Toyota Prius เจเนอเรชันที่ 5 บทบาทครั้งต่อไปในเรื่องราวการบุกเบิกของนวัตกรรมพลังงานผสมปลั๊กอินไฮบริด งานวิศวกรรมโครงสร้าง TNGA-C และการออกแบบสไตล์ Dynamic นับตั้งแต่เปิดตัวในปี พ.ศ. 2540 Toyota Prius ได้สร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนต่อ Toyota และโลกใบนี้ มันเป็นรถที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง ในฐานะสัญลักษณ์ของยานยนต์ประหยัดพลังงานที่แท้จริง โดยเน้นไปที่การใช้พลังงานไฟฟ้าผสมผสานกับเครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็ก สำหรับ Toyota Prius เจเนอเรชันใหม่ ซึ่งจะวางจำหน่ายเฉพาะในรูปแบบ Plug-in Hybrid ในยุโรป ก้าวไปอีกขั้นในระบบส่งกำลังและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
...
Toyota แสดงออกอย่างชัดเจนในการมุ่งสู่เส้นทางของความเป็นกลางทางคาร์บอน เทคโนโลยีไฮบริดที่ Prius ถือเป็นผู้บุกเบิกดั้งเดิมนั้น มีความสำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ Prius แบบ Plug in Hybrid เสริมความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของ Toyota ซึ่งมีทางเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้า 100% BEV และรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) การส่งมอบประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนที่หลากหลาย ช่วยลดคาร์บอนและเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า
...
Toyota Prius เป็นรถที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ของ Toyota สำหรับรุ่นล่าสุดยังคงสานต่อจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกดังกล่าว ระบบ Plug-in Hybrid เจเนอเรชันใหม่ของ Toyota เป็นวิวัฒนาการที่มาพร้อมเอาต์พุตมากกว่าเดิม เครื่องยนต์ได้รับการปรับปรุงใหม่ แบตเตอรี่ความจุสูงที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม อัตราการปล่อย WLTP CO2 ที่ต่ำเป็นพิเศษแค่ 19 กรัม/กม. ต่ำที่สุดเท่าที่ Toyota Prius เคยทำได้ในรุ่นที่ผ่านมา
...
Prius Plug-in Hybrid รุ่นใหม่ เป็นรถยนต์ที่มี DNA คู่ขนานกับรถยนต์ไฟฟ้า ระยะทางที่เพิ่มขึ้นจากแบตเตอรี่ที่มีความจุมากกว่าเดิม วิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียวก็ไกลกว่าเดิม ระยะทางที่ยาวเพียงพอสำหรับการขับขี่แบบใช้ไฟฟ้าทุกวันในการเดินทางส่วนใหญ่ ความยืดหยุ่นและความสะดวกสบายของรถไฮบริดที่มีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับระยะทางด้วยไฟฟ้าล้วนๆ ที่ไกลขึ้น มอเตอร์เจนเนอเรเตอร์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงขนาด 2 ลิตร ที่มีกำลังรวม 223 แรงม้า (164kW) เพื่อการเร่งความเร็วที่แรงกว่าและตอบสนองได้ดีขึ้น อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรใน 7.8 วินาที รูปลักษณ์ของ New Prius Plug in Hybrid ถูกยกระดับให้มีความไดนามิกมากขึ้นด้วยรูปทรงคล้ายรถคูเป้ ดึงดูดสายตาและกระตุ้นจินตนาการให้เกิดการตอบสนองทางอารมณ์ในทันที โครงสร้าง แพลตฟอร์ม TNGA-C เจนเนอเรชั่นที่สองของแพลตฟอร์ม Toyota New Global Architecture (TNGA) ช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มความแข็งแกร่ง
...
