แม้จะได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีการสื่อสารของโลกยุคใหม่(Disrupt) แต่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐยังคงยึดมั่นในนโยบายการนำเสนอข่าวที่ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ(Human Interest) และถูกต้อง ครบถ้วนตามอุดมคติของนายกำพล วัชรพล ผู้ให้กำเนิดหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

จนถึงวันนี้ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ กำลังจะมีอายุครบ 75 ปี ในวันที่ 27 ธ.ค.2567 นับตั้งแต่ปีที่ นายกำพล กระโจนเข้าสู่ความเป็นเจ้าของสื่อ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้อุดมการณ์ของการนำเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างตรงไปตรงมาในทุกแง่มุมเป็นจริงจนสามารถตอบสนองความต้องการของผู้อ่านได้สำเร็จ

แต่ก่อนจะถึงวันครบรอบการก่อตั้งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ทายาทรุ่นที่ 2 ซึ่งได้แก่ ยิ่งลักษณ์ วัชรพล และ สราวุธ วัชรพล ผู้อำนวยการใหญ่ และ บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ไทยรัฐตลอดจนถึง วัชร วัชรพล และ จิตสุภา วัชรพล Co-CEO ทายาทรุ่นที่ 3 ซึ่งได้ขยายอาณาจักรของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ สู่การเป็นเจ้าของสื่อในโลกยุคใหม่ทั้ง ไทยรัฐออนไลน์ และ ไทยรัฐทีวี ในช่อง 32 เพื่อต่อยอดอุดมการณ์ความเป็นสถาบันสื่อมวลชนใหญ่ของประเทศต่อไปนั้น

ทายาททั้งสองรุ่นของไทยรัฐกรุ๊ป ตกลงใจจะจัดงาน Empowering Through Education ในวันที่ 18 ต.ค.2567 เวลา 15.00 - 17.00 น. ณ โรงแรมพญาไท อิสติน ภายใต้ความร่วมมือกับ มูลนิธิไทยรัฐ เพื่อบอกให้สังคมรับรู้ร่วมกันว่า ไทยรัฐของเรา ร่วมกันทำงานหนัก เพื่อวางรากฐานทางปัญญาให้แก่เด็ก และเยาวชนไทยในท้องถิ่นห่างไกลทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลายาวนานถึง 45 ปี 

...

หลายท่านคงไม่ทราบว่า ตลอดระยะเวลายาวนานนี้ ไทยรัฐกรุ๊ป ได้สร้างโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ไปแล้วถึง 101 แห่งทั่วประเทศ และเพิ่มอีก 10 แห่งรวมเป็น 111 แห่งในโอกาสที่นายกำพล วัชรพล ได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโก(UNESCO) ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกลำดับที่ 29 ในด้านการศึกษา และ สื่อสารมวลชน เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2562 เฉลิมฉลองวันครบรอบ 100 ปีชาติกาลของเขา

นายกำพล พูดเสมอว่า เขาเรียนหนังสือมาน้อย จบการศึกษาเพียงชั้นประถมปีที่ 4 (ป.4) เท่านั้น และไม่มีโอกาสได้ศึกษาต่อ เพราะมารดามีอาชีพค้าข้าวเรือเร่ ชีวิตส่วนใหญ่จึงอยู่บนเรือ ด้วยว่าต้องขึ้นล่องไปตามแม่น้ำสายต่างๆ กับมารดา ก่อนชีวิตจะพลิกผันมาสมัครเป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์หลักไทย แล้วค่อยๆ เก็บเงินลงขันกับเพื่อนซื้อหัวหนังสือพิมพ์ที่มีตราสัญญลักษณ์เป็นรูปกล้องถ่ายภาพ สายฟ้า และฟันเฟืองซ้อนกันอยู่ในรูปวงกลม ตีพิมพ์ข่าวขายฉบับละ 1 บาทใน ปี พ.ศ. 2493

และเมื่อถึงวันที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐก้าวขึ้นเป็นหนังสือพิมพ์รายวันอันดับ 1 ของประเทศ ต่อเนื่องมาจนกระทั่งมียอดจำหน่ายมากที่สุดในบรรดาหนังสือพิมพ์รายวันในภูมิภาคอาเซียนวันละ 1 ล้านฉบับ นายกำพล จึงอุทิศเงินจำนวน 500 ล้านบาทเป็นทุนประเดิมในการสร้างโรงเรียนให้แก่เด็ก และเยาวชนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลความเจริญ 

