เป็นเรื่องฮือฮา (อีกครั้ง) เมื่อนักมวยไทย เอกชัย แสงทับทิม ไปแพ้น็อกนักมวยญี่ปุ่นเพียงแค่ยกแรก และที่สำคัญสภาพการชกของนักมวยไทยดูเหมือนไม่เป็นมวยเลย รวมทั้งไฟต์นี้มีการถ่ายทอดสด

และร่วมรายการใหญ่ที่ญี่ปุ่น จึงมีคนได้ดูเป็นจำนวนมาก ทำให้คณะกรรมการกีฬามวยของญี่ปุ่น Japanese Boxing Commission หรือ JBC สั่งแบนนักมวยไทยคนดังกล่าวไม่ให้ขึ้นชกที่ญี่ปุ่นอีก

และเอกชัยไม่ใช่คนเดียว ก่อนหน้านี้รวมถึงเฉพาะเดือน เม.ย. ก็มีโดนแบนไปแล้วหลายคน!

เรื่องนี้คงไม่ได้เป็นปัญหาที่ตัวบุคคล คือ นักมวยที่โดนลงโทษ เพราะนักมวยเองคงไม่สามารถไปชกได้ด้วยตัวเองต้องมีคนพาไป ต้องมีการติดต่อ และต้องมีกระบวนการโครงข่ายที่ทำมาหากินกันอยู่

ไม่ใช่การทำธุรกิจด้านหมัดมวยเป็นเรื่องผิด แต่ไม่ว่าจะไปโดยใคร ช่องทางไหน คำว่า “ไทย” หรือ นักมวยไทย ต้องติดตัวไปด้วย

นั่นจึงทำให้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว การพานักมวยคนไทยไปชกในต่างประเทศ ทั้งมวยไทย และ มวยสากล มีมาช้านานและทำกันเป็นล่ำเป็นสัน และความเป็นนักมวยนั้น ก็ไม่ได้มีการตรวจสอบ หรือ มีหลักฐานอะไรมากมาย เพียงแต่โปรโมเตอร์ที่มีชื่อเสียง ที่มีการทำมาหากินในวงการหมัดมวยนานาชาติ มีสังกัดที่แน่นอน ก็จะมีมาตรฐานที่มากหน่อย ถ่วงดุลไปในตัวตามธรรมชาติอยู่แล้ว

ด้วยมีชื่อเสียงที่ต้องรักษา ไม่เช่นนั้นอาจจะกระทบไปถึงองค์กรต้นสังกัด หมดทางทำมาหากินไปง่ายๆ

ตรงข้ามกับกลุ่มคนที่เอาง่าย เอาถูก เอาความถี่หานักมวยคนไทยไปชก ได้เงินกันง่ายๆ กระทั่งรับสมัครผ่านทางเว็บไซต์กันดื้อๆก็มีให้เห็น

ปัจจุบันเรามีกฎหมายมวย มีคณะกรรมการกีฬามวย มีกองทุนมวย มีองค์กรมวย มีเวทีมาตรฐาน มีโปรโมเตอร์มีค่ายมวยมากมาย มีการชกมวยอยู่ทั่วประเทศ ในทุกพื้นที่มีมวยเป็นอาชีพหล่อเลี้ยงชีวิต แม้กระทั่งมีความฝันอยากเห็นมวยไทยเข้าแข่งในโอลิมปิก ซึ่งแค่คิดฝันก็มีคนได้ประโยชน์ไปมากมายมหาศาล

...

แต่กลับไม่มีโครงข่ายที่เอื้อให้เกิดการวางมาตรฐาน การสร้างบรรทัดฐาน เพื่อการยกระดับและพัฒนากีฬามวยอย่างเป็นระบบ ไม่ต้องไปถึงการส่งออกมวยไปชก เอาแค่กระบวนการมวยในประเทศก็ยังเปะปะ ต่างคนต่างทำ ใครคิดทำมาหากินด้วยการเอ่ยอ้างคำว่า “มวย” ก็ทำได้ตามสะดวก

แค่มวย 5 ยก กับมวย 3 ยก ยังช่องทางทำมาหากินที่แตกต่าง มวย 5 ยก อยู่ภายใต้การควบคุมของ พ.ร.บ.มวย ทั้งคนจัดและนักมวยที่ขึ้นชกต้องมีการรับรอง และตรวจสอบ ขณะที่มวย 3 ยก ชกได้ตามสะดวก เพราะไม่มี พ.ร.บ.รับรอง กลายเป็นอย่างนั้นไป

นั่นทำให้มีมวยโชว์แสง สี เสียง จัดชกถ่ายทอดทำมาหากินกันตามสบาย มวยแข่งกับมวยเกมโชว์ ก็มีแบรนด์ของ “มวยไทย” ด้วยกันทั้งสิ้น

การที่นักมวยคนไทยไปถูกแบนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถือเป็นการตบหน้าคนไทย และประเทศไทย ซึ่งมีภาพลักษณ์ของเมืองมวย และมีความฝันมากมายกับมวย แต่กลับปล่อยปละละเลย และไม่เคยที่จะสะสางกันอย่างจริงจัง

นี่เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องให้ความสนใจ

มวยเป็นอาชีพ สร้างรายได้ เป็นวิถีชีวิต และเป็นเกียรติภูมิของคนไทย ประเทศไทย ที่ทั่วโลกรับรู้

อยู่เฉยไม่ได้นะครับ...

“เบี้ยหงาย”