เมื่อวานนี้ผมเขียนถึงข่าวดีต้อนรับฤดูร้อนปีนี้ว่าด้วยจะมีคนออกเที่ยวทั่วประเทศไทยเราเพิ่มขึ้น ทั้งนักท่องเที่ยวและคนไทยเราเอง โดยมองจากตัวเลขของเที่ยวบินต่างๆที่จะบินไปลงไปขึ้นที่สนามบินหลักๆ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 10 เปอร์เซ็นต์

มากที่สุดคือ สมุย เพิ่มเที่ยวบินถึง 11 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยภูเก็ต 10 เปอร์เซ็นต์ ดอนเมือง 7 เปอร์เซ็นต์ และเชียงใหม่ 5 เปอร์เซ็นต์

นี่วัดเฉพาะจากเที่ยวบินที่ บริษัทวิทยุการบิน แถลงจากการแจ้งล่วงหน้าเพื่อขอขึ้นลงสนามบินต่างๆของสายการบินต่างๆ และบริษัทเช่าเครื่องบินเหมาลำทั้งหลายเท่านั้น

เมื่อรวมตัวเลขของการเดินทางด้วยรถไฟ รถเมล์ รถทัวร์ รถ บขส. และรถส่วนตัวต่างๆ ที่น่าจะเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้มั่นใจว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวทั้งที่เป็นคนไทยเราเองและนักท่องเที่ยวจากต่างแดนออกท่องเที่ยวทั่วไทยมากขึ้นกว่าปีที่แล้วแน่นอน

จะเป็นผลดีในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยของเราที่กำลังซบเซาอยู่ ในขณะนี้ให้ฟื้นขึ้นมาได้ไม่มากก็น้อย เพราะจะเกิดการใช้เงินไปอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ

ผมเขียนต้นฉบับชิ้นนี้เสร็จสรรพก็ส่งทิ้งล่วงหน้าเอาไว้ เพราะมีโปรแกรมจะต้องเดินทางไปร่วมสัมมนาที่จังหวัดกระบี่กับพรรคพวก จาก สถาบันโพธิคยาฯ ที่มีคุณ สุภชัย วีระภุชงค์ เป็นเลขาธิการ

เนื้อหาสาระของการสัมมนาน่าสนใจมากครับ ผมจะขยักเอาไว้เขียนสรุปให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบในเร็วๆนี้...แต่สำหรับวันนี้ผมขออนุญาตรายงานสิ่งที่พบเห็นระหว่างการเดินทาง ซึ่งน่าจะสอดคล้องกับเรื่องที่ผมเขียนทิ้งไว้เมื่อวานเสียก่อนก็แล้วกัน โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยว ในเทศกาลสงกรานต์ที่คาดว่าจะมากขึ้น

ท่านผู้อ่านครับ ผมพบว่าที่สนามบินสุวรรณภูมิที่ผมขึ้นเครื่องบินไปจังหวัดกระบี่นั้นคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว ทั้งผมดำและผมทอง มิใช่จะมีแต่ผมดำคือนักท่องเที่ยวจีนอย่างเมื่อหลายๆเดือนก่อน

...

ที่สนามบินกระบี่ก็คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว ทั้งในเที่ยวที่ผมเดินทางไปถึงและเที่ยวที่ผมออกเดินทางกลับ

โรงแรม โซฟิเทล กระบี่ โภคีธรา ที่ผมไปพัก มีแขกเข้าพักเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้คณะของเราประมาณ 50 คนที่จะไปสัมมนา ไม่สามารถเข้าห้องพักได้ก่อนเที่ยงวัน เพราะต้องรอให้แขกที่มาพักอยู่ก่อนเช็กเอาต์ออกไปเสียก่อน

ผมสอบถามทางโรงแรมก็ทราบว่าจำนวนผู้เข้าพักจะเต็มหรือเกือบเต็มไปตลอดเดือนมีนาคม จนถึงต้นเมษายน ซึ่งก็คงจะรวมไปถึงในช่วงสงกรานต์ด้วย

เมื่อผมสอบถามไปถึงโรงแรมอื่นๆในจังหวัดกระบี่ก็ได้รับแจ้งว่าอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆกันคือ ส่วนมากแขกจะเข้าพักเต็มในช่วงนี้

ถือเป็นข่าวดีเช่นเดียวกันครับ เพราะผมจำได้ว่าเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมเคยแวะมานอนค้างที่นี่นี่แหละ ผู้จัดการเคยบอกผมว่ามีผู้เข้าพักไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ด้วยซํ้า

ขากลับจากกระบี่มาถึงสุวรรณภูมิ ผมขึ้นรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์เข้าเมือง ก็พบอีกว่านักท่องเที่ยวขึ้นมานั่งเต็มขบวนรถ

นักท่องเที่ยวเหล่านี้ส่วนใหญ่จะลากกระเป๋ามาใบเดียว และมากัน 2-3 คน หรือไม่ก็มาเป็นครอบครัวเล็กๆ แบบมาเองเที่ยวเอง จองโรงแรมผ่านอินเตอร์เน็ตและออกเที่ยวเองโดยไม่ผ่านบริษัททัวร์

เห็นภาพอย่างนี้แล้วก็ดีใจครับ แสดงว่านักท่องเที่ยวยังนิยมที่จะมาเที่ยวเมืองไทยของเรา และแม้ว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนอาจจะลดหายไป แต่เราก็จะเห็นนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆเข้ามาชดเชย

มิได้ลดฮวบจนน่าตกใจอย่างที่เราเคยหวั่นวิตก

ถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้และในขณะที่ทัวร์จีนที่เข้ามาใหม่ก็เริ่มมีกลุ่มทัวร์คุณภาพ มิใช่ทัวร์ศูนย์เหรียญเข้ามามากขึ้น แม้ในแง่ปริมาณหรือจำนวนคนเที่ยวอาจลดลงไปบ้าง แต่คุณภาพคือ เม็ดเงิน ค่าใช้จ่าย และการมีระเบียบวินัย ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม น่าจะดีกว่าอย่างแน่นอน

ถือว่าเราเดินมาถูกทางแล้วครับที่จัดการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างจริงจังเมื่อหลายเดือนก่อน แต่ก็อย่าประมาทครับ เพราะทัวร์ศูนย์เหรียญนั้นเปรียบเสมือนปิศาจร้ายตายยาก เนื่องจากมีอิทธิพลหนุนหลังเยอะ โปรดระวังอย่าให้ฟื้นกลับมาก็แล้วกัน.

“ซูม”