นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การผลิตรถยนต์รวมทุกประเภทเดือน ก.ค.66 อยู่ที่ 149,709 คัน เพิ่มขึ้นจาก ก.ค.65 คิดเป็น 4.72% มาจากการผลิตเพื่อการส่งออกที่เพิ่มขึ้น รวมการผลิต 7 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) อยู่ที่ 1,071,221 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 0.66% เป็นการเติบโตที่ไม่สูงนัก เนื่องจากการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศยังไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ เพราะสถาบันการเงินยังเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ประกอบกับรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่นำเข้ามาจำหน่ายมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น “เมื่อเร็วๆนี้ กลุ่มยานยนต์ได้ปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปีนี้ลงอีก 50,000 คัน จากเดิมวางเป้าการผลิตรวมที่ 1,950,000 คัน ซึ่งจะลดลงอีกหรือไม่ ต้องติดตามยอดขายอีวีและปัญหาหนี้เสียในธุรกิจรถยนต์ แต่หวังว่ารัฐบาลจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี ที่จะฟื้นยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น”

ทั้งนี้ การผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกเดือน ก.ค.อยู่ที่ 86,552 คัน เพิ่มขึ้น 9.48% จาก ก.ค.65 ส่วน 7 เดือนแรกปีนี้ ผลิตเพื่อส่งออกได้รวม 617,207คัน คิดเป็น 57.62% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.72% โดยการผลิต เพื่อการส่งออก คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ขณะที่การผลิตเพื่อจำหน่าย ในประเทศ ก.ค.66 ผลิตได้ 63,157 คัน ลดลงจาก ก.ค.65 คิดเป็น 1.16% และ 7 เดือนแรกปีนี้ ผลิตได้ 454,014 คัน เท่ากับ 42.38% ของยอดผลิตทั้งหมด ลดลงปีก่อน 11.28% สำหรับยอดขายรถยนต์ในประเทศ ก.ค.66 มีทั้งสิ้น 58,419คัน ลดลงจาก ก.ค.65 ถึง 8.77% เนื่องจากสถาบันการเงินเข้มงวดอนุมัติสินเชื่อ เช่าซื้อรถกระบะบรรทุก จากหนี้ครัวเรือนที่สูงและดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นทำให้อำนาจ ซื้อลดลง รวมทั้งการส่งออกสินค้าหลายอุตสาหกรรมลดลง ทำให้ลดการทำงาน ล่วงเวลาลง รายได้ของคนทำงานลดลง และเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว.

...