ตลาดรถบ้านเราเพิ่มความคึกคัก รับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อันเนื่องจากโควิดคลี่คลาย การท่องเที่ยวเบ่งบานขยายตัว
ค่ายมาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จึงไม่รอช้า ประกาศลั่นแผนรุกเข้ม พร้อมเตรียมก้าวขึ้นสู่แบรนด์อันดับหนึ่งที่มัดใจลูกค้าทุกฟังก์ชัน ด้วยการชูกลยุทธ์ Retention Business Model มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
“ทาดาชิ มิอุระ” ประธานบริหารของมาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) แถลงลั่นหลังเข้ามารับตำแหน่งนี้ได้ครบหนึ่งปีเต็มว่า นับตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา มาสด้าได้กำหนดแนวทางในการดำเนินธุรกิจใหม่เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้โมเดลธุรกิจ Retention Business Model เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในทุก Touchpoints ส่งมอบการบริการที่เป็นเลิศแบบครบวงจร ตั้งแต่ก่อนการขายจนถึงการบริการหลังการขาย
โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับการสร้างคุณค่าแบรนด์และสร้างความผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว ซึ่งนับเป็นนโยบายสำคัญที่มาสด้ายึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ และส่งมอบให้กับลูกค้าในประเทศไทยและทั่วโลก
...
สำหรับปีงบประมาณ 2565 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่ามาสด้าประสบความสำเร็จจากการนำ Retention Business Model มาใช้ โดยเฉพาะในด้านของการกลับมาเข้ารับบริการของลูกค้า (Service Retention) ที่เพิ่มขึ้นจาก 72% ในปีงบประมาณ 2561 เป็น 85% ในปีงบประมาณ 2565 พร้อมกับมีอัตราการกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้า (Repurchase) เพิ่มสูงขึ้นจาก 15% ในปีงบประมาณ 2561 เป็น 30% ในปีงบประมาณ 2565 หรือเพิ่มขึ้น 100% ซึ่งเป็นไปตามแผนที่มาสด้าวางไว้
นอกจากนั้น ในส่วนของแผนพัฒนาธุรกิจรถมือสองคุณภาพดี Mazda CPO ก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ส่งผลให้ราคารถยนต์มือสอง (Residual Value) มีราคาขายต่อสูงขึ้น เช่น มาสด้า 2 อายุ 6 ปี มีมูลค่าการขายต่อเพิ่มเป็น 55%
ด้าน “ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์” รองประธานบริหารอาวุโส ค่ายมาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) เสริมว่า ในปี 2566 มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจ Retention Business Model
แต่เพิ่มเติมเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้น มุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งด้าน Customer Retention ต้องเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือก คือ Top Retention Brand ให้บริการที่ลูกค้าพึงพอใจ Top Service Retention รวมถึงรักษาส่วนแบ่งการตลาดในแต่ละพื้นที่ Maintain Market Share นำเสนอคุณค่าของแบรนด์ผ่านประสบการณ์และความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา แต่ครอบคลุมรอบด้านมากยิ่งขึ้น
...
โดยเป็นส่วนหนึ่งที่เรามุ่งมั่นเพื่อเดินหน้าตามแผนงานระยะกลาง Mid-Term Manage ment Plan ให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าแบรนด์ (Brand Value Management) ก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
นี่คือแนวทางในการสร้างแบรนด์มาสด้าให้แข็งแกร่ง เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้าน Customer Retention และ Service Retention
“เพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่ามาสด้าจะเป็นแบรนด์ที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้า”.
อัลคาโปน
motorwars@thairath.co.th