คดีฆ่าหั่นศพ น้องแอ๋ม น.ส.วาริสรา กลิ่นจุ้ย สาวร้านคาราโอเกะที่ขอนแก่น เริ่มคลี่คลายลงแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวน 6 วัน จนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ประกอบด้วย นายวศิน นามพรหม อายุ 22 ปี ซึ่งจับกุมได้ขณะหลบหนีที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเขตนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว และ น.ส.จิดารัตน์ พรหมคุณ อายุ 21 ปี ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย ปล้นทรัพย์ และรับของโจร

ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 2 คน กำลังหลบหนีการจับกุมไปยังประเทศเมียนมา คือ น.ส.กวิตา ราชดา หรือ เอิน และ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือ เปรี้ยว ที่โทรศัพท์มาสารภาพกับพี่สาวว่าเป็นคนลงมือฆ่าเพื่อน หลังแค้นที่เพื่อนนำความลับเรื่องยาเสพติดไปบอกตำรวจ จนทำให้สามีตัวเองต้องติดคุก ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 คน ที่ร่วมขบวนการด้วย คือ น.ส.อภิวันท์ สัตยบัณฑิต หรือ แจ้ อายุ 28 ปี ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการออกหมายจับ

...

สำหรับผู้ที่ติดตามคดีนี้ จะเห็นว่าในช่วงแรกสังคมต่างพุ่งเป้าไปที่สาเหตุการหึงหวงในเรื่องชู้สาว โดยหนึ่งในผู้ต้องสงสัย นั่นคือ สามีของน้องแอ๋ม นายศักดิ์ชัย บาทเต็มดี อายุ 35 ปี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 8 ชั่วโมง จึงอนุญาตให้กลับบ้าน ขณะที่สังคมโซเชียลต่างพิพากษา นายศักดิ์ชัย ไปแล้วว่าเป็นคนลงมือฆ่าแฟนสาวตัวเอง

ในวันนี้ นายศักดิ์ชัย บาทเต็มดี สามีน้องแอ๋ม เหยื่อคดีฆ่าหั่นศพ ได้เปิดเผยความรู้สึกจากหัวอกลูกผู้ชายให้ไทยรัฐออนไลน์ฟังว่า ช่วงแรกที่สังคมได้พิพากษาไปแล้วว่าตนป็นคนลงมือนั้น ส่วนตัวตนไม่ได้รู้สึกเครียดกับคำครหา เพราะไม่ใช่เรื่องจริง และตนบริสุทธิ์ใจ พร้อมทั้งมีหลักฐานยืนยันที่อยู่อย่างชัดเจนว่าขณะนั้นตนทำงานอยู่ที่ลาดหลุมแก้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคนลงมือ แต่คนรอบข้าง ครอบครัว ญาติรู้สึกเครียดกับข่าวนี้แทน

“น้องแอ๋มกับผมคบกันมาจนถึงวันนี้ก็ 7 เดือนแล้ว น้องแอ๋มเป็นผู้หญิงที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่งี่เง่า ผมรักและหวังที่จะสร้างครอบครัวด้วย ตอนนี้ผมจึงพยายามทำงานเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัวเพื่ออนาคตอยู่ ซึ่งผมขอยืนยันจากปากของลูกผู้ชายเลยว่า ผมไม่มีทางที่จะลงมือทำแบบนี้กับคนที่ตัวเองรักอย่างแน่นอนครับ” สามีเหยื่อสาวถูกฆ่าหั่นศพ กล่าวยืนยันอย่างหนักแน่น

ส่วนประเด็นคำครหาที่ว่าหึงหวงที่แฟนสาวที่ไปคบทอมนั้น นายศักดิ์ชัย อธิบายว่า ตนทราบมาตลอดว่า น้องแอ๋ม คบหากับทอม แต่ไม่ได้คิดอะไร เข้าใจว่าแฟนสาวเหงา เพราะต้องอยู่ห่างไกลกัน แยกกันทำงาน ตนต้องมาทำงานต่างจังหวัด และเห็นว่าคบผู้หญิงจึงไม่ได้คิดมากอะไร 

นายศักดิ์ชัย ยังกล่าวต่ออีกว่า เนื่องจากต้องประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้ส่งเงินให้น้องแอ๋มน้อยลง และน้องแอ๋มจำเป็นต้องใช้เงิน จึงขออนุญาตตนไปทำงานที่ร้านคาราโอเกะแห่งนี้ ซึ่งตอนแรกตนปฏิเสธไม่ให้ไป แต่สุดท้ายเพราะความรัก เมื่อแฟนสาวขอร้องจึงต้องตามใจให้ไปทำงานที่นั่น ส่วนเรื่องกลุ่มเพื่อนที่ลงมือฆ่านั้น ตนไม่เคยเจอและไม่ได้รู้จักกัน อีกทั้ง น้องแอ๋มยังไม่ได้เคยเล่าเรื่องเพื่อนกลุ่มนี้ให้ฟังด้วย

“ตอนนี้ผมรู้สึกเสียใจมากที่ดูแลเขาไม่ได้ เสียใจที่ตามใจเขาเกินไปจนทำให้เขาต้องไปทำงานที่ร้านคาราโอเกะ หากย้อนเวลากลับไปได้ผมจะดูแลน้องแอ๋มให้ดีกว่านี้ จะไม่ให้มีเรื่องเลวร้ายแบบนี้เกิดขึ้น” สามีเหยื่อฆ่าหั่นศพ ถ่ายทอดจากความรู้สึก

...

นอกจากนี้ นายศักดิ์ชัย ยังเผยว่า โดยปกติตนติดต่อกับแฟนสาวบ่อย คุยกันทุกวัน แต่หลังจากที่ได้คุยกันล่าสุดวันที่ 22 พ.ค. ช่วงดึกๆ ตนก็ติดต่อแฟนสาวไม่ได้อีกเลย จนต้องโทรศัพท์ไปสอบถามกับญาติและแม่ยายให้ช่วยติดต่อน้องแอ๋ม แต่ยังเงียบสนิทจนผ่านไปสองวันตนเริ่มรู้สึกใจไม่ดี เพราะปกติน้องแอ๋มไม่เคยปิดเครื่องโทรศัพท์ จึงคิดว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับแฟนสาว กระทั่งทราบข่าวอีกครั้งเมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า แฟนสาวเสียชีวิตแล้ว จึงรีบไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที

...

อย่างไรก็ดี นายศักดิ์ชัยยังกล่าวขอบคุณญาติพี่น้อง เพื่อนๆ ที่คอยเป็นกำลังใจให้ตนสู้ต่อไป และขอบคุณคนที่เชื่อใจว่าตนไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่าแฟนสาว โดยหลังจากที่ลางานไป 4 วัน ตนกำลังจะกลับไปทำงานอีกครั้ง และแม้ว่าเรื่องนี้จะทำใจให้ผ่านไปได้ยาก แต่ตนจะเดินหน้าทำงานหาเงินสู้ชีวิตต่อไป แม้ในวันนี้จะไม่มีแฟนสาวอยู่ข้างกายแล้วก็ตาม.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

...