เป็นเรื่องขึ้นมาอีกจนได้ เมื่อศูนย์รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับแจ้งผ่านศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศ ว่า สายการบินไทยสมายล์ เที่ยวบิน WE 136 จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)-เชียงราย ขอให้ ทสภ.ประกาศใช้แผนฉุกเฉิน เนื่องจากผู้โดยสารรายหนึ่งแจ้งกับพนักงานตรวจบัตรโดยสารก่อนขึ้นเครื่องว่า ในกระเป๋ามีระเบิด

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบว่าผู้โดยสารคนดังกล่าวเป็นเด็กชาย อายุเพียง 14 ปีเท่านั้น โดยเด็กชาย 14 ปี พูดกับพนักงานต้อนรับที่ขอตรวจตั๋วโดยสาร ที่เด็กชายคนดังกล่าวเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ต ซึ่งตัวเองไม่สามารถหยิบให้พนักงานต้อนรับตรวจได้ เนื่องจากถือของพะรุงพะรังทั้งสองมือ

เมื่อพนักงานต้อนรับกำลังจะหยิบตั๋วที่อยู่ภายในเสื้อ เด็กชายคนดังกล่าว กลับพูดว่า 'ระวังนะครับ ข้างในมีระเบิด' 

พนักงานต้อนรับ จึงจำเป็นต้องแจ้งให้กัปตันทราบ และแจ้งยังศูนย์รักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทราบ และได้ตรวจสอบตามแผนรักษาความปลอดภัย 

ซึ่งผลการตรวจสอบ ไม่พบวัตถุระเบิด แต่อย่างใด

...

เหตุการณ์นี้ทำให้เที่ยวบินต้องล่าช้าไปหลายชั่วโมง

ทั้งนี้ การพูดของเด็กชายคนดังกล่าว ถือเป็นการแจ้งความข้อความซึ่งรู้อยู่แล้วอันเป็นเท็จ ทำให้ผู้อยู่ในอากาศยานตกใจ และเป็นความผิดตาม มาตรา 22 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 ที่มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2558

ระบุ ผู้ใดแจ้งข้อความหรือส่งข่าวสารซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ และการนั้นเป็นเหตุหรือ น่าจะเป็นเหตุให้ผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยานหรือผู้ที่อยู่ในอากาศยานในระหว่างการบินตื่นตกใจ ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

ถ้าการกระทํานั้นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานในระหว่างการบิน ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงหกแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

ทั้งนี้ เนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นเยาวชน ทางพนักงานสอบสวนจึงจะต้องแจ้งผู้ปกครองมาพบ เพื่อสอบสวนตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนเด็ก หรือเยาวชนต่อไป

สำหรับ พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 มีอีกหลายมาตราที่น่าสนใจ สามารถอ่านต่อได้ ที่นี่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง