่ที่เครื่องยนต์นี่ล่ะครับ แม้ว่าจะเป็นเครื่องความจุโต แต่ลากรอบสนุก กวาดแตะเรดไลน์แบบมีความกระตือรือร้น ตอนมาใหม่ๆ Accord V6 คือรถที่ทำ 0-100 ได้ภายในเวลาไม่ถึง 9 วินาที และไต่สู่เพดานความเร็วที่ล็อกไว้ 210 ได้ไม่นาน ไม่ลุ้นปัสสาวะเหนียว อย่างไรก็ตาม กาลเวลาและความเสื่อมของจักรกลที่ใช้งานมากว่า 300,000 กิโลเมตรนั้น ทำให้ตัวเลขหย่อนยานลงบ้าง อย่าไปคาดหวังว่าคุณขับ Accord 3.0 ลิตรแล้ว เจอ Accord ตัวใหม่ 1.5 Turbo แล้วไปเปรี้ยวใส่ รถใหม่ยังไงก็สด รถเก่า..ขึ้นอยู่กับการดูแล แต่ถ้าคุณดูแลได้ดีจริงๆ รถอายุ 20 ปีอย่างเจ้านี่ ไล่รถเทอร์โบ 190 แรงม้าป้ายแดงให้เหงื่อตกเล่นได้แล้วกัน

แล้วก็อย่าลืมว่า ในยุคที่ Accord วิ่ง 0-100 ใน 8.8 วินาทีนั้น รถกระบะที่แรงสุดในตลาดยังอยู่แถวๆ 150 แรงม้าอยู่เลยนะครับ และรถบ้านทั่วไป 0-100 ก็มี 11-13 วินาที นี่คือเหตุที่รุ่นน้าๆเขาจะบอกว่ามันแรงนะ ในยุคสมัยของมัน พวกคนที่ซื้อไปก็ชอบเอาไปไล่พวก BMW หกสูบเล่นกัน ไปโดนขึ้นหายเอาตอนติดล็อกความเร็ว พวกเพื่อนๆ ผมก็ไปหากล่อง ECU จากรถสเปกอเมริกามาใส่ ได้ม้าเพิ่ม ได้ปลดล็อกความเร็ว..นั่นล่ะเราเป็นพวกโรคจิตชอบเสียเงินกับเรื่องแบบนี้

ในเรื่องช่วงล่างกับการบังคับควบคุม Accord V6 คันนี้ยังมาจากยุคที่ใช้พวงมาลัยเพาเวอร์ไฮดรอลิก ดังนั้นเวลาถอยจอดจะหมุนแล้วหน่วงมือพอๆ กับกระบะปี 2023 แต่ผู้หญิงอายุ 65-66 ที่ชินกับพวงมาลัยรถยุคเก่ายังสามารถหมุนได้ครับ ส่วนช่วงล่าง คันนี้ก็ยังให้ความรู้สึกแบบที่ว่า “เออ ใช่เลยนี่คือ Honda ยุคนั้น” กล่าวคือ มันไม่ได้นุ่มนวลแบบ Camry นั่นคือสาเหตุที่ป้าๆลุงๆ มักไม่ซื้อรถรุ่นนี้ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ให้ความมั่นใจกว่า ย้วยยวบน้อยกว่า Camry เช่นกัน แต่ถ้าใครบอกว่าทรงตัวดีทิ้งโค้งมั่น มันยังไม่ได้ดีขนาดนั้นครับ Accord นี่ช่วงล่างแบบบ้านๆ ไม่นุ่ม ไม่แข็ง ไม่เฟิร์ม แต่ไม่น่ารำคาญ ไม่สุดโต่งสักทาง

จุดอ่อนของการขับขี่ ผมว่าอยู่ที่เบรกครับ เรื่องโช้คสปริง ผมยังพอขับแบบเดิมๆ ได้ แต่เบรกดิสก์ 4 ล้อ กับผ้าเบรกสเปกโรงงานนี่ ขอโทษนะ..เขาใช้สเปกเดียวกับรุ่น 2.4 ลิตรเลย ทั้งที่ตัวรถหนักขึ้น 90 กิโลกรัมและแรงม้าเพิ่มขึ้น 60 ตัว ..ไม่พอครับ ให้พ่อผมขับยังไม่พอแก่เท้าท่านเลย ใครที่จับ Accord V6 มา แล้วขับเร็ว อย่างน้อยเปลี่ยนผ้าเบรกให้เป็นเกรดซิ่งเสียเถอะครับ

