“หากใครยังไม่ทราบ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของประเทศเกาหลีใต้ ฟังภาษาไทยรู้เรื่อง และบางส่วนถึงขนาดสามารถพูดไทยชัดกว่าคนไทยเองเสียอีกนะครับ แต่ที่เขาไม่พูดภาษาไทย กับ คนไทย เพราะเค้ากำลังเงี่ยหูฟังอยู่ว่า คนไทยกำลังพูดอะไรกัน ฉะนั้น หากมีอะไรน่าสงสัย ไม่แปลกเลยครับ ที่เจ้าหน้าที่เหล่านั้น จะสามารถคัดกรองคนไทยได้ตั้งแต่สนามบิน”
รู้แล้วใช่ไหมครับ แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ ว่า เหตุใดบรรดาเจ้าหน้าที่ ตม.KPOP จึงสามารถสกัดคนไทยที่พยายามลักลอบเข้าเมืองได้เก่งฉกาจนัก!
และตามที่ ท่านศรัณย์ เจริญสุวรรณ เอกอัครราชทูตไทย ประจำประเทศเกาหลีใต้ ได้เคยให้ข้อมูลที่น่าสนใจเอาไว้ ในระหว่างการให้สัมภาษณ์พิเศษข้ามโลก กับ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ในสกู๊ป ฟื้นตำนานรักแท้ที่เกาหลี มรสุมชีวิตรุม ลูกเป็นมะเร็ง แฟนโรคหัวใจกำเริบ ฟื้นตำนานรักแท้ที่เกาหลี มรสุมชีวิตรุม ลูกเป็นมะเร็ง แฟนโรคหัวใจกำเริบ เอาไว้ว่า ปัจจุบัน มีคนไทยอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ ประมาณ 60,000 กว่าคน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา โดยในปี พ.ศ.2558 คนไทยถูกปฏิเสธการเข้าประเทศ 20,000 คน และปี พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา มีคนไทยถูก ตม.เกาหลีใต้ ปฏิเสธเข้าเมืองมากถึง 30,000 คน
ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะบรรดา โอปป้า ตม. ทั้งหลาย มีอคติเลือกเฉพาะเจาะจงตรวจสอบ และเลือกที่จะใช้กิริยาอาการที่ดุดัน แต่กับเฉพาะคนไทยเป็นพิเศษ ใช่หรือไม่ วันนี้ เราจะไปไขคำตอบจาก ผู้ที่คร่ำหวอดพาลูกทัวร์ไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ มาตั้งแต่คนไทยยังเรียกว่า ดินแดนกิมจิ จนกระทั่งปัจจุบัน เปลี่ยนไปเรียก อาณาจักร KPOP ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของประโยค ที่ทีมข่าวฯ ได้โปรยเอาไว้ตั้งแต่บรรทัดแรก
...
คุณเด่น มหาวงศ์นันท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท อินสปิริตฮอลิเดย์ และ กรรมการสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศ กันดีกว่า
ไขเหตุผล ทำไม โอปป้า ตม. ดุดัน เน้นคัดกรองคนไทยเป็นพิเศษ
“เท่าที่ทราบ บางคณะมีไป 30 คน วันแรกหายไปครึ่งหนึ่ง เข้าวันที่สองหายกันหมดทริป เรียกว่า เหลือแต่ หัวหน้าทัวร์คนเดียว จาก 30 คน ก็เคยมีมาแล้ว ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้หรือเปล่า ที่ทำให้ ตม.โสมขาว ถึงได้ค่อนข้างเข้มงวดกับ พวกเราคนไทยมากขึ้น” คุณเด่น ตอบด้วยน้ำเสียงละเหี่ยใจ
สมัยก่อน การท่องเที่ยวในประเทศเกาหลีใต้ยังไม่บูม ราคาทัวร์ก็ค่อนข้างสูงอยู่ที่ ประมาณ 30,000-40,000 บาทต่อคน คนไทยที่เข้าไปท่องเที่ยวก็เลยมีน้อย ผิดกับ สมัยนี้ ที่การท่องเที่ยวแดน KPOP ฮิตไม่รู้จะฮิตยังไง บริษัททัวร์แต่ละบริษัทก็มีการหั่นราคามาแข่งกัน บางบริษัทตั้งราคาที่แทบจะไม่น่าเชื่อเช่น โปรไฟไหม้ 9,000 บาทต่อคน ตัวเลขคนไทยที่เข้าไปประเทศเกาหลีใต้ เลยสูงมากขึ้นๆ และแน่นอน เมื่อสูงมากๆ บรรดา โรบินฮู้ดที่แฝงคราบนักท่องเที่ยวก็ย่อมมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย เพราะราคามันถูกแสนถูก คุ้มเสี่ยงแบบนี้
