แรงม้ากว่า 184 ตัวกับรูปร่างที่เล็กกระทัดรัด ทำให้มันมีความคล่องตัวมากที่สุดในกลุ่มรถยนต์นั่งสามประตู และนี่คือรถที่ขับได้อย่างใจคิด มันคือ MINI Cooper S Model 2011...

นี่คือจักรกลที่จะทำให้ชายหญิงทุกคนกลับสู่วัยเด็กที่กระตือรือล้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานอีกครั้ง รถ MINI ทุกคันไม่ว่าจะเป็นรุ่นใดคือส่วนผสมอันสมบูรณ์แบบของรถยนต์ 3 ประตูที่มีทั้งความเร็ว ความคล่องแคล่ว พลังและสมรรถนะอันน่าทึ่ง จากการลงมือลงแรงของวิศวกรเยอรมันหลังจากบริษัท BMW เข้าควบรวมกิจการของ MINI เมื่อปี 1996

...


รถ MINI รุ่น Cooper S Model 2011 คันที่ผมนำมาทดสอบในสัปดาห์นี้คือตัวรถรุ่นล่าสุดที่มีการเพิ่มเติมความสดใหม่ให้กับรถยนต์ในอนุกรมของ MINI รูปลักษณ์ที่ดูดีอยู่แล้วถูกปรับเติมเสริมแต่งให้มีทั้งความสวยงาม ดุดันและทันสมัยควบคู่กันไป เมื่อมองดูเผินๆ อาจไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่เมื่อลองจ้องมองไปทีละจุดบนตัวรถ Cooper S 2011 ก็จะพบรายละเอียดหลายจุดที่ดูดีและลงตัวมากยิ่งขึ้น จากการปรับเพื่อสีสันให้มีความสดใส ด้วยสีเขียว British Racing Green II ไฟหน้า Bi-Xenonในกรอบโพลิเมอร์ใสแจ๋ว กระจังหน้าทรงรังผึ้งแบบสองระดับกั้นกลางด้วยสปอยเลอร์ เดินขอบกระจังหน้าด้วยพลาสติกโครเมี่ยมเงาวาว สปอยเลอร์และไฟตัดหมอกทรงล่าสุดที่ดีไซน์ให้เข้ากับด้านหน้าของตัวรถ มุมด้านซ้าย-ขวาของชายล่างมีช่องรับอากาศตัดด้วยขอบพลาสติกโครเมี่ยม ล้อแม็กอลูมินัมอัลลอยนำ้หนักเบาขนาด 17 นิ้ว สีดำเงาลาย 8 ก้านช่วยเติมเต็มความโหดดิบและยาง Continental Contisport Contact Run-Flat ไซล์ 205/45/R17


มุมมองด้านข้างของตัวรถยังคงรูปแบบของเดิมเอาไว้ทั้งหมด แนวของกระจกหน้าที่ตั้งชันกว่ารถปกติทั่วไป ซึ่งเป็นไปตามสไตล์ของเผ่าพันธุ์อันยืนยงที่สืบสานตำนานรถเล็กสมรรถนะสูงมากว่า 50 ปีแล้วจากรถ Model แรกสุดที่ John Cooper ได้ส่งมอบจิตวิญญานของรถ MINI รุ่นแรกสุดลงสู่ท้องถนนทั่วโลก บังโคลนกับฝากระโปรงเป็นชิ้นเดียวกันเมื่อเปิดออก ซุ้มล้อพลาสติก ABS สีดำด้านทั้งสี่ล้อ เยื้องกับแนวกระจกมองข้าง ในตำแหน่งใต้เสาหน้ามีชิ้นงานโครเมี่ยมแปะสัญลักษณ์ตัว S พร้อมด้วยไฟเลี้ยวด้านข้างตัวถังทรงกลมรี มีหลอดไฟเลี้ยวสีเหลืองสดอยู่ภายใน เสากลางรถหรือเสา B ถูกกระจกประตูปิดบังเอาไว้เพื่อทำให้มุมมองดูเรียบและกลมกลืน ประตูทั้งสองบานของมันไม่มีขอบกระจกประตูด้านบนซึ่งเป็นไปตามลักษณะของรถสปอร์ตทั่วไป

...