สำหรับเรื่องการซ่อมบำรุง ผมสอบถามน้องโมมาให้เผื่อแล้วครับ นอกจากภายใน กับอวัยวะพลาสติกที่เสื่อมตามกาลเวลา จุดอ่อนอีกอย่างของเจ้าคันนี้ ก็คือเกียร์มันพังโคตรบ่อย รถคันนี้วิ่งมาสามแสนกิโลเมตร โอเวอร์ฮอลเกียร์โดยเจ้าของเก่าไปแล้วสองรอบ พอมาถึงโม โมก็ควักสามหมื่น โอเวอร์ฮอลไปอีกรอบ ดูเหมือนว่ามันอยากจะพังทุก 100,000-150,000 กิโลเมตรเลยครับ ต่างจากเกียร์ของรุ่น 2.4 ลิตรที่ผมเคยเจอรถวิ่งมา 300,000 กิโลเมตรเกียร์เดิมยังใช้งานได้ดี นอกจากนี้ อีกจุดที่เสื่อมตามอายุคือโซลินอยด์ VTEC ซึ่งอาการก็คือ เวลาเร่งแซงรอบสูง เครื่องตื้อ กำลังหาย ไฟเช็กโชว์ นอกเหนือจากนี้ไป จุดที่รถโมยังไม่เป็น แต่หลายคันเจอ คือท่อยางน้ำมันเพาเวอร์ และท่อยางในเครื่องมักถึงวัยเสื่อม รั่ว แล้วมันจะสเปรย์น้ำมันไปทั่วห้องเครื่อง ถ้าไปโดนท่อไอเสียก็ควันโขมง แต่ของคันนี้ยังใหม่อยู่ครับ น่าจะเปลี่ยนมาก่อนแล้ว

พอยามเย็นตะวันใกล้ลับฟ้า ผมส่งกุญแจคืนน้องโม แล้วก็เข้าใจว่าทำไมบางคนยังอยากได้รถอย่าง Accord V6 รุ่นนี้อยู่ มันคือรถที่ทำมาเอาใจความเป็นครอบครัว แต่หัวใจของมันออกไปในแนวซิ่ง เป็นรถใหญ่ที่ขับสนุกตอนเร่ง แต่ยังเหลือจุดที่สามารถปรับแต่งต่อให้กลายเป็นรถยุคหลัง Y2K ที่ดูเก๋ได้ง่ายๆ โดยที่ชุดแต่ง ชิ้นส่วนหลายอย่าง รวมถึงราคาตัวรถไม่โดนปั่นจนเวอร์เกินเหตุแบบพวกรถญี่ปุ่นขับหลังตัวโต เป็นรถที่จะขับแบบผู้ใหญ่ๆ ก็ได้ ขับแบบเด็กซิ่งก็พอได้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เข้าใจว่าทำไมรถแบบนี้ถึงค่อยๆ หายไปจากตลาดและแทนที่ด้วยรถไฮบริด..ก็เพราะรถหกสูบแบบนี้ ถ้าไม่ติด LPG คุณก็จะเจอกับตัวเลข 5-8 กิโลเมตรต่อลิตร เราจะไม่จนตอนซื้อรถ แต่จะทยอยจนตอนจ่ายค่าน้ำมัน เว้นเสียแต่ว่าคุณคบก๊าซซะ ก็เท่านั้น สำหรับผม มันเหมาะจะเป็นรถเสริมทัพในบ้าน ไว้ขับแก้เบื่อ มากกว่าจะเป็นรถเอาไว้ใช้วิ่งงานคันเดียวในบ้านอยู่ดี

สำหรับรถ Accord V6 สีเทาคันนี้ ถ้าใครสนใจจะจีบ ลองทักไปหาน้องโมได้ครับ ถ้ามี LINE ก็แอด “Themovrs” ไป หรือถ้าถนัด Instagram ก็ไปทักเขาได้ที่ Saturday_cars ครับ รถอาจจะไม่ได้สภาพนิ้ง 100% แบบใช้คำว่าเหมือนรถใหม่ แต่อย่างน้อยพวกงานแพงๆ อย่างเกียร์ และเครื่อง โมเขาจบให้คุณไปแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่จะเจรจากันครับ.

Pan Paitoonpong