ยอดขายรถ Toyota ครึ่งปีแรก 66 ลดลง 5% หลังเศรษฐกิจไทยชะลอตัว แต่คาดการณ์ทั้งปียอดขายอยู่ที่ 855,000 คัน เพิ่มขึ้น 0.7% พร้อมเผยรถอีโคคาร์ยังครองส่วนแบ่งที่ 1 ของตลาด

โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด หรือ Toyota กล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรกของ 66 ยังคงอยู่ในภาวะทรงตัว โดยมีปัจจัยบวกจากแรงหนุนด้านอุปสงค์ของสภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมที่เริ่มขยายตัวดีขึ้นในปีนี้

รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีทิศทางกระเตื้องขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มมีการฟื้นตัว ส่งผลให้มีความต้องการใช้รถยนต์มากขึ้น ตลอดจนแรงกระตุ้นจูงใจผู้บริโภคด้วยการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ พร้อมแคมเปญการขายเชิงรุกของบรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลาย

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์โดยรวมช่วงหลังนี้ อันเป็นผลมาจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ภาวะสินเชื่อตึงตัว และความผันผวนทางเศรษฐกิจในช่วงของการเลือกตั้ง ซึ่งก่อให้เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อทั้งจากภาคธุรกิจและภาคประชาชน ที่ต่างเฝ้ารอความชัดเจนในการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม ส่งผลให้ตัวเลขยอดขายตลาดรวมช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 406,131 คัน ลดลง 5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

สำหรับผลการดำเนินงานของโตโยต้าช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มียอดขายโดยรวมอยู่ที่ 136,859 คัน ลดลง 3.6% ยังคงมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือเท่ากับ 33.7% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความนิยม และยอดขายรถยนต์โตโยต้าในตลาดรถยนต์นั่งที่เติบโตขึ้นถึง 31.2%

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถอีโคคาร์ที่ยังคงสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ยังสามารถรักษาระดับยอดขายได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ถึงแม้ว่าสถานการณ์โดยรวมของตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ช่วงครึ่งปีแรกนี้จะเกิดการชะลอตัวลงก็ตาม

...

ยามาชิตะ กล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ที่เหลือของปี 66 นี้ ด้วยเหตุปัจจัยในหลายๆ ด้าน ทั้งการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ทำให้การบริโภคของภาคเอกชนและภาคบริการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลดลง การสนับสนุนการลงทุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนในโครงการต่างๆ

รวมถึงการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่และแคมเปญส่งเสริมการขายจากค่ายรถต่างๆ ช่วงครึ่งปีหลัง จะส่งผลต่อทิศทางของเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์โดยรวม เชื่อว่าเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังนี้น่าจะยังคงฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นเราจึงคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2566 จะอยู่ที่ 855,000 คัน เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

สำหรับ Toyota เรามีเป้าหมายการขายในปี 2566 อยู่ที่ 291,000 คัน เพิ่มขึ้น 0.8% จากปีที่ผ่านมา คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 34% ส่วนปริมาณการส่งออกของโตโยต้าในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 บริษัทฯ ได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 190,491 คัน เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยยอดการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศ และการส่งออกมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 325,231 คัน เพิ่มขึ้น 5.3% จากปีที่แล้ว

ทั้งนี้ สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้ คาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกจะอยู่ที่ประมาณ 380,000 คัน เทียบเท่าปีที่แล้ว โดยเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2566 อยู่ที่ระดับ 643,500 คัน หรือลดลง 2.4% จากปีที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการขายของทั้งในประเทศและส่งออก

ยามาชิตะ กล่าวอีกว่า ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานั้น นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจยานยนต์แล้ว โตโยต้ายังได้มีในการดำเนินงานในด้านต่างๆ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการสร้าง ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ตามที่ได้ประกาศเจตนารมณ์ไว้ในงานฉลองวาระครบรอบ 60 ปี ของบริษัทฯ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ โตโยต้าได้มีการเตรียมความพร้อมในหลากหลายแนวทาง หรือ Multiple Pathway เพื่อทุกความเป็นไปได้ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการเดินทางของผู้คน โดยมีการร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น โครงการพัฒนาเมืองต้นแบบที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะ ที่โตโยต้าร่วมมือกับเมืองพัทยา ในการจัดสร้างระบบนิเวศเพื่อรองรับการใช้งานยานยนต์ที่ทางโตโยต้าจัดเตรียมไว้ให้ผู้คนในชุมชน และนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยาได้ทดลองใช้งานในการเดินทางรูปแบบต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด หรือ PHEV, รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ BEV รวมไปถึงความร่วมมือในโครงการเปิดสถานีไฮโดรเจนแห่งแรกของประเทศไทย เพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง หรือ FCEV ที่โตโยต้านำมาสาธิตการใช้งานในรูปแบบของรถรับส่งระหว่างสนามบินอู่ตะเภา เพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจในพื้นที่พัทยา-ชลบุรี

รวมถึงได้มีการต่อยอดมาสู่ความร่วมมือในการวางแผนที่จะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าต้นแบบอย่างรถกระบะโตโยต้า รุ่น Hilux REVO BEV ซึ่งเป็นรถกระบะพลังงานไฟฟ้า 100% มาทดลองให้บริการในรูปแบบรถโดยสารประจำทางสาธารณะแก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยา โดยคาดว่าจะพร้อมให้บริการได้ภายในปี 2567.

...