บั้นท้ายอวบอ้วนกับสปอยเลอร์หลังทรงใหม่ ออกแบบได้งดงามลงตัวและถูกใจวัยแรงเอามากๆ ไฟท้ายทรงรีวางตัวในแนวตั้งเหมือนเดิมใช้หลอด LED เพื่อความคงทน ไฟเบรคดวงที่สามด้านบนของกระจกฝาท้ายก็ยังเป็นหลอด LED ส่วนมุมบนสุดติดตั้งแถบรีดอากาศเล็กๆ ช่วยกดท้ายรถเมื่อใช้ความเร็วสูง เจ้า Cooper S British Racing Green II คันนี้ยังมีหลังคาสีดำพร้อมกระจก Sunroof ขนาดใหญ่ถึงสองตำแหน่ง เมื่อเปิดใช้งานจะมีแผ่นป้องกันเสียงลมยกตัวขึ้น ช่วยลดเสียงลมปะทะและช่วยกั้นอากาศที่จะเข้ามาหมุนวนภายในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี บานกระจกฝาท้ายยังมีใบปัดน้ำฝนมาให้เพื่อช่วย  เพิ่มมุมมองเมื่อขับขี่ท่ามกลางสายฝน ส่วนที่ดูโดดเด่นมากที่สุดของมุมมองด้านท้ายคือสปอยเลอร์หลังที่มีท่อระบายไอเสียคู่แฝดอยู่ตรงกึ่งกลางและแถบไฟบริเวณมุมทั้งสองด้าน ช่วยส่งมุมมองของตัวรถให้มีมิติและสวยงามมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามราคาค่าตัวของมันที่สูงกว่ารถเล็กทั่วไปหลายเท่า

...

...


ภายในห้องโดยสารถูกจัดวางให้เหมือนกับร้านขายของเด็กเล่นชั้นดี ที่ผู้ใหญ่ทุกคนพอได้เข้าไปแล้วแทบจะไม่อยากกลับออกมา การจัดวางอุปกรณ์ในตำแหน่งต่างๆ ดูดีและแปลกตาไปหมด ชิ้นส่วนที่นำมาประกอบเป็นงานตกแต่งภายในระดับหรู ล้วนใช้แต่ของเกรดสูงทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นหนังแท้สีดำเนื้อนิ่มของตัวเบาะเดินขอบด้วยสีขาวตัดกัน พลาสติกเกรดเยี่ยมราคาแพงในทุกตำแหน่งเช่น คอนโซล ซุ้มเกียร์ ก้านสวิชท์มัลติฟังก์ชั่นปรับโหมดและอุปกรณ์ต่างๆ หรือแม้แต่ปุ่มปรับเครื่องเสียงกับสวิทช์ปุ่มปรับอุณหภูมิ สวิทช์ควบคุมกลไกของ Sunroof ซึ่งอาจทำให้คนทั่วไปถึงกับหลงไหลเอาง่ายๆ ถ้าได้เข้าไปใน Cockpit ของเจ้า Cooper S 2011


แผงประตูกับแป้นคันเร่งและเบรคก็ยังถูกออกแบบมาอย่างไร้ที่ติ สิ่งทีี่โดดเด่นในห้องโดยสารของเจ้านี่ก็คือจอไมล์ Center Speedo ขนาดใหญ่เท่าชามข้าวใบโต ตรงกลางเป็นจอมัลติฟังชั่นที่มีระบบอำนวยความสะดวกให้ใช้งานมากมายเช่น ระบบ MINI Connected สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอย่าง Twitter , Web new ซึ่งสามารถรับฟังคลื่นวิทยุจากต่างประเทศ รวมถึงการลิงก์กับระบบโทรศัพท์ iPhone 4 ผ่านระบบเชื่อมต่อสัญญาณ Data GPRS กับช่องเสียบ USB ที่มีมาให้ถึง 2 ตำแหน่ง ทั้งบริเวณใต้ชุดสวิทช์ควบคุมอุณหภูมิและด้านในของแผงใต้คอนโซล วงพวงมาลัยสามก้านทรงอวบหุ้มหนัง มีสวิทช์สี่ทิศทางปรับโหมดเครื่องเลียง ด้านหลังยังมีแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่ติดกับพวงมาลัย โดยผู้ขับสามารถเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ในขณะที่กำลังหักเลี้ยวได้


