ไทยรัฐออนไลน์วันอาทิตย์นี้เราเปลี่ยนมาคุยเรื่องรถมือสองกันบ้างหลังจากที่เขียนเรื่องรถ EV แดนมังกรมาสองสัปดาห์แล้ว บ่ายวันหนึ่งผมรับแชตจากน้องฮาร์ทช่อง YouTube Carnest มาชวนคุยเรื่องการหารถขับหลังที่สามารถใช้ฝึกทักษะในสนามระดับมือสมัครเล่นได้ แม้ว่าเจ้าตัวจะมี GR86 ใหม่เอี่ยมอยู่แล้ว ก็รู้สึกเสียดายหากจะเอารถค่าตัวสองล้านแปดมาขับอัดในสนามแบบไม่กลัวเสียสวย ในยุคนี้หายากเหลือเกินครับ..เด็กยุคใหม่มักสนใจรถที่เจ้าของนั่งแชตมือถือแล้วรถขับเองได้ มีน้อยที่จะยังชื่นชอบรถแบบที่เน้นเรื่องการขับขี่แล้วตั้งใจที่จะฝึกฝนตัวเองให้ขับได้เป็นเลิศแบบนี้ แต่จุดเริ่มต้นของปัญหาคือ พวกเรามองหารถ RWD ขับเคลื่อนล้อหลัง ที่มีการบังคับควบคุมดี เอามาวิ่งฝึกหัดตัวเอง หรือวิ่งสนามแบบขำๆ ได้ ราคารวมงบซ่อมไม่เกินอีโคคาร์ป้ายแดงตัวท็อป

...

มีหลายวิธีที่คุณเลือกได้เพื่อการรับประสบการณ์แบบรถขับหลังในงบเท่านี้ ถ้าคุณอยากเก่งจริงๆ มันมีนะครับ รถปีเก่าอย่าง Cefiro A31 ที่โมดิฟายมา 300-500 แรงม้าในงบประมาณนี้ หรือจะลุ้นกับ 200SX S13 ที่ราคาแพงระยับแล้วก็ได้ นี่คือรถแบบที่คนรุ่นน้าอย่างผมใช้ฝึกเล่นกับขับหลังสมัยพวกเราเป็นวัยรุ่น แต่ทุกวันนี้พอเจอรถญี่ปุ่นเก่า จะมีเรื่องที่ต้องกังวลอย่างหนึ่งว่าถ้าฝึกในสนาม หรือวิ่ง Track day เล่น จะไม่ค่อยมีใครอยากวิ่งใกล้คุณเพราะสะกิดชนตู้มนึง ก็ไม่รู้จะไปหาอะไหล่ที่ไหน มันจึงเป็นรถแบบที่ “คนเงินเหลือ” เขาเล่นกัน ความลำบากของพวกนักซิ่งวันนี้คือ อะไรก็ตามที่ 1. เป็นรถญี่ปุ่น 2. ขับหลัง 3. โมดิฟายง่าย มักยากเรื่องอะไหล่เพราะเพื่อนๆอาหรับ ตะวันออกกลาง กับรัสเซีย โกยอะไหล่กันแทบหมดเกาะญี่ปุ่นแล้ว

หรือคุณจะเล่นรถกระบะก็ได้ ผมเองก็เลือกไปเวย์นี้ เพราะนี่คือรถที่ทำมารองรับการทารุณกรรม วิ่งถนนแย่ บรรทุกสองสามตัน มันก็ทำได้ คุณเอามาวิ่งตัวเปล่าในสนาม ขี้คร้านรถมันจะยิ้มแป้นแล้นใส่ ยิ่งเป็นพวกกระบะญี่ปุ่นเจ้าตลาด โมดิฟายง่าย อะไหล่บานเบอะ แต่บางคนก็ไม่ชอบ อาจจะเพราะลักษณะของรถที่หัวหนักท้ายเบากับพวงมาลัยที่ยังเซตไว้เผื่อการบรรทุกหนักจึงตั้งค่าให้ตอบสนองไวมากแบบรถเก๋งไม่ได้ เอ้า..ถ้าคุณไม่เอารถกระบะ ก็ลองดูรถคันที่ผมจะนำเสนอในสัปดาห์นี้ครับ

นี่คือ BMW 116i รหัสตัวถัง F20 ซึ่งมองจากข้างนอก มันเหมือนเจ้าแร็คคูน Rocket ใน Guardians of The Galaxy ชะมัด ตัวกึ่งจะกลมๆ แอบฟูนิดๆ มีแววตาที่ช่างสุดแสนเศร้าสร้อยเหมือนกัน แต่คนที่ขับส่วนมากจะแฮปปี้ เพราะไอ้แร็คคูนนี่มันแสบเข้าขั้นครับ F20 ได้วิศวกรรมแบบรถขับหลังสไตล์ BMW มา 100% และเป็น 1 Series รุ่นสุดท้ายที่ขับหลัง เพราะรุ่นต่อมา (ที่ไม่ได้เข้ามาขายในไทย) เปลี่ยนไปใช้โครงสร้างของ MINI ขับเคลื่อนล้อหน้าแทน ถอดเปลือกนอกของมันออก แล้วคุณจะเห็นว่าตัวเครื่องยนต์ ถูกวางร่นเข้ามาชิดผนังมากจนแทบจะไม่เลยแนวของล้อหน้าออกมา สัดส่วนหน้ายาว ท้ายสั้น มีการกระจายน้ำหนักหน้า/หลังเกือบได้อัตราส่วน 50/50 ส่วนผสมของเครื่องปรุงเหล่านี้ คือสิ่งที่ทำให้ผู้คนหลังรักการขับขี่สไตล์ BMW มาตลอด และเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการทำรถแบบเน้นขับสนุก ล้อหน้ามีหน้าที่เลี้ยว..ก็เลี้ยวไปสิ ล้อหลังมีหน้าที่ขับเคลื่อน ก็ขับไป..ไม่เหมือนรถขับหน้าที่ล้อคู่หน้าต้องรับภาระทั้งเรื่องเลี้ยวและส่งกำลังขับ

...

นึกภาพเวลาคุณเข้าโค้งยูเทิร์นแคบๆ ในสนาม เมื่อแรงดึงออกด้านข้างเยอะจนคุณต้องโหนกำเกร็งโหนพวงมาลัยสุดชีวิต ถ้าเป็นรถขับหน้า คุณตอกคันเร่งลงไปจังหวะนั้น อย่างดีสุดก็มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยจัดทรงให้รถวิ่งไปตามแนว อย่างร้าย ก็ล้อวงในปั่นฟรีแล้วรถก็แถออกนอกทางโดยที่ล้อยังเลี้ยวอยู่ แต่ถ้าเป็นรถขับหลัง ท้ายรถก็จะสวิงออกอย่างแรง คุณหักพวงมาลัยสวนกลับ (Countersteer) พยายามแก้ให้รถกลับมาอยู่ในทาง ถ้าทำไม่ได้ ก็หมุนคว้าง ถ้าได้ ก็ได้ความบันเทิง สนุกสนาน และอีกอย่างเวลาท้ายรถกวาดทางนึง ล้อหน้าหักสวนอีกทาง เวลาช่างภาพถ่ายออกมาดูเท่สุดโคตร ต่างจากภาพรถที่ล้อกำลังเลี้ยว แต่รถยังพุ่งเลยป้ายออกนอกโค้ง ถ่ายภาพออกมาก็ไม่มีใครอยากเอาไปโพสต์โชว์คนอื่นหรอกครับ มันตลก

...

ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนปีใด BMW 116i F20 จะมีต้นกำลังขับเคลื่อนเพียงแบบเดียว ก็คือเครื่องยนต์ N13B16 ขนาด 1.6 ลิตร เบนซิน เพิ่มพลังด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์ลูกน้อยๆ ของ Garrett รุ่น MGT15 ซึ่งมีแรงม้าให้ใช้ 136 PS ตั้งแต่ 4,400-6,450 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,350-4,300 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ ZF 8 จังหวะ โยกคันเกียร์ +/- ได้ แต่ไม่มีแพดเดิ้ลชิฟท์ พวกคุณอ่านสเปกแล้วอาจจะบอกว่า 136 แรงม้า จะไปพอยาไส้อะไร ก็อาจจะจริงครับเพราะ 116i เดิมๆ นั้น ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ภายในราวๆ 9 วินาทีต้นๆ แต่เวลาขับ คุณจะไม่ค่อยรู้สึกเหมือนรถ 136 แรงม้า เพราะความเป็นเครื่องเทอร์โบยุคใหม่ที่เรียกแรงบิดได้เร็ว บวกกับนิสัยบริษัท BMW ยุคใหม่ที่มักจะระบุม้าแบบถ่อมตัว ในโบรชัวร์บอกว่า 136 พอเอาขึ้นไดโน่แบบยึดดุมล้อวัด ได้ 145-150 ตัวเฉยเลย นิสัยเครื่องเดิมๆ ขับในเมืองจี๊ดจ๊าด กดคันเร่งเพียงเครื่องเดียวรถก็พุ่งดีเหมือนรถดีเซลเทอร์โบ

...

แต่ถ้าคุณกลัวว่าเวลาไปวิ่งสนามแล้วช่วงทางตรงจะแพ้คนอื่น ก็พอมีวิธีปรับปรุงครับ เครื่องยนต์ N-Series ของ BMW ตอบสนองดีมากต่อการจูนแบบ Remap ผมเคยยืนดูคุณจอร์จ Gettuned ลาดกระบังทำไป 3 คัน กล้าพูดเลยว่า ขอแค่คุณหาชุดท่อไอเสียออกจากเทอร์โบ ท่อกลางและหม้อพักใหม่ แล้วก็จูนกล่องเรียกพลัง เอาแบบเน้นเติมน้ำมัน E20 เท่านั้นเลย 116i ก็จะสามารถรีดแรงม้าที่ล้อได้ 190-205 แรงม้าแล้ว เอาไปเล่นกับพวกรถ 2.0 ลิตรเทอร์โบเดิมๆ ได้เลย เป็น Step ที่ขับแล้วไม่น่าเบื่อ และดัดแปลงน้อยมาก เทอร์โบเดิม ไม่เปิดฝาผ่าเครื่องใดๆ ทำกลับสภาพเดิมไม่ยาก ถ้าวิ่งสนามแข่งร้อนๆประจำอย่าลืมอัปเกรดหม้อน้ำและติดตั้งออยล์คูลเลอร์แยกสำหรับน้ำมันเครื่องจะทำให้เครื่องอยู่กับเราได้นานขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่อยากได้ม้าระดับ 300 ตัวขึ้นไป งานนี้หลายแสนนะครับ ถ้ารู้ตัวว่าอยากได้ม้า 300-400 ตัว 116i อาจไม่ใช่คำตอบที่คุ้มการลงทุน

BMW 116i F20 ใช้ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ด้านหลังเป็นมัลติลิงค์ 5 จุด พวงมาลัย Servotronic ช่วงล่างสเปกไทย เป็นแบบมาตรฐาน ซึ่งสำหรับการขับบนถนนหรือแม้แต่การขับแบบฝึกหัดบนสนาม ช่วงล่างชุดเดิมก็ถือว่าเพียงพอ บุคลิกของรถใกล้เคียงรถสปอร์ต พวงมาลัยค่อนข้างหน่วงมือแต่ไม่ถึงกับหนัก อัตราทดพวงมาลัยไวพอสำหรับการขับเข้าโค้งแคบได้โดยไม่ต้องปล่อยมือจากตำแหน่ง 3 กับ 9 นาฬิกา แรงดีดกลับของพวงมาลัยสามารถสื่อสารอาการเกาะของล้อหน้าได้ดีแม้จะไม่ “Direct” มากเท่าพวงมาลัยไฮดรอลิกแบบสมัยก่อน แต่ถือว่าดีเมื่อเทียบกับรถยุโรปสองล้านบาทในยุคนั้น สมองกลควบคุมเกียร์ ZF 8 จังหวะ ในโหมด Comfort ขับสบาย เปลี่ยนเกียร์ไม่กระชาก ในโหมด Sport + คม ไว และเปลี่ยนเกียร์ตามเหมือนมันอ่านเท้าคนขับได้ ผมขับ 116i แล้วไม่ร้องหาเกียร์ธรรมดาเลยครับ ออโต้เดิมๆ ของมันก็สนุกได้ ไม่เสียจังหวะ