ระบบไฮบริดเจนเนอเรชันที่ 5 ให้กำลังมากขึ้น เครื่องยนต์ 2.0l กำลัง 152 แรงม้า (112kW) รวมกับมอเตอร์หน้าทรานแซกเคิลแบบใหม่ กำลัง 163 แรงม้า (120kW) กำลังรวมของทั้งสองระบบ เท่ากับ 223 แรงม้า (164kW*) เมื่อเทียบกับ 122 แรงม้า (90kW) ในรุ่นปัจจุบัน ระบบขับเคลื่อน Plug-in Hybrid กำลังที่เพิ่มขึ้นช่วยให้อัตราเร่งดีขึ้นกว่าเดิม โหมด EV เมื่อมีไฟเต็มแบตเตอรี่วิ่งได้ไกล 69 กิโลเมตร แบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน ขนาด 13.6kWh เซลล์แบตเตอรี่ที่มีความหนาแน่นของพลังงานสูงขึ้น มีขนาดกะทัดรัดพอที่จะติดตั้งใต้ที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังได้ ทำให้จุดศูนย์ถ่วงของรถต่ำลง เซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคาโซลาร์รูฟ สามารถสร้างระยะทางด้วยไฟฟ้าหรือ EV ไกล 8 กิโลเมตร หรือชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก็จะได้ระยะทางไกล 69 กิโลเมตร โดยไม่มีการปล่อยมลพิษ
รูปทรงลิ่มอันเป็นเอกลักษณ์ของ Prius รุ่นออริจินัลตั้งแต่เจนเนอเรชันที่ 2 ออกแบบเพื่อโอบรับเส้นสายที่เรียบและโฉบเฉี่ยว ลดความสูงโดยรวมลง 50 มม. ย้ายแนวผืนหลังคาไปด้านหลัง และใช้ล้อยางที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ขึ้นเป็น 19 นิ้ว รูปแบบและเส้นสายที่ไม่จำเป็นถูกหั่นทิ้งไป การออกแบบโดยรวมเรียบง่ายและสะอาดตา ได้แรงบันดาลใจจากการไหลของอากาศตามธรรมชาติ ระยะฐานล้อยาวขึ้น 50 มม. เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน ขณะเดียวกัน ความยาวโดยรวมลดลง 46 มม. เป็น 4,599 มม. ความกว้างมากกว่ารุ่นปัจจุบัน 22 มม. ด้านหน้ามีลวดลายหัวค้อนที่ผสานเข้ากับไฟ LED แบบใหม่ มุมมองด้านหลัง มีองค์ประกอบไฟเส้นสามมิติ
โครงสร้างใหม่ “Island Architecture” ทำให้พื้นที่ห้องโดยสารเพิ่มขึ้นเล็กน้อย การตกแต่งภายในแบบเรียบง่ายแต่ทันสมัย แบ่งออกเป็นสามโซน ได้แก่ สภาพแวดล้อม โมดูลคนขับ และแผงหน้าปัดแบบลอยตัว สำหรับคนขับและผู้โดยสาร พื้นที่โดยรอบกว้างขวาง ใช้วัสดุที่มีสไตล์ เน้นความรู้สึกที่ปราดเปรียว โมดูลคนขับ หน้าจอ TFT LCD ขนาด 7 นิ้ว ซึ่งอยู่ในตำแหน่งการมองเห็นโดยตรง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยให้สายตาของผู้ขับขี่อยู่ที่ถนน แผงหน้าปัดออกแบบใหม่ ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายของห้องโดยสาร การจัดวางที่เน้นความโปร่งโล่ง โดยมีการรบกวนการมองเห็นด้านหน้า การใช้งาน และรูปลักษณ์ของผู้ขับขี่ให้น้อยที่สุด ควบรวมหน้าจอกลางด้านล่างที่ดูเป็นรถผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น ส่วนควบคุมระบบปรับอากาศแบบบางเฉียบ ในขณะที่ไฟส่องสว่างแผงหน้าปัดเชื่อมโยงกับการแจ้งเตือนจาก Toyota Safety Sense และแสดงการแจ้งเตือนผ่านความเข้มของแสง
ระบบความปลอดภัย T-Mate
new Prius Plug-in Hybrid มีฟังก์ชันตรวจจับความเสี่ยงและความปลอดภัยแบบแอคทีฟที่หลากหลาย ด้วย Toyota T-Mate รวมเอา Toyota Safety Sense (TSS) เจเนอเรชันล่าสุด สามารถอัปเดตผ่านระบบไร้สายได้อย่างสะดวก
เซนเซอร์กล้องหน้าที่ได้รับการปรับปรุงมีระยะการตรวจจับด้านหน้าเพิ่มขึ้นสองเท่าและมุมมองด้านข้างและแนวตั้งที่กว้างขึ้น ทำให้สามารถตรวจจับวัตถุใกล้เคียงได้เร็วกว่า สามารถระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างหลากหลาย รวมถึงรถจักรยานยนต์และวัตถุข้างถนน เพิ่มเซนเซอร์เรดาร์ด้านหน้าเพื่อรองรับระบบก่อนการชน ระบบช่วยติดตามรถในช่องทาง และฟีเจอร์เตือนการจราจรด้านหน้า