ระบบรักษาความปลอดภัยของตัวรถ มีถุงลมนิรภัย ID ถุงลมนิรภัยศรีษะ และถุงลมนิรภัยด้านข้าง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า ระบบป้องกันการชนจากด้านข้าง ระบบเบรก ABS - EBD พร้อมระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC) กลไกอัตโนมัติช่วยควบคุมการทรงตัว Automatic Stability Control + Traction ASC+T ระบบเซ็นเซอร์ตัดการจ่ายน้ำมันและปลดล็อคประตูอัตโนมัติเมื่อเกิดการชน และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นก็คือ ระบบยาง Runflat พร้อมเซนเซอร์ตรวจจับที่จะแจ้งเตือนทันทีเมื่อลมยางลดลง โครงสร้างของตัวถังมีความแข็งแกร่งสูง ผ่านมาตรฐานการทดสอบการชนทั้งด้านหน้าและด้านข้างจาก Euro Ncap


หัวใจของการขับเคลื่อนอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้า มันคือเครื่องยนต์เบนซิน 4 กระบอกสูบขนาดกระทัดรัดปริมาตรความจุ 1,598 ซีซี. วางตามขวางด้านหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า อัดอากาศเข้าสู่ท่อร่วมไอดีด้วยเทอร์โบแปรผันแบบ Twin-Scroll Turbocharged ระบบวาล์วแปรผัน Valvetronic จ่ายเชื้อเพลิงแบบยิงตรงด้วยหัวฉีดไฟฟ้า Direct Injection ตัวเทอร์โบถูกวิศวกรของ MINI ทำการคำนวณปรับตั้งให้มีโข่งหลัง โดยแบ่งทางเดินไอเสียออกเป็นสองช่องเพื่อทำการรีดแรงดันของไอเสียให้อยู่ในระดับสูงสุด รวมถึงมีความต่อเนื่องในย่านของกำลังแรงบิดตั้งแต่รอบต่ำๆ ยามออกตัวไปจนถึงรอบสูงที่ผู้ขับจมคันเร่งจนมิด Boots มาเร็ว ต่อเนื่องและคงที่ ปราศจากอาการรอรอบใดๆ ทั้งปวง ซึ่งทำให้มันเป็นรถที่ขับได้สนุกสุดๆ คันหนึ่งเลยทีเดียว

แรงบิดสูงสุด 24.5 กิโลกรัม/เมตร ที่ 1,600-5,000 รอบต่อนาที Over-boots 26.5 กก.-ม. ที่ 1,700-4,500 รอบต่อนาที อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 17.2 กิโลเมตร/ลิตร และคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ต่ำเพียง 149 กรัมต่อกิโลเมตร ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมกลไก Streptonic เครื่องยนต์ตัวเล็กแรงเยอะใน MINI Cooper S 2011 สามารถรีดแรงม้าได้ถึง 184 ตัว โดยมีแรงบิดล้นๆ ที่มาไวตั้งแต่ย่าน 1,600 รอบต่อนาทีเป็นต้นไป อัดจากจุดหยุดนิ่งไปจนถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7.1 วินาที และไปจนสุดคันเร่งได้ถึง 223.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


ระบบกันสะเทือนของเจ้า Cooper S 2011 เป็นแบบอิสระ 4 ล้อด้านหน้า ดับเบิลจ๊อยสปริงสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลงเส้นโต ด้านหลังมัลติลิงก์ ชิ้นส่วนของช่วงล่างบางชิ้นผลิตจากอลูมินัมอัลลอยเพื่อลดน้ำหนัก Unsprung Weight หรือน้ำหนักถ่วงใต้ระบบช่วงล่าง ทำให้การยึดเกาะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ช่วงล่างมีความเป็นกลาง ให้ความรู้สึกถึงความกระชับและมั่นคง ในรุ่น Cooper S 2011 ระบบรองรับของมันยังถูกปรับตั้งค่าความแข็งของโช๊คอัพและสปริงใหม่ทั้งหมด โดยมุ่งเน้นให้มีความนุ่มนวลมากขึ้นกว่ารุ่นเดิมเพื่อลดอาการกระด้าง แต่ยังคงยึดเกาะกับผิวถนนได้อย่างหมดจด รวมถึงการส่งถ่ายความรู้สึกของสภาพถนนตรงเข้าสู่มือผู้ขับได้เป็นอย่างดีตามแบบของรถสปอร์ตทั่วไป....

ติดตามอ่าน Testdrive MINI Cooper S Model 2011 ได้ในตอนต่อไป

Arcom Roumsuwan
E-Mail : chang.arcom@thairath.co.th
Facebook : www.facebook.com/chang.arcom