ช่วงล่างสเปกเดิมๆ ของ 116i ในสภาพตอนที่สมบูรณ์ จะเป็นแบบที่คนแก่นั่งแล้วบ่นว่าแข็ง แต่นักแข่งขับแล้วบอกว่าย้วย..คือมันเป็นแบบนั้นเพราะเขาต้องเผื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันเอาไว้ ลูกค้า 1 Series ส่วนมากอายุไม่ข้าม 35 ขวบ มันจึงไม่ได้เน้นความนุ่มนวลมากนัก เพราะอยากให้ลูกค้าที่ซื้อรถไปสามารถไปซัดโค้งภูเขาแบบขำขำแล้วรถเดิมเอาอยู่ ขับทางตรงวิ่ง 150-160 ยาวๆ แล้วต้องนิ่งแม้จะเป็นรถเล็ก และหากเทียบกับ A-Class ในปีเดียวกัน BMW ก็ได้ทั้งนุ่มกว่าและนิ่งกว่า ส่วนใครที่คิดว่าจะเอาไปขับกวาดท้ายเล่นในสนาม คุณเปลี่ยนโช้คให้หนึบขึ้น รถก็บังคับควบคุมได้ดีขึ้น ถ้ามีงบมากกว่านั้น อยากจับใส่สตรัทแต่งชุดละ 50,000-150,000 ก็แล้วแต่พลังทางการเงินของคุณเลยครับ รถจะทรงตัวในโค้งได้ดีขึ้นชัดเจน

BMW 116i ในไทยส่วนมากเป็นรุ่น M Sport ซึ่งใส่ยางหน้าขนาด 225/45R17 และยางหลัง 245/40R17 ซึ่งก็พอมียางให้เลือกหลายแบบ คนที่เน้นขับใช้งานทั่วไป หรือคนที่อยากเอามาดริฟท์เล่นแบบฝึกทักษะสามารถเลือกยางถูกยี่ห้อระดับกลางเส้นละ 3,000-4,000 บาทใส่ได้ ส่วนคนที่เน้นการยึดเกาะ ก็มียางสปอร์ตเกรดค่อนข้างดีเส้นละ 5,000-7,000 ให้เลือก ส่วนสายสนาม ถ้าเป็นรุ่นใหญ่เน้นทำเวลา ยาง Semi-racing จะมีให้เลือกน้อยมาก อาจต้องขยับไปหาล้อ 18 นิ้วที่ต้องเลือกล้อนอต 5 รู PCD 120 แบบที่ใช้กับ BMW

ภายนอกของ 116i ตั้งแต่รุ่นแรกยันรุ่นสุดท้าย ดูแล้วจะมองความต่างไม่ค่อยออก แต่ถ้าดูภายใน จะทำให้แบ่ง Model Year ได้ง่ายๆ 116i F20 จะมีสามรุ่นปีครับ

