“บีวายดี” (BYD) หนึ่งในค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของจีน ที่กำลังเป็นข่าวฮือฮาในบ้านเรา จากการเปิดสงครามราคาดุเดือด ทำเอาตลาดรถยนต์โดยรวมต้องตุปัดตุเป๋ ล่าสุดยังคงเดินหน้ารุกเข้มประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา บีวายดี และ บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าบีวายดีอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ ได้ฤกษ์เปิดโรงงานผลิตรถยนต์บีวายดีประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ณ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ จ.ระยอง
โรงงานแห่งนี้จะเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวา เพื่อรองรับตลาดในประเทศและส่งออกไปยังประเทศอื่นๆในอาเซียน
นับเป็นอีกก้าวสำคัญภายใต้กลยุทธ์การขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทั่วโลกของบีวายดี รวมถึงสะท้อนความมุ่งมั่นที่มีต่อตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนเป็นการสนองนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ เพื่อบรรลุเป้าหมายให้มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 30% ของการผลิตรถทั้งหมดภายในปี พ.ศ.2573
สำหรับโรงงานผลิตรถยนต์บีวายดีแห่งนี้ มีพื้นที่กว่า 948,000 ตร.ม. ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 16 เดือน นับจากพิธีเปิดหน้าดิน มาพร้อมแนวคิดการลดใช้พลังงานและคาร์บอนต่ำ ครบครันด้วยเครื่องจักรกล อัตโนมัติ กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และระบบบริหารจัดการโลจิสติกส์ล้ำสมัย ครอบคลุม 4 ขั้นตอนการผลิตยานยนต์ ได้แก่ การขึ้นรูป การเชื่อม การทำสี และการประกอบ
ทั้งหมดนี้ เพื่อการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูงและได้มาตรฐานสำหรับตลาดประเทศไทย โรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 150,000 คันต่อปี ได้แก่ BYD DOLPHIN, BYD ATTO 3, BYD SEAL และ BYD SEALION 6 รวมถึงสามารถผลิตชิ้นส่วนสำคัญอย่างแบตเตอรี่และระบบส่งกำลังได้อีกด้วย
...
สำหรับในอนาคต เมื่อโรงงานดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบ คาดว่าจะสร้างงานได้กว่า 10,000 ตำแหน่ง
นายหวัง ชวนฟู่ ประธานกรรมการและประธานบริษัท บีวายดี กรุ๊ป แถลงว่าบีวายดีได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วหลังจากเข้าสู่ตลาดประเทศไทยได้เพียง 2 ปี โดยประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำด้านยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าติดต่อกันถึง 18 เดือน
“ในอนาคตบีวายดีวางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเพิ่มเติมในประเทศไทย เราจะผสานความเป็นเลิศด้านการผลิตในประเทศเข้ากับเทคโนโลยีพลังงานใหม่ขั้นสูงของบีวายดี เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น”
ด้าน นายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด แถลงเสริมว่า การเปิดโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งใหม่ของบีวายดีในประเทศไทย เป็นก้าวสำคัญที่ได้แสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทที่มีต่อลูกค้าชาวไทย ควบคู่ไปกับการสานต่อเป้าหมายระดับโลก
“โรงงานแห่งนี้ไม่เพียงจะช่วยให้เราสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ผลิตในไทย แต่ยังตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำแถวหน้าของโลกในอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ ที่สำคัญ เราเชื่อมั่นว่าโรงงานแห่งนี้จะสามารถสร้างโอกาสในการทำงานให้แก่ชาวไทยได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาแรงงานที่มีทักษะให้กับวงการยานยนต์และพลังงานทดแทนได้อีกด้วย นอกจากนี้ โรงงานบีวายดีประเทศไทยจะช่วยดึงดูดการลงทุนและส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อประเทศอย่างมหาศาล”
ขณะที่นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวย้ำว่าในปี พ.ศ.2566 ที่ผ่านมาทั่วโลกมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดประมาณ 14.2 ล้านคัน เราจึงมั่นใจว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะยังคงเติบโตต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่ง
“กลุ่มธุรกิจเรเว่ยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานตามพันธกิจในการขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยพลังงานไฟฟ้า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น การเปิดโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ของบีวายดีในประเทศไทยจะช่วยให้เราสานต่อวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ “NEW FUTURE, YOUR WAY” ที่มุ่งมั่นผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น NEV Nation และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ.2608 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน พร้อมกับขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ”
นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า เราเชื่อว่าการเปิดโรงงานบีวายดีประเทศไทยอย่างเป็นทางการ จะมีบทบาทสำคัญในการรองรับความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของเราในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไทยและอาเซียน
...
“ตอกย้ำวิสัยทัศน์ร่วมกันระหว่างบีวายดีและกลุ่มธุรกิจเรเว่ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูง ที่ตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอของลูกค้าในไทยและประเทศอื่นๆที่ใช้รถยนต์พวงมาลัยขวา”.
เจริญสุข ลิมป์บรรจงกิจ
คลิกอ่านคอลัมน์ “The Issue” เพิ่มเติม