มาแล้ว!! NEW MG ES สเตชันวากอนไฟฟ้ารุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิด “COMFOR TABLE เป็นทุกอย่าง เพื่อทุกโมเมนต์” เติมเต็มไลฟ์สไตล์ในทุกช่วงเวลาที่สำคัญ
โดดเด่นด้วยพื้นที่ใช้สอยของห้องโดยสารที่มีขนาดใหญ่ใช้ได้จริง ด้วยดีไซน์ภายนอกและภายในที่พรีเมียม และมีระดับ ผสานความลงตัวในสไตล์ BRIT DYNAMIC ทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่ (PERFORMANCE) การควบคุม (HANDLING) การออกแบบ (DESIGN) และความปลอดภัย (SAFETY) สู่ประสบการณ์ครั้งใหม่ของรถไฟฟ้าที่มีดีในทุกด้าน พร้อมความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์–ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้บุกเบิกและผู้นำตัวจริงของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยการแนะนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ “NEW MG ES” พร้อมรุกตลาดรถยนต์ในปีนี้
มาพร้อมสไตล์การออกแบบที่เรียบหรูแต่ดูล้ำสมัย โดยมาพร้อมกับ New ERA Design ที่ออกแบบตัวรถใหม่ทั้งภายนอกและภายในที่ดูเรียบหรูผสานความล้ำสมัยได้อย่างลงตัว
รูปลักษณ์ภายนอกสะดุดตาด้วยดีไซน์สเตชันวากอน ที่พรีเมียมและล้ำสมัยเหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบ ชุดราวหลังคา (Roof Rail) รองรับน้ำหนักได้ถึง 75 กิโลกรัม ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
ไฟหน้า ไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟท้าย LED โฉมใหม่แบบ Light Curtain Design ที่ดูโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ พร้อมระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) กระจกมองข้างพับและปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ใช้งานได้จริงในทุกฟังก์ชัน ดูพรีเมียมด้วยดีไซน์เรียบหรู ENERGETIC BLUE STRIP พร้อมเทคโนโลยี Zero-G Seats เพื่อรองรับสรีระของผู้นั่ง กับความสามารถในการกระจายน้ำหนัก ทำให้นั่งสบายตลอดเส้นทาง พื้นที่บรรจุสัมภาระสูงสุดถึง 1,367 ลิตร
คอนโซลแบบ DOUBLE LAYER พร้อมพื้นที่ช่องเก็บของรอบคัน และที่วางแก้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง ปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์ หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมลำโพง 6 จุด ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE-A และ TYPE-C รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android
เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง โดยเบาะนั่งด้านหลังพนักพิงพับได้ 60:40 ทั้งยังมีระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 และระบบกุญแจรีโมตอัจฉริยะ (Smart key) พร้อมปุ่ม Push Start
NEW MG ES ยังเป็นสเตชันวากอนไฟฟ้าแนวใหม่ที่พร้อมให้ E–PERFOR MANCE ประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายและเหนือระดับ เต็มประสิทธิภาพทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด กับแพลตฟอร์มระบบส่งกำลัง SAIC E1 THREE– ELECTRIC SYSTEM
มาพร้อมขุมพลังที่ให้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชันใหม่แบบ 8-LAYER HAIR PIN PERMANENT MAGNETIC SYNCHRONOUS MOTOR (PMSM) ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่ลิเทียมไอรอนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 51 kWh สามารถวิ่งในระยะทาง 412 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC (NEW EUROPEAN DRIVING CYCLE) แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น
ให้ความปลอดภัยและอุ่นใจ...สบายใจทุกการเดินทางด้วยระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) และมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) รวม 20 ระบบ
ที่สำคัญ ยังโดดเด่นในเรื่อง COMFOR TABLE CHARGING ไปได้ทุกทิศทั่วไทย สะดวกสบายด้วยสถานีชาร์จที่ครอบคลุม
เพราะ NEW MG ES รองรับระบบการชาร์จ 2 รูปแบบทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge เร็วขึ้น ให้ผู้ใช้งานสามารถเดินทางสะดวกสบายได้ทั่วประเทศ ด้วยความพร้อมของสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี MG SUPER CHARGE ที่ติดตั้งแล้วกว่า 158 แห่งทั่วประเทศ
ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จ ไฟฟ้าจาก 0-80% ใช้เวลาประมาณ 40 นาที* ที่ความเร็วสูงสุด 87 kW ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0-100% ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที* ที่ 6.6 kW รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kW
โดยมาพร้อมกับระบบสั่งการอัจฉริยะ i–SMART ในรูปแบบ Lite version ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์และอำนวยความสะดวกสบายของผู้ใช้งานไปอีกขั้น ให้เข้าถึงระบบการใช้งานรถไฟฟ้าเพียงปลายนิ้วสัมผัสบนสมาร์ทโฟน
ยังมี SMART CHECK (ระบบตรวจเช็กอัจฉริยะ) ตรวจสอบสถานะรถยนต์ พร้อมระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car และยังมี SMART COMMAND (ระบบสั่งการอัจฉริยะ) ด้วยกุญแจดิจิทัล ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน พร้อมระบบเลขาส่วนตัว MG Call Centre
NEW MG ES มาพร้อมสีตัวถังให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) สีเทา (Andes Gray) สีแดง (Scarlet Red) และสีเงิน (Champagne Silver) และตกแต่งภายในสไตล์ทูโทนพร้อมหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ DENIM TEXTURE DESIGN ที่ให้สัมผัสเหมือนผ้ายีนส์ ช่วยให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น
พบกันได้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม–2 เมษายน 2566 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และที่โชว์รูมเอ็มจีที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั่วประเทศ (EV Authorized Dealer)