คนเริ่มทยอยเดินทางกลับช่วงสงกรานต์ คาดหนาแน่นสุด 12 เม.ย. เชื่อมีปริมาณรถออกมากสุดถึง 620,000 คัน พร้อมเปิดช่องทางพิเศษ มอเตอร์เวย์ M6 ระบายรถไปภาคอีสาน 11-14 เม.ย. 65

วันที่ 10 เมษายน 2565 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานจราจร ได้เดินทางมาตรวจการปฏิบัติงานของศูนย์บริหารจราจร กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) โดยมี พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น., พ.ต.อ.สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล รอง ผบก.จร. และ พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล. ให้การต้อนรับและบรรยายสรุป สภาพและปัญหาการจราจรทั้งในเขต กทม. และภูมิภาค นับตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา

ต่อมา เวลา 16.00 น. ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ ตรวจสภาพการจราจร ไปตามเส้นทางถนนพหลโยธิน จากต่างระดับบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ไปจนถึง จ.สระบุรี เชื่อมต่อถนนมิตรภาพ บริเวณ เนินทับกวาง เนินกลางดง เนินคลองไผ่ จ.นครราชสีมา เพื่อตรวจดูสภาพการจราจร และจุดที่เป็นปัญหารถชะลอตัว

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยและสั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกการจราจรให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในห้วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมกำชับให้กวดขันผู้ที่ฝ่าฝืนกฎจราจรก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมายให้ตนจัดตั้ง ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ช่วงสงกรานต์ โดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมานั้น

สำหรับ สภาพการจราจร วันที่ 8 เมษายน 2565 จนถึงวันนี้ พบว่าปริมาณรถเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากประชาชนบางส่วนพยายามหลีกเลี่ยงการจราจรช่วงวันสงกรานต์ จากข้อมูลกรมทางหลวง ในวันที่ 9 เมษายน 2565 มีรถออกมากถึง 591,573 คัน และในวันนี้ (10 เมษายน) คาดว่าจะมีรถออกกว่า 550,000 คัน ซึ่งเชื่อว่าในวันที่ 12 เมษายน จะมีปริมาณรถออกมากสุดถึง 620,000 คัน ตัวเลขเหล่านี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องนำมาคำนวณในการบริหารกำลังพลให้เหมาะสมเพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

...

สำหรับการเร่งระบายรถ ตำรวจจะเน้นอำนวยการจราจรบริเวณจุดที่ไม่สามารถคืนพื้นผิวการจราจรได้ทั้งหมด เช่น จุดก่อสร้างทาง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการเปิดช่องทางพิเศษ เพื่อเร่งระบายรถขาออก โดยเฉพาะ ถ.มิตรภาพ ช่วงเนินกลางดง (กม.31-34), เนินทับกวาง (กม.24-43) และ ต่างระดับสีดา (กม.238-241) รวมทั้ง ถ.ตาพระยา-โนนดินแดง (กม.76-81) ซึ่งเป็นจุดที่การจราจรชะลอตัวทุกปีเนื่องจากเป็นเนินสูง มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเปิดช่องทางพิเศษเป็นระยะๆ เพื่อหอบเอามวลรถให้พ้นจุดที่รถหนาแน่น

ในวันที่ 11-14 เมษายน จะเริ่มเปิดช่องทางพิเศษ มอเตอร์เวย์ M6 เพื่อเร่งระบายรถที่จะเดินทางไปภาคอีสานเหนือ เริ่มจาก กม.65 ถ.มิตรภาพ เบี่ยงออกซ้ายเข้า M6 ผู้ที่จะเดินทางไปชัยภูมิ จะใช้ทางออกเชื่อมต่อ ทล.201 ที่ต่างระดับสีคิ้ว ส่วนรถที่จะมุ่งหน้าไปจังหวัดขอนแก่น จะใช้ทางออกเชื่อมต่อ ทล.204 ที่ต่างระดับขามทะเลสอ รวมระยะทาง 64 กม. ส่วนเที่ยวกลับจะเปิดใช้ช่องทางพิเศษในวันที่ 15-18 เม.ย. ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถช่วยเร่งระบายมวลรถได้จำนวนมาก

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า อีกสาเหตุที่ทำให้การจราจรชะลอตัว คือรถบรรทุก จึงต้องมีการจำกัดปริมาณรถบรรทุกในวันที่ 12-13 และ 16-18 เม.ย. โดยจะพิจารณาอนุญาตเฉพาะรถบรรทุกสิ่งของจำเป็นเร่งด่วน เช่น รถบรรทุกน้ำมันหรือแก๊ส รถบรรทุกอาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค เป็นต้น โดยในห้วง 1-9 เม.ย. มีการยื่นคำร้องเข้ามา 24,307 คัน และอนุญาตให้ทำการวิ่งได้ 22,493 คัน สำหรับอีก 1,814 คันที่ไม่อนุญาต เนื่องจากไม่เข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าว เช่น รถบรรทุกหิน ดิน ทราย เป็นต้น

ส่วนความกังวลเรื่องประสิทธิภาพของผู้ขับขี่รถโดยสาร ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร และ ตำรวจปราบปรามยาเสพติด เข้าไปประสานสถานีขนส่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร), สถานีขนส่งผู้โดยสารเอกมัย และ และสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (สายใต้ใหม่) เพื่อทำการตรวจวัดแอลกอฮอล์ และสารเสพติดผู้ขับขี่รถโดยสาร เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุ ซึ่งตั้งแต่ 8 เม.ย. จนถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้ขับขี่รถโดยสารมีแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดในร่างกาย

รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า สงกรานต์ปีนี้ นายกรัฐมนตรี อยากให้ประชาชนเดินทางกลับอย่างปลอดภัย และเกิดอุบัติเหตุน้อยที่สุด กำชับให้ตำรวจกวดขันวินัยจราจรอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะ 10 ข้อหาหลัก ซึ่งตั้งแต่วันที่ 4-9 เมษายน พบการกระทำผิด เช่น เมาแล้วขับ จำนวน 874 ราย ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 148,088 ราย ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร 3,875 ราย ซึ่งมาตรการทั้งหมดที่ดำเนินการมานั้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกการจราจร ให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย และเป็นการป้องกันไม่ให้มีการกระทำผิดกฎจราจรจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายบนท้องถนน

ทั้งนี้หากพบอุบัติเหตุ หรือรถเสีย สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน บก.ทล. 1193 หรือ สายด่วนกรมทางหลวง 1586 หรือ สายด่วน บก.จร. 1197 ตลอด 24 ชม.