ระยะการตรวจจับที่เพิ่มขึ้นนั้น ช่วยปรับปรุงระบบแจ้งเตือนก่อนการชน ดังนั้นการแจ้งเตือนจึงรวมรถจักรยานยนต์และยานพาหนะที่วิ่งสวนมา นอกเหนือจากการปรับปรุงระบบเฝ้าระวังยานพาหนะและคนเดินถนน ระบบสนับสนุนเพื่อหลีกเลี่ยงการชนบนทางแยกแบบใหม่ถูกติดตั้งมาให้ ทำงานควบคู่กันเพื่อตอบสนองต่อสภาพการจราจรและยานพาหนะที่วิ่งข้ามทางแยก เช่นเดียวกับการตรวจจับคนเดินเท้าที่กำลังข้ามทางม้าลายเมื่อรถกำลังเลี้ยว
ผู้ขับจะได้รับการแจ้งเตือนเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจาก Proactive Driving Assist ใหม่ ซึ่งรวมถึงระบบช่วยบังคับเลี้ยวและเบรกจาก Obstacle Anticipation Assist หากตรวจพบวัตถุที่สวนทางมาในระยะไกล ระบบช่วยชะลอความเร็วจะชะลอรถอย่างชาญฉลาดเมื่อปล่อยคันเร่ง โดยจะลดความเร็วลงตามการเลี้ยวหรือการจราจรที่ใกล้เข้ามา ระบบช่วยบังคับเลี้ยวจะตรวจจับทิศทางของถนนที่กำลังจะมาถึงและปรับความแรงของพวงมาลัยเพาเวอร์เพื่อช่วยให้เข้าโค้งได้นุ่มนวลขึ้น
ภายในใหม่มีแดชบอร์ดที่ทันสมัยยิ่งขึ้นพร้อมอินเทอร์เฟซหน้าจอสัมผัสมาตรฐานขนาด 8 นิ้ว พวงมาลัยหุ้มหนัง SoftTex ตำแหน่งการขับขี่ต่ำลงกว่าเดิม เมื่อรวมกับการปรับปรุงอื่นๆ ทั้งหมดแล้ว Prius น่าจะรู้สึกเหมือนเป็นอุปกรณ์น้อยลงเมื่ออยู่หลังพวงมาลัย รุ่น XLE เพิ่มเบาะนั่งคู่หน้าแบบอุ่น เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ระบบชาร์จแบบไร้สาย และกระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติแบบดิจิทัล เบาะนั่งใน Toyota Prius รุ่นเริ่มต้น หุ้มด้วย SoftTex เช่นกัน สำหรับรุ่น Limited มีที่นั่งด้านหน้าแบบระบายอากาศ พวงมาลัยแบบปรับความร้อนได้ หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ระบบเสียง JBL แปดลำโพง สำหรับรุ่น Limited ลูกค้าสามารถเลือกเพิ่มที่นั่งด้านหลังแบบอุ่นได้และจอมอนิเตอร์แบบพาโนรามา TNGA มีส่วนช่วยให้ Prius และรถรุ่นต่อๆ มาขับสนุกยิ่งขึ้นโดยมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำเพื่อให้ตำแหน่งการขับขี่น่าดึงดูดยิ่งขึ้น และหมุนตัวรถน้อยลง การควบคุมที่ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้นมาจากการใช้เหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงสูง ซึ่งทำให้ตัวถังของ Prius รุ่นที่สี่มีความแข็งมากกว่ารุ่นก่อนถึง 60 เปอร์เซ็นต์
ความก้าวหน้าทางวิศวกรรมของ Prius เจเนอเรชันที่ 5 เครื่องยนต์ใหม่ให้ประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดที่ทำได้สำหรับเครื่องยนต์เบนซินในตลาดรถยนต์ การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ โดยมีระยะการขับขี่ EV 69 กิโลเมตร และค่า CO2 ต่อกิโลเมตรเพียง 19 กรัมต่อกิโลเมตร ความก้าวหน้าทางเทคนิคดังกล่าว เกิดจากการทำงานของ Toyota ในด้านพลังงานไฟฟ้า กว่า 25 ปีนับตั้งแต่ Prius เปิดตัวเส้นทางไฮบริดเป็นครั้งแรก รถ Toyota ส่วนใหญ่ที่ขายในยุโรปตอนนี้เป็นรถไฮบริด ขณะที่ยอดขายสะสมของรถ Toyota ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทั่วโลกมีมากกว่า 21 ล้านคัน Prius รุ่นไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดเพียงรุ่นเดียวมียอดขายมากกว่า 5.05 ล้านคัน
Prius Plug-in เจเนอเรชันที่ 5 จะเปิดตัวในยุโรปช่วงกลางปี 2023.