***ปี 2013-2014 รุ่นนำเข้า***

รถลอตแรกๆ เปิดตัว 16 กันยายน 2013 จะมีเพียงรุ่นย่อย M Sport เพียงรุ่นเดียว ราคาป้ายแดง 1.999 ล้านบาท เป็นรถนำเข้าจากเยอรมนีหรือไม่ก็ฮังการี พวกนี้มักมีราคาถูกในตลาด บางท่านร้อนเงินรีบขาย ยื่นให้ 470,000 บาทก็จบการขายได้แล้ว ที่มันถูกก็เพราะอุปกรณ์น้อยสุด จุดสังเกตคือ พวงมาลัยมีลักษณะอวบอูมใหญ่ ภาษาคนเล่นรถ BMW ชอบเรียกว่าพวงมาลัยเปาใหญ่ ระบบปรับอากาศเป็นแบบธรรมดา (ไม่ออโต้ และไม่มีจอแสดงอุณหภูมิ) เบาะนั่ง M Sport หุ้มด้วยผ้าสลับอัลคันทาร่า ปรับด้วยมือ แต่ยืดเบาะส่วนรองน่องได้ ซึ่งบางคันเวลาเก่าแล้วเบาะอาจจะส่งกลิ่นแปลกๆ ต้องลองดมดูเอา และไม่มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ป้ายบอกเลขตัวถังจะเขียนชัดเจนว่า “Made in Germany”

***ปี 2014 ประกอบไทย***

รุ่นนี้เปิดตัวเดือนมีนาคมปี 2014 โดยจะมีสองรุ่นย่อย คือรุ่นธรรมดา ราคา 1.749 ล้านบาท ซึ่งหายากมากในตลาดมือสอง รุ่นนี้จะได้แอร์แบบธรรมดา หน้าปัดมาตรฐาน เบาะแบบทรงปกติ หุ้มหนังสีดำ ปรับยืดส่วนรองน่องไม่ได้แต่เลื่อนและเอนด้วยไฟฟ้าแล้ว ล้ออัลลอย 16 นิ้ว ส่วนรุ่น M Sport จะมีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนรุ่น 2013 ชุดแต่ง M Sport ครบ แต่เพิ่มเบาะปรับไฟฟ้าพร้อมระบบความจำ 2 ตำแหน่งที่ด้านคนขับ เปลี่ยนวัสดุหุ้มเบาะเป็นหนัง ซึ่งมีทั้งแบบสีดำและสีแดง แล้วยังได้เครื่องปรับอากาศออโต้แบบ Dual-zone พร้อมช่องแอร์สำหรับคนนั่งหลังเพิ่มเข้ามา

***ปี 2015 ปีสุดท้ายก่อนไมเนอร์เชนจ์***
ในรุ่นปีท้ายสุดนี้ จะเปลี่ยนพวงมาลัย M Sport เป็นแบบก้านเล็กเรียว ดูสปอร์ตขึ้น ภายนอกเหมือนเดิม บางคนดูภายในแล้วเห็นเบรกมือเป็นคันโยกอาจจะยี้..แปลว่าคุณไม่ใช่คนที่ควรซื้อ 116i มาใช้ครับ เรากำลังพูดถึงรถเอามาฝึกสกิลขับหลัง การใช้เบรกมือคือหนึ่งในทักษะของการดริฟต์ระดับประถม ถ้าอยากได้เบรกมือไฟฟ้า เปลี่ยนไปเล่นรถรุ่นอื่นยังทัน หรือถ้าไม่ได้อินกับรถขับหลังอยู่แล้ว ก็ขอเชิญ Honda ขับหน้าเทอร์โบครับน่าจะใช่แนวคุณมากกว่า

แต่จะว่าไปภายในของ 116i ก็ไม่หรูจริงๆ นั่นละ ขนาดคุยกับคนรัก BMW 116i หลายคนยังบอกเลยว่าอุปกรณ์มันแห้งมาก หน้าปัดยังเป็นแบบเข็ม จอ MID ขนาดนิ้วหัวแม่โป้ง จอกลางมีขนาดเล็กแค่ 6.5 นิ้ว มีลูกเล่นดีเท่ารถญี่ปุ่นล้านบาทสมัยนี้แต่ยังไม่ซัพพอร์ตพวก Apple CarPlay หรือ Android Auto แม้แต่ Cruise Control ยังไม่มีมาให้เลยด้วยซ้ำ แต่ของหลายอย่างสามารถติดตั้งเพิ่มได้ เช่นจอกลาง สามารถเปลี่ยนเป็นแบบ 8.8 นิ้วเท่าพวก 3 Series F30 ได้ Cruise Control รวมถึงพวกเซนเซอร์รอบคัน และกล้อง ก็สามารถติดเพิ่มภายหลังได้

116i ไม่ใช่รถที่ขึ้นชื่อเรื่องความกว้างขวางภายใน แม้ว่าคนทั่วไปจะสามารถนั่งเบาะหน้าได้ไม่ตะขิดตะขวง พื้นที่การขยับตัวต่างจาก 3 Series ไม่มากนัก แต่เบาะหลังจะค่อนข้างแข็งและแคบ ตัวรถยาวแค่ 4.3 เมตรก็จริงแต่ความยาวส่วนหนึ่งก็อุทิศไปให้กับส่วนหน้ารถ ไม่ใช่ห้องโดยสาร ดังนั้นจึงเหมาะกับเป็นรถคนโสด หรือคนมีแฟนวัยกำลังแกร่ง ไม่เหมาะกับการเป็นรถครอบครัวคันเดียวในชีวิต หรือใช้งานในบ้านที่ต้องรับคนแก่แม่เฒ่าไปไหนมาไหนด้วยประจำ พูดง่ายๆ คือ “รับเด็กอะ ได้แน่..แต่ถ้ารับแม่เขาด้วย คงไม่เหมาะ”

สำหรับด้านการใช้งานและการบำรุงรักษา ถ้าคุณคาดหวังความทนทาน ไม่จุกจิก อะไหล่ถูก ซ่อมง่าย ซ่อมศูนย์ก็ยังถูก ใช้ทิ้งใช้ขว้างแล้วยังไม่พาจน แนะนำเลยว่าไปหารถกระบะใช้จะเหมาะกว่า BMW 116i เป็นรถปีไม่ลึกก็จริง แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คุณจะซื้อรถยุโรปอายุ 7-10 ปีมาซิ่งเล่นโดยคิดว่าจะไม่เจออะไรเลย ถ้าคุณกำเงินไว้ 699,000 บาท ผมจะแนะนำว่า มองหารถที่ราคาไม่ข้ามหกแสน แล้วเก็บเงินที่เหลือไว้ซ่อมหรือกันเซอร์ไพรส์จะดีกว่า พวกช่วงล่าง ลูกหมาก ลูกยาง แพหน้าหลัง ใช้ร่วมกันกับ 3 Series F30 หลายชิ้น จึงไว้ใจได้ว่าถึงราคาไม่ถูก แต่มีอะไหล่ให้ซื้อได้ตลอด พาร์ตตัวถัง เก่า ใหม่ พอหาได้เพราะไม่ต้องกลัวแขกกับหมีขาวมาแย่งซื้อ

ในวันที่มันมาใหม่ๆ 116i มี Defect ที่เจอหลายคันคือซีลถังน้ำมันรั่ว เวลาขับรถมาจอดสัก 20 นาทีเดินดมรอบคันจะมีกลิ่นเบนซินฉุนแรงเหมือนรถเก่าๆ ซีลเครื่องมีรั่ว จะเห็นคราบน้ำมันชัดเจน ยิ่งในปีนี้ รถหลายคันจะข้ามหลักแสนโล เวลาซื้อรถให้ดูบิลซ่อม ถ้าคันไหนมีการยกเครื่องออกเปลี่ยนซีลยางทั้งเครื่องมาแล้วและใช้ต่อมาไม่เกิน 20,000 กิโลเมตร..ต่อให้ขายแพงกว่าคันอื่นสัก 4 หมื่นก็คุ้ม เพราะนี่คือสิ่งที่พอเจออากาศร้อนแบบไทยๆ ก็มักจะเสื่อมทุกแสนโล ค่าใช้จ่ายสูงระดับ 80,000 บาทเลยเชียวถ้าจะทำแบบครบๆ ใช้ของดี ถ้าตอนไปซื้อเจ้าของให้ลองขับ หรือขับให้เรานั่งดูได้ ก็ขับสัก 5-10 กิโลเมตร ลองคิกดาวน์ลากรอบบ้าง พอเอารถมาจอดอย่าเพิ่งดับ ลองเบิ้ลเครื่องดู มีควันขาวหรือไม่ ถ้ามี แกนเทอร์โบอาจลาโลกไปแล้ว ค่าซ่อมเทอร์โบประมาณ 25,000-30,000 บาท ส่วนเวลาเร่งรอบสูงหากมีอาการเครื่องสะดุด แต่พอเดินเบาแล้วปกติ หัวเทียนอาจเริ่มเสื่อม ใช้ของ Bosch หรือ NGK ได้ 4 หัว 3,000 บาท

หากวันไหนใช้ๆ ไปแล้วพอเครื่องร้อน รถเดินสามสูบ เสียงเหมือน Subaru Boxer แล้วสั่นทั้งคัน ก็เป็นได้ทั้งหัวเทียนหรือคอยล์จุดระเบิด คอยล์จุดระเบิดเวลาเปลี่ยนให้เปลี่ยนทั้ง 4 ตัว เพราะมันมักจะพังในเวลาใกล้ๆ กัน ใช้งบค่าของ 8,000 บาท สิ่งที่มักพังตามการใช้งานอีกอย่างคือหัวฉีด 4 ตัว ประมาณ 20,000 บาท ซึ่งเมื่อเสื่อม การจ่ายน้ำมันจะเพี้ยนหมด รถจะตื้อเร่งไม่ออก ก่อนเสียเงินซื้อ อู่ BMW เก่งๆ สามารถถอดหัวฉีดมาลองเทสต์ให้คุณได้ว่าพังจริง จะได้ไม่เสียเงินเปล่า และต่อมา ชุดรางโซ่ขับแคมชาฟท์ 35,000 บาท ข้อมูลทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณน้องตี้ Day Dream Drive และคุณณัฐ BMW F20 performance club TH ไว้ด้วยครับ

ส่วนเรื่องเกียร์ ที่หลายคนกลัวกันว่าซ่อมแพงมากนั้น พอถามคนใช้จริง กับถามอู่ซ่อมเกียร์รถยุโรป กลับพบว่าเกียร์ ZF 8HP ไม่ได้เปราะพังง่ายขนาดนั้น แต่อย่าเชื่อใครที่บอกว่าไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตลอดอายุการใช้งาน คุณต้องเปลี่ยนมันบ้าง อย่างน้อยถ้าขี้เหนียวหน่อยก็ 40,000 กิโลเปลี่ยนที ถ้าขับเท้าหนักมากหน่อย 30,000 กิโลเปลี่ยนก็ดี ถึงเกียร์พัง ในปีนี้ ชุดซ่อมเกียร์ของรุ่นนี้ก็เริ่มมีมารองรับแล้ว แต่โอกาสน่าจะน้อย เกียร์ลูกนี้ BMW ใช้ตั้งแต่รถเล็กยันพวกตัวโหดแรงบิดทะลุ 450 นิวตัน มารับ 220 นิวตันเมตรอย่าง 116i น่าจะถือเป็นงานกระจอก

จะเห็นได้ว่าทั้งหมดนี้บางอย่างก็แพงกว่ารถญี่ปุ่นไม่มาก แต่เมื่อรวมยอดแล้วเทียบการซ่อมแบบซ่อมอู่นอกเหมือนกัน BMW ก็ยังต้องการงบซ่อมแบบรถยุโรปอยู่ดี แต่ดีตรงที่อยากได้อะไหล่ชิ้นไหน อู่มักมีให้คุณหมด หาได้ง่ายเพราะเป็นรถที่เล่นกันทั้งโลก และในตลาดอื่นๆ 1 Series คือรถธรรมดาสำหรับการใช้งาน ไม่ใช่รถศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนต้องแย่งกันซื้อหาอะไหล่เก็บสะสม

