นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนได้ลงนามในประกาศ ธพ.เรื่องกำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล โดยกำหนดให้ปรับเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซล (บี 100) ในน้ำมันดีเซลจากเดิม 5% หรือบี 5 เป็น 7% หรือบี 7 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์วัตถุดิบคือปาล์มน้ำมันในประเทศ โดยประกาศนี้ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 8 พ.ค.เป็นต้นไปเพื่อให้ทุกภาคส่วนมีเวลาเตรียมตัว

“ก่อนหน้านี้ตัวแทนเกษตรกรที่ปลูกปาล์มน้ำมันได้หารือกับ ธพ. เพื่อต้องการให้ ธพ.ออกประกาศเพิ่มสัดส่วนการผสมปาล์มน้ำมันในน้ำมันดีเซลหรือให้เป็นไบโอดีเซลบี 7 เพื่อดูดซับปริมาณปาล์มน้ำมันในประเทศที่เริ่มล้นตลาดเพื่อแก้ไขราคาผลปาล์มดิบตกต่ำ ซึ่ง ธพ.ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์ส่งตัวเลขปริมาณสำรอง (Stock) น้ำมันปาล์มของประเทศมาให้ก่อนเพื่อให้เกิดความชัดเจน เมื่อได้ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์มา ธพ. จึงได้ประกาศเพิ่มสัดส่วนดังกล่าว และการเปลี่ยนแปลงส่วน ผสมนี้จะไม่มีผลกระทบต่อราคาขายปลีกของน้ำมันไบโอดีเซลให้เพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาบี 100 ที่ผสมในน้ำมันดีเซลขณะนี้มีราคาต่ำ”

สำหรับปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบขณะนี้เฉลี่ยอยู่ 280,000 ตัน สูงกว่าสต๊อกเพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน ที่ประเมินว่าไม่ควรต่ำกว่า 200,000 ตัน ขณะที่ราคาผลปาล์มดิบที่เกษตรกรจำหน่ายอยู่ที่ 3 บาทต่อกิโลกรัมต่ำกว่าราคาประกาศของรัฐบาลที่จะเข้าไปดูแลที่ราคา 4 บาท ดังนั้นหากปรับสูตรไบโอดีเซลจากบี 5 เป็นบี 7 ก็จะดูดซับน้ำมันปาล์มดิบออกจากระบบได้ 25,000 ตันต่อเดือน ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาผลปาล์มดิบตกต่ำได้ระดับหนึ่ง โดยคาดการณ์ว่าการใช้น้ำมันกลุ่มไบโอดีเซลช่วงหน้าฝนจะลดลงเหลือ 62 ล้านลิตรต่อวัน จากหน้าร้อนอยู่ที่ 63-64 ล้านลิตรต่อวัน

...

ด้านนายศาณินทร์ ตริยานนท์ นายกสมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทยกล่าวว่า สต๊อกปาล์มน้ำมันล่าสุดอยู่ที่ 250,000 ตัน และจากนี้ไปจะทยอยเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นฤดูเก็บเกี่ยวผลปาล์มน้ำมัน โดยมีแนวโน้มที่จะขยับไปสู่ระดับ 300,000 ตันในเดือน พ.ค.นี้ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ภาครัฐต้องเร่งเข้ามาดูดซับปริมาณปาล์มน้ำมันจากตลาดด้วยการเพิ่มสัดส่วนบี 5 เป็นบี 7 คาดว่าจะทำให้เกิดความต้องการใช้บี 100 เพิ่มขึ้น 20,000-25,000 ตันต่อเดือน ขณะที่ราคาจำหน่ายบี 100 เฉลี่ยขณะนี้อยู่ที่ 25-26 บาทต่อลิตร จึงไม่มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันขายปลีกบี 7 ให้เพิ่มขึ้น.