นอกจากให้การศึกษาแก่เด็ก และเยาวชนที่ด้อยโอกาสแล้ว มูลนิธิไทยรัฐ ยังเข้าไปให้การอุปการะดูแลโรงเรียนไทยรัฐวิทยาในด้านต่างๆ มากมายตั้งแต่การสมทบทุนอาหารกลางวันที่ภาครัฐมีงบประมาณให้เพียงวันละ 26 บาท 

มูลนิธิไทยรัฐ ยังดูแลให้ทุนการศึกษา พัฒนาครู และบุคลากร พร้อมมอบที่ดินเพื่อก่อสร้างอาคารเรียน ตลอดจนถึงอาคารหอพักครูที่ไม่สามารถเดินทางคาบเกี่ยวระหว่างจังหวัดกับจังหวัดในถิ่นทุรกันดารด้วย

ในเวลาเดียวกัน หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ก็ทำหน้าที่เป็นแหล่งให้การศึกษา สถานที่เพื่อการฝึกงาน และดูงานของนักศึกษาทั้งใน และนอกประเทศตลอดช่วงเวลาหลายปี 

...

นายกำพล ได้ให้คำมั่นสัญญาว่า ตัวเขา ทายาท และพวกเราบรรดาลูกน้อง จะดำเนินการอย่างสุดความสามารถเพื่อให้เด็กนักเรียนที่มีมากกว่า 25,000 คน ในชนบทได้รับการพัฒนาทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญาที่เหมาะสม เพื่อเติบใหญ่เป็นพลเมืองดี และมีคุณภาพตามปณิธาน ของ นายกำพล ที่ต้องการจะส่งต่ออนาคตที่ยั่งยืนด้วยการศึกษา

“ขอบคุณผู้อ่าน ผู้ชม และผู้ติดตามสื่อทั้ง 3 แขนงของเรา ตลอดจนผู้ใหญ่ใจดีจากทุกองค์กร ทุกบริษัทห้างร้านที่ร่วมบริจาคผ่านมูลนิธิไทยรัฐไปสู่เด็กๆ ในชนบท... พวกเราจะดูแลโรงเรียนไทยรัฐวิทยาทั้ง 111 แห่งอย่างเอาใจใส่อย่างยิ่งตลอดไป” 

จิตสุภา วัชรพล Co-CEO ของไทยรัฐทีวีและออนไลน์ เจ้าของงาน Empowering Through Education ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 18 ต.ค.นี้ เวลา 15.00 - 17.00 น. ณ โรงแรมพญาไท อิสติน เพื่อระดมทุนจากการร่วมบริจาคของผู้ใหญ่ใจดีในทุกองค์กร ทุกบริษัทห้างร้านผ่านมูลนิธิไทยรัฐสู่เด็กๆ ในชนบท…ประกาศจุดยืนว่า เธอจะยืนหยัดเป็นพลังสำคัญเพื่อส่งผ่านไปสู่การศึกษาให้แก่เด็กๆ และเยาวชนไทยเช่นที่ไทยรัฐกรุ๊ปได้ทำมาตลอด

...

พร้อมประกาศว่า เธอจะสนับสนุนเรื่องนี้จริงจัง เพื่อมอบโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมให้แก่ทุกคนในสังคม ผ่านการทำคอนเทนต์ที่สามารถยกระดับชีวิตของคนไปพร้อมๆ กับการสนับสนุนมูลนิธิไทยรัฐ และโรงเรียนไทยรัฐวิทยาด้วยการให้พื้นที่ และให้โอกาสแก่ผู้คนที่ไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพได้ 

“มันเป็นทางออกเดียวที่ยั่งยืนที่สุด และมั่นคงที่สุดในการลดช่องว่างของความเหลื่อมล้ำทางสังคมของประเทศในระยะยาว เพื่อนำพาทุกคนเดินไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน”

เราจึงถือโอกาสนี้ เชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการสร้างพลัง ส่งผ่านการศึกษาสู่เด็ก และเยาวชนในท้องถิ่นห่างไกลทั่วประเทศ เพื่อให้พวกเขาได้รับโอกาสในการพัฒนาทั้งทางด้านการศึกษา สติปัญญา ร่างกาย และจิตใจ เพื่อเติบใหญ่เป็นพลเมืองดี และมีคุณภาพของประเทศไทยในอนาคต