อีกไม่กี่วัน มูลนิธิไทยรัฐ ซึ่งดำเนินงานมาครบจนครบ 45 ปี มีกำหนดจะจัดงาน Thairath Afternoon Gala “Empowering Through Education” เพื่อเชิญชวนผู้ใหญ่ใจดี ร่วมกันส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็ก และเยาวชนไทยที่ยากจน และอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ให้ได้รับการพัฒนาทั้งทางด้านการศึกษา สติปัญญา และจิตใจ เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติในอนาคต

งานนี้จะจัดขึ้นที่โรงแรม อีสติน แกรนด์ พญาไท เวลา 15.00 - 17.00 น. วันที่ 18 ต.ค.นี้ โดยมี “คุณปั้น” บัณฑูร ล่ำซำ แห่ง ธนาคารกสิกรไทย และ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบมจ.เจริญโภคภัณฑ์ และธุรกิจในเครือ มาร่วมกันเป็นองค์ปาฐกในสารถสำคัญของระบบการศึกษา

สอดรับกับวัตถุประสงค์ของ “ไทยรัฐกรุ๊ป” ในการก่อตั้งมูลนิธิไทยรัฐเพื่ออุปการะเด็ก และเยาวชนด้อยโอกาสในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ ภายใต้ปณิธานของ คุณกำพล วัชรพล เจ้าของ และผู้ก่อตั้ง หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ อันเป็นรากฐานสำคัญให้ทายาทในรุ่นต่อๆ มาสามารถขยายอาณาจักรสื่อหลักของสังคมไปสู่การเป็น “สถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี ช่อง 32” และ แพลตฟอร์ม “ไทยรัฐออนไลน์” สำเร็จ

“คุณปั้น” บัณฑูร ล่ำซำ ประธานกิตติคุณ ธนาคารกสิกรไทย ให้คำแนะนำถึงการเรียนในหลักสูตรชีวิตท่ามกลางโลกที่กำลังวิ่งหนีทุกคนว่า “หลักสูตรการศึกษาที่ดีที่สุด และต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ คือ เรื่องของการมีสำนึกว่าสิ่งที่เรารู้อยู่จริงๆ คือ ไม่พอ…เราต้องพัฒนามากกว่านี้ ต้องมีการวิจัยมากกว่านี้ จึงอยากให้ทุกคนคิดในแนวนี้ ไม่ใช่คิดว่า แค่นี้ก็ดีแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะโลกกำลังวิ่งหนีทุกคน”

...

มุมมองของคุณปั้น สะท้อนถึงการศึกษาซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จะนำพาชีวิตสู่ความเป็นคนที่มีคุณภาพผ่านการพัฒนาอย่างรวดเร็วในทุกด้านเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนโลก และก้าวให้ทันการแข่งขันทางการค้ายุคใหม่

ที่สำคัญก็คือ ทุกภาคส่วนควรร่วมมือกันลดอุปสรรคที่เป็นตัวฉุดรั้งการศึกษาของไทย และสร้างพลังขับเคลื่อนประเทศให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ ท่ามกลางอุปสรรคการเข้าถึงการศึกษาของประเทศไทยที่ยังมีอยู่

ขณะที่ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ให้ความเห็นต่อระบบการศึกษาว่า เด็กไทยควรได้รับโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยียุคใหม่ที่เริ่มจากการมีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่ควรเป็น “White Computer” เพื่อให้สามารถเข้าไปเรียนรู้และท่องโลกในด้านต่างๆ ได้ตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ 1 

ในเวลาเดียวกันก็สร้าง “Smart school” ให้เด็กๆ ด้วย เพราะโรงเรียนไม่ใช่สถานที่แค่ให้เด็กมาเรียน แต่เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ เป็นสถานที่ที่ให้การคุ้มครองดูแลเด็ก

คุณศุภชัย ซึ่งคร่ำหวอดอยู่กับการพัฒนาระบบ และโครงสร้างการศึกษามามากกว่า 20 ปี สะท้อนแนวคิด และความเป็นตัวตนของเขาได้จาก “ทรูปลูกปัญญา” แอปพลิเคชั่นที่ตอบทุกเรื่องของการศึกษาไว้อย่างครบถ้วน ผสมผสานไปกับเป้าหมายการสร้างคุณธรรม จริยธรรม ที่นำเอาหลักการทางพระพุทธศาสนาเข้าไปเป็นตัวช่วยในการฝึกการครองสติเพื่อวางรากฐานชีวิตให้แก่เด็ก และเยาวชนคนรุ่นใหม่

คุณศุภชัย ยังคงยืนยันว่า อนาคตอันใกล้ภายในปีนี้ปีหน้า เด็ก และเยาวชนไทย ต้องมี AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ เป็นของตัวเองอย่างน้อยคนละหนึ่ง AI ดังนั้น สังคมไทย จึงควรร่วมมือกันหาวิธีที่จะสร้างทักษะทางด้านเทคโนโลยีเพื่อแข่งขันกับประเทศต่างๆ ให้แก่เยาวชนไทยให้ได้ในเวลาที่รวดเร็วที่สุดในยามนี้

“ถ้าจะให้เร็วจริงๆ ก็ควรเริ่มจากเด็กที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีที่ 1 หรือ พวกที่เรียน ปวช. ปวส. ...ภาครัฐ เอกชน หรือองค์กรทางธุรกิจ จะเข้าไปบอกเขาว่า เราอยากให้คุณ take course ทักษะเรื่องของ Cloud Computing ระบบพื้นฐานการประมวลผลบนคลังข้อมูล ระหว่างกำลังเรียนไปเลย โดยเราอาจให้ Incentive หรือรางวัลในรูปแบบต่างๆ เพื่อเป็นแรงจูงใจในการเพิ่มทักษะแก่พวกเขา...ทันทีที่เรียนจบ เขาจะต้องมีทักษะที่เราต้องการ โดยวิธีนี้ จะทำให้ประเทศไทยเรามีแรงงานใหม่ปีละราว 500,000 คน ที่สามารถทำงานในภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจเอกชนในทักษะนี้ได้ทันที ไม่ต้องรอ 4 ปีจบมา 2 ล้านคนแล้วค่อยเพิ่มทักษะให้ ซึ่งช้าไป”

ความเห็นของบุคคลสำคัญทั้งสองนี้ จะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่น่าสนใจมากกว่านี้ในงานที่ไทยรัฐกรุ๊ปจะจัดขึ้น และหลังจากที่ทั้งสองท่านปาฐกถาเสร็จ คุณจิตสุภา วัชรพล Co-CEO ไทยรัฐกรุ๊ป จะเปิดประมูลของสะสมจากผู้ใหญ่ใจดี 19 รายการ โดย ริก้า ดีล่า แห่ง Phillips บริษัทประมูลเก่าแก่กว่า 200 ปี...เพื่อนำรายได้สมทบทุนให้แก่ มูลนิธิไทยรัฐ เป็นการส่งมอบโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กไทยเพื่ออนาคตที่ดีของประเทศชาติสืบไป