ส่วนการที่จะบอกว่าเล่นรถรุ่นไหนปีไหนดีนั้น ผมว่ามันสำคัญกว่าที่งบประมาณคุณ เมื่อรู้งบแล้วค่อยมองหาตัวเลือก เลือกรถคันที่สภาพโดยรวมดี เจ้าของซ่อมรถหรือทำอะไรไปแล้วเก็บบันทึกไว้ เก็บหลักฐานไว้ดูย้อนหลังได้ รถไม่ชนหนักมา (อันนี้อาจต้องพาเพื่อนที่ดูรถมือสองเก่งๆ หรือจ้างนักดูรถไปช่วยดู) ส่วนตัวผมชอบรถ 2015 และเลือกคันที่มันเป็นภายในสีแดง เพราะดูแสบแซ่บทรวงไม่จืดตาและได้พวงมาลัยสปอร์ตสวยจบ แต่ถ้างบมันเกิน ผมก็อาจเอารถ 2013 ตัวแรก ไม่ต้องมีเบาะไฟฟ้า ไม่ต้องมีแอร์ออโต้ พอไม่มีสองอย่างนี้ จุดที่จะต้องเสียเงินซ่อมในภายหน้าก็น้อยลง อยากได้พวงมาลัยรุ่นใหม่ ก็ให้อู่สั่งจากนอกมาใส่ให้ก็ได้ เบาะผ้าผสมอัลคันทาร่า กลิ่นอาจจะแปลกในบางคันแต่ไม่มีกลิ่นคันไหนชนะตดคุณได้แน่นอน แถมเบาะผ้าแบบนี้เวลาเข้าโค้งมันรั้งตัวดี เวลาอากาศร้อนก็สบายหลังกว่าด้วย ถ้ามีรถ 2013 สักคันที่ซ่อมไอเท็มใหญ่ๆ แพงๆ มาครบแล้ว และขายในราคาห้าแสนกลาง แบบนั้นผมว่าคุ้มที่จะเล่น

ท้ายสุดนี้ เพื่อนคุณอาจจะมี Subaru BRZ ที่เป็นรถสปอร์ตขับหลังตัวเอ้ ญาติคุณอาจจะมี Nissan 350Z และพ่อของคุณอาจจะมี 200SX S13 แต่ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณไม่ต้องการจ่ายเงินล้านเพื่อให้ได้เก๋งขับหลังมาหวดไล่บุคคลเหล่านี้เล่นสักหน่อย 116i ก็เป็นรถน่ามอง ขับสนุกดุ๊กดิ๊กได้ เวลาขับไปตามโค้งแล้วกดคันเร่ง คุณจะรู้สึกเหมือนคนแก่ที่มีเด็กรุ่นลูกรุ่นหลานเป็นแฟน สนุกได้ ถึงไหนถึงกัน ถึงแม้จะมีบางดอกที่กินเงินเยอะไปบ้าง และไม่ควรคาดหวังความเรียบร้อยผู้ดีแบบคนวัยผู้ใหญ่ แต่บางครั้ง ความสนุกซุกซนนี่ละ เติมความฉ่ำให้หัวใจวัยแก่ได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว ถ้าใครสนใจจะไปเที่ยวกับรุ่นลูก..ถามคนอื่น..แต่ถ้าอยากคุยกับคนขับ 116i ตัวจริงที่มีประสบการณ์ รู้จักร้าน/อู่ดีๆ ก็เข้า Facebook แล้วค้นหากลุ่ม BMW F20 performance club TH ได้ครับ แอดมินณัฐ และเพื่อนๆ ยินดีช่วยเหลือ

..แต่ระวังโดนป้ายยาจนเสียเงินแล้วกัน.

Pan Paitoonpong