และเท่าที่ทราบก่อนหน้านี้ไม่นาน ทางเกาหลีใต้ เขาส่งเจ้าหน้าที่ ตม.มาประจำอยู่ที่ สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง เลยด้วยซ้ำไป เพื่อคอยสอดส่อง คนไทยที่น่าสงสัย เมื่อพบก็จะประสานไปยัง กรมแรงงานของไทย และเคาน์เตอร์สายการบิน เพื่อดักกลุ่มคนเหล่านี้เอาไว้ตรวจสอบก่อนตั้งแต่ต้นทางเลย
แต่พอมันไม่ค่อยได้ผลนัก ฝ่ายเค้าจึงมีการยกเลิกไป
เพราะเกาหลีใต้ในยุคที่เศรษฐกิจบูมแบบนี้ ก็เหมือนเมืองไทย นั่นแหละ ที่ประสบปัญหาเรื่องขาดแคลนแรงงาน ชั่วโมงนี้คนเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ ไม่มีใครอยากไปทำงานที่ต้องใช้แรงเยอะๆ ในภาคการเกษตร และตามโรงงานอุตสาหกรรม อีกแล้ว ฉะนั้น บรรดาแรงงานลักลอบเข้าเมือง ก็คือคำตอบหนึ่งของเค้าเช่นกัน
แรงงานโสมขาวขาดแคลน โอกาสของนักขุดทอง แต่ระวัง เกิดป่วยทีเงินที่ได้มา สูญแน่
สำหรับอาชีพยอดฮิตที่คนไทยไปทำกัน ก็มีหลากหลาย ส่วนใหญ่จะเป็นพวกการเกษตร และ การบริการ ซึ่งได้ค่าแรงแตกต่างจากค่าแรงที่เมืองไทยเยอะ
แต่อยากเตือนคนที่กำลังคิดแบบนั้น เอาไว้ด้วยว่า แม้ค่าแรงอาจจะสูงกว่าเมืองไทย แต่หากเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา ช่วงที่อยู่ที่เกาหลีใต้ เงินที่ได้มาทั้งหมดอาจสูญเปล่าไปเลยก็ได้ เพราะค่ารักษาพยาบาลที่นั่นแพงมาก!
...
จริงหรือมั่ว ชัวร์หรือไม่ ตม.กิมจิ มีอคติรังเกียจเชื้อชาติ ชอบใช้กิริยาดูถูกดูแคลนคนไทย
คุณเด่น กล่าว ยืนยันในประเด็นนี้ ว่า “จากประสบการณ์เดินทางไปประเทศเกาหลีใต้มาเกือบ 20 ปี ผมไม่รู้สึกว่า เขาดุดัน หรือ จ้องจับผิดแต่เฉพาะคนไทยเป็นพิเศษ นะครับ ทุกๆคนที่ไป ตม.จะทำหน้าที่ตรวจสอบเหมือนๆกันทุกสัญชาติ ตม.เขาถูกฝึกมาในเรื่องการคัดกรองคนโดยตรง ทั้งรูปร่าง หน้าตา การแต่งกาย ภาษา กิริยาท่าทาง ฉะนั้น หากเราเป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่มีเจตนาจะเข้ามาทำอะไรไม่ดีไม่งาม มันก็ไม่มีปัญหาแน่นอน แต่หากมีอะไรน่าสงสัย แบบนี้ก็เป็นอีกประเด็น”
เท่าที่ น้องๆ ไกด์ เคยเล่าให้ฟัง ก็เช่น หากหน้าหนังสือเดินทางหน้าขาวโล่งๆ มาเลย ไม่เคยมีระบุเลยว่า ได้เคยไปประเทศไหนมาก่อน ก็อาจจะถูกเรียกไปจี้ถามเป็นพิเศษ เช่น มาทำอะไร มีเงินในกระเป๋ามาไหม บัตรเครดิตมีไหม ขอดูประวัติการทำงานหน่อย
หากขอดูกระเป๋าเงินแล้ว พกเงินมาติดตัว แค่พันกว่าบาท แบบนี้ ก็คงจะเชื่อได้ยากว่า จะมาท่องเที่ยวในประเทศเขา จริงไหมครับ ผมพูดตรงๆ เลยนะครับ ตม.พวกนี้ เขาสแกนคนออก มองนิดเดียว เขาก็แยกออกแล้วว่า คนไหนนักท่องเที่ยว คนไหนต้องการลักลอบเข้าเมืองเพื่อทำงานผิดกฎหมาย
ยิ่งเดี๋ยวนี้ เขามีการปรับคิว สำหรับการตรวจคนเข้าเมือง ไปเป็นแบบแถวเดียว แล้วจะมีเจ้าหน้าที่เดินสแกนทีละคน ๆ มันก็ยิ่งทำให้ตรวจสอบพบได้ง่ายขึ้น และแน่นอน คนไหนน่าสงสัย ก็จะถูกเรียกเข้า ห้องเย็น ไปทำการซักถามทันที
...
