ผมปั่นคอลัมน์ฉบับนี้ 1 วัน หลังจากที่ “ช้างศึก” ปราชัยคาบ้าน ให้กับ “เศรษฐีน้ำมัน” ซาอุดีอาระเบีย คาบ้านอย่างยับเยิน 0-3 ส่งผลให้ประตูการไปฟุตบอล โลก 2018 ของทีมชาติไทยได้ปิดลงสนิทแล้วแม้ว่าตามทฤษฎี “ช้างศึก” จะยังมีลมหายใจอยู่ก็ตาม
เพียงไม่กี่ชั่วโมง กระแสดรามาถาโถมเข้าใส่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ชนิดที่อะไรก็หยุดไม่อยู่
ฟุตบอลมันก็เป็นแบบนี้แหละ มีแพ้มีชนะ และแฟนบอลมันก็เป็นแบบนี้แหละ ยิ่งมีอารมณ์ร่วมกับทีมมากเท่าไหร่ หากผลออกมาไม่ได้ดั่งใจ มันก็เป็นอย่างที่เห็นกันนั่นแหละ
แต่เอาเป็นว่า จะติจะติงอะไรก็ขอให้มันพองาม และอยู่บนพื้นฐานของความมีเหตุมีผล
นี่ไม่ได้หมายถึงพวกบรรดาเกรียนคีย์บอร์ดทั้งหลายนะครับ เพราะผมไม่เคยให้ราคากับบุคคลจำพวกนั้นอยู่แล้ว
คนที่ไม่มีต้นทุนอะไร และไม่เคยลงทุนอะไร ย่อมไม่มีความหมายอะไร
สำหรับเกมที่เราพ่ายแพ้ให้กับซาอุฯแบบขาดลอยนั้น ตามความคิดส่วนตัวแล้ว ผมมองว่า ในครึ่งแรกเราวางแท็กติกผิดไป เราคาดการณ์ผิดตั้งแต่แรก แผนการเล่นของเราไม่ได้ผล
พื้นที่แดนกลางของเรา “โบ๋” คู่มิดฟิลด์หาบอลไม่เจอ ได้แต่วิ่งไล่บอล แถมยังไล่ไม่จน
บอลจังหวะ 2 ยิ่งไม่ต้องพูดถึง หากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ คู่ต่อสู้เก็บไปกินหมด 99 เปอร์เซ็นต์
แต่พอมาในครึ่งหลัง มีการปรับแท็กติกโดยลดแผงหลังให้เหลือ 4 ตัว เราทำได้ดีขึ้น ดีขึ้นอย่างมาก
ทีมชาติไทยแสดงให้เห็นศักยภาพที่แท้จริงว่าสามารถต่อกรกับยอดทีมจากแดนตะวันออกกลางได้แบบสูสี และยังสามารถครองบอลได้มากกว่าด้วย
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับด้วยว่าเกมในวันนั้นนักเตะช้างศึกฟอร์มตกกันยกทีม
ธีรศิลป์ แดงดา เก็บบอลไม่ได้ในแดนหน้า ชนาธิป สรงกระสินธ์ ก็เสียแรงไปเยอะจากการวิ่งพล่านไปทั่วสนามเพื่อช่วยเพื่อนไล่บอล จนไม่สามารถสร้างสรรค์เกมอะไรได้ จักรพันธ์ แก้วพรหม ที่คัมแบ็กกลับมาติดทีมชาติอีกครั้งก็ยังปรับตัวได้ไม่ดีเท่าที่ควร ขณะที่ธีราทร บุญมาทัน ก็ขาดๆเกินๆทั้งเกม
...
ที่หนักที่สุดคงจะเป็นปกเกล้า อนันต์ ที่เหมือนเสียความมั่นใจชนิดกู่ไม่กลับ และน่าจะเป็นผู้เล่นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดในเกมนัดนี้
สำหรับแผงหลังที่มีบางคนออกมาวิพากษ์ วิจารณ์ เนื่องจากในนัดนี้เราเสียประตูเยอะนั้น แต่ผมกลับมองว่า พวกเขาทำหน้าที่ได้ดีที่สุดตามศักยภาพที่มีอยู่แล้ว ยกเว้นจังหวะที่เสียลูกแรกแบบง่ายๆเพราะการขาดสมาธิ
การเสียสมาธิของนักเตะได้ย้อนกลับมาทิ่มแทงทีมชาติไทย (อีกแล้ว)
ส่วน 2 ลูกที่เสียในครึ่งหลังนั้น เป็นอะไรที่ช่วยไม่ได้ เราต้องเร่งทำสกอร์ ทำให้จำเป็นต้องดันเกมบุกแบบเต็มสูบ ซึ่งมันก็มีข้อเสียที่ทำให้หลังโหว่ ตรงนี้ก็ต้องให้เครดิตกับคู่ต่อสู้ด้วยที่เล่นจังหวะสวนกลับได้ดี
ที่สำคัญมันทำให้เห็นว่าชั่วโมงนี้การขาด “สารัช อยู่เย็น” ทีมชาติไทยเหมือนขาดใจจริงๆ
บทสรุปที่ออกมาเราแพ้ 0-3 ตรงนี้ต้องยอมรับกัน....ตัวเลขบนสกอร์บอร์ดไม่เคยหลอกใคร
สำหรับผมแล้วตามความเห็นส่วนตัวมองว่า แม้ตอนนี้ทรงบอลเราดีขึ้น นักเตะเรามีความฟิตมากขึ้น โดยรวมแล้วเรามีพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ไปฟุตบอลโลกในเร็ววันนี้
แม้กระทั่งในปี 2022 ก็ตาม!!!
พาวเวอร์บอมบ์