โตโยต้านำรถกระบะไฟฟ้า Hilux REVO BEV มาทดลองใช้เป็นรถสองแถวที่พัทยาโครงการพัฒนาเมืองต้นแบบที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะ คาดพร้อมใช้จริงปี 67 

นายสุรภูมิ อุดมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด หรือ TOYOTA กล่าวว่า โตโยต้าได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและพันธมิตรที่มีเป้าหมายเดียวกันเพื่อร่วมศึกษาในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นทั้งหลาย ตลอดจนความเข้าใจถึงข้อมูลเกี่ยวกับการรับรู้ของผู้คน พฤติกรรมการใช้งาน ภายใต้สภาพแวดล้อมจริงในประเทศไทย

โดยเริ่มโครงการทดลองเพื่อศึกษาวิจัยข้อมูลดังกล่าว ภายใต้ โครงการพัฒนาเมืองต้นแบบที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะ ณ เมืองพัทยา ตั้งแต่ปี 2563 โดยร่วมกับพันธมิตรในภาคส่วนต่างๆ อาทิ องค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงาน ตลอดจนภาครัฐและผู้ประกอบการในจังหวัดชลบุรี ร่วมจัดสร้างระบบนิเวศเพื่อรองรับการใช้งานยานยนต์ที่ทางโตโยต้าจัดเตรียมไว้ให้ผู้คนในชุมชนและนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยาได้ทดลองใช้งานในการเดินทางรูปแบบต่างๆ

เช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด หรือ PHEV, รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ BEV รวมไปถึงความร่วมมือในโครงการเปิดสถานีไฮโดรเจนแห่งแรกของประเทศไทย เพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง หรือ FCEV ที่โตโยต้านำมาสาธิตการใช้งานในรูปแบบของรถรับส่งระหว่างสนามบินอู่ตะเภา เพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจในพื้นที่พัทยา–ชลบุรี

...

สำหรับพิธีลงนามในโครงการพัฒนาเมืองต้นแบบที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะเป็นการตกลงความร่วมมือระหว่างเมืองพัทยา และบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด โดยมีการยกระดับแผนพัฒนาเพื่อสนับสนุนการให้บริการขนส่งสาธารณะด้วยรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ และสนับสนุนการใช้บริการรถยนต์ไฟฟ้าให้ครอบคลุมเมืองพัทยา ทั้งในเชิงจำนวนและพื้นที่

โดยเราวางแผนที่จะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าต้นแบบมาทดลองใช้ภายในโครงการฯ โดยการนำรถกระบะโตโยต้า รุ่น Hilux REVO BEV ซึ่งเป็นรถกระบะพลังงานไฟฟ้า 100% มาทดลองให้บริการในรูปแบบรถโดยสารประจำทางสาธารณะแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยา

ทั้งนี้ คาดว่าจะพร้อมให้บริการได้ภายในปี 2567 และถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ได้มีการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาทดลองให้บริการเป็นรถขนส่งสาธารณะเพื่อพัฒนาไปสู่การใช้งานจริง และวางรากฐานในการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเมืองพัทยาให้มีความทันสมัย และปราศจากมลภาวะ

ขณะเดียวกันโตโยต้ามีความคาดหวังว่า ผลสำเร็จที่ได้รับจากโครงการความร่วมมือนี้ จะสามารถขยายผลเครือข่ายความร่วมมือ พร้อมทั้งสามารถต่อยอดโครงการไปยังภูมิภาคอื่นๆ ต่อไป ในการนำผลการศึกษาไปแบ่งปันกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

เพื่อเป็นประโยชน์ในการวางรากฐานระบบคมนาคมในยุคหน้า ตลอดจนเป็นแนวทางให้โตโยต้าสามารถนำเสนอทางเลือกในการเดินทางที่เหมาะสม ส่งเสริมให้ยานยนต์ที่มีส่วนในการลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมได้ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย และสามารถเติมเต็มพันธกิจในการบรรลุเป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในระยะยาวต่อไป