จริงไหม ห้องเย็น ห้องทรมานคน ไม่ให้อาหารกิน แม้น้ำดื่ม ก็ยังไม่ให้
“ต้องอธิบายแบบนี้ครับ” ผู้คร่ำหวอดการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ ร่วม 20 ปี กล่าวกับทีมข่าวฯ
ห้องเย็น ที่บรรดาคนทำทัวร์เรียกกัน มันก็เป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ในสนามบิน เอาให้สำหรับ ตม.เรียกสอบคนที่น่าสงสัย แน่นอน มันย่อมไม่มีอะไรขายรวมถึงของกิน แต่โดยปกติหากไม่ผ่าน ตม. เขาจะรีบผลักดันกลับในเที่ยวบินต่อไป หรือ เที่ยวบินที่เร็วที่สุดในวันนั้นเลย ไม่ค่อยปล่อยให้นานถึงขนาดข้ามวันข้ามคืน กรณีที่เป็นตั๋วเครื่องบินเช่าเหมาลำ อาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อเปลี่ยนตั๋วกลับ แต่หากไม่มีเงินก็ต้องถูกแช่ค้างไว้คาห้องเย็นจนกระทั่งถึงกำหนดเที่ยวบินกลับของตัวเองตามกำหนดสิ้นสุดทริปของคณะทัวร์ แต่หากเป็นสายการบินปกติก็สามารถเปลี่ยนตั๋วและโดนผลักดันกลับในวันนั้นเลย
เป็นนักท่องเที่ยว แต่มีเป้แค่ใบเดียว มีเสื้อผ้า 3 ชุด ไม่มีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ ไม่มีกระทั่งกล้องถ่ายรูป หรือ มีใบใหญ่จริง แต่ภายในบรรจุ หน่อไม้ ข้าวสาร อาหารแห้ง สำหรับเตรียมไปลุยทำงานแบบนี้ ใครเค้าก็คงดูออก จริงไหมครับ!
ยอมรับ คนไทยที่มาจากภาคอีสานและภาคเหนือ รวมถึงสาวประเภทสอง จะถูกจับตามองเป็นพิเศษ
แล้วอยู่ไปได้ยังไง ล่ะพี่?
ก็ กิน-นอน ไปอยู่ในนั้นแหละครับ! คุณเด่น ตอบทันควัน และปัจจุบัน เท่าที่ผมทราบตอนนี้ เจ้าหน้าที่ ตม.เกาหลีใต้ จะจับตาคนไทยที่มีภูมิลำเนามาจากภาคอีสานและภาคเหนือ รวมถึงสาวประเภทสองเป็นพิเศษ
...
หากเทียบ ตม.เวียดนาม จีน และ ยุโรป โอปป้า จะกลายเป็นคนน่ารักไปในบัดดล
จากประสบการณ์พาลูกทัวร์ไปเที่ยวมาในหลายๆ ประเทศ เกือบ 20 ปี ของผม หากนำ ตม.เกาหลีใต้ ไปเปรียบเทียบกับ ตม.เวียดนาม ตม.จีน หรือ ตม.ของประเทศในทวีปยุโรป เนี่ย ตม.แดนกิมจิ จะกลายเป็นคนน่ารักไปในบัดดล เพราะ ตม.จีน และ ตม.เวียดนาม พวกนี้จะดุกว่ามาก
และเอาแบบแฟร์ๆ จริงๆนะ หากคุณเข้าไปถูกต้อง ไม่ไปโยกโย้ หรือ ไปแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมกับเขา มันก็อยู่ในดุลยพินิจของเขาเช่นกันนะว่า จะให้คุณเข้าประเทศหรือไม่
เตือน ยึดหลักเคารพให้เกียรติ สุภาพ กับเจ้าของบ้าน ตามสมควร
อยากพูดแบบนี้ครับว่า การจะอนุญาตให้ใครเข้าประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็ตาม มันขึ้นอยู่กับ ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ของ ประเทศนั้นๆ ฉะนั้น อยากขอเตือนนักท่องเที่ยวไว้นิดนึงว่า ไม่ควรไปแสดงกิริยาอาการที่ไม่เหมาะสม ทำหน้าบึ้งตึงใส่ ไปเอะอะโวยวาย ด่าทอ หรือ ไปยอกย้อน เวลาถูกเขาตั้งคำถามต่างๆ เพราะหากทำเช่นนั้น มันก็เหมือนเป็นการไปสร้างทัศนคติในเชิงลบกับเค้า ตั้งแต่แรกเห็น
เพราะหากใครยังไม่ทราบ หาก เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็ตาม พิจารณาแล้วไม่ให้เข้าประเทศ และส่งตัวกลับ ไม่จำเป็น ต้องมีการแจ้งเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น ฉะนั้น หากคิดจะเดินทางเข้าไปในประเทศใดก็ตาม ก็ควรให้เกียรติเจ้าบ้านเขาตามสมควร คุณเด่น กล่าวเตือนด้วยความหวังดี ทิ้งท้าย
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน