ฐาปน สิริวัฒนภักดี มอบเงินสนับสนุนโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

ร้อยล้าน ฐาปน สิริวัฒนภักดี กก.ผอ.ใหญ่ บ.ไทยเบฟเวอเรจ มอบเงินจำนวน 100,000,000 บาทให้ ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ เพื่อสนับสนุนโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ในโครงการปรับปรุงอาคารผู้ป่วยหลวงปู่แหวน “สุจิณโณ” ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ วันก่อน.

ฉลองปีใหม่ไม่ประมาทปลอดภัยต่อสุขภาพ.......หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสีจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม 2565

“ธนูเทพ” ประจำการรับใช้ท่านผู้อ่าน... ผ่านการเฉลิมฉลองเคาต์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับศักราชใหม่ 2565 กันแล้ว แต่งานเลี้ยงคงยังไม่เลิกรา เพราะยังมีเวลาฉลองต้อนรับปีใหม่อีกสองวัน เนื่องจากได้หยุดยาว ราชการหยุดชดเชย ถึงวันที่ 3 ม.ค. ทำให้มีเวลาท่องเที่ยวฉลองความสุขต่อเนื่อง ก่อนกลับมาทำงานตามปกติ ทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเผชิญชะตากรรมในชีวิตจริงกันต่อในวันที่ 4 ม.ค. นี้ 

ทั้งนี้ ในห้วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ฝากย้ำเตือนประชาชน ขอให้ทุกคนอย่าประมาท การ์ดอย่าตก เพราะไทยยังอยู่ในช่วงการแพร่ระบาด โควิด–19 รัฐบาลให้ความสำคัญ เรื่องเน้นการสวม หน้ากากอนามัย โดยเฉพาะอยากขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวร่วมปฏิบัติตามมาตรการอนามัยส่วนบุคคล และได้กำชับไปถึง ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ในฐานะ ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ต้องคุมเข้ม ติดตามผู้ได้รับอนุญาตจัดงาน เจ้าของสถานประกอบการ ร้านค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง ที่เปิดให้บริการช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ ต้องดำเนินมาตรการในการ สกัดกั้นการแพร่ระบาดโควิด–19 ด้วย โควิดฟรีเซตติ้ง เพราะมีโอกาสที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะ สายพันธุ์โอมิครอน สูงมาก ที่สำคัญสถานบริการอาจถูกปิดกิจการได้ โดย นายกฯประยุทธ์ สั่งการให้ กระทรวงสาธารณสุข จัดประชุมประเมินสถานการณ์การระบาด หลังหยุดเทศกาลปีใหม่ ผ่านไป 15 วัน อีกครั้ง หากพบ จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูง อาจนำเข้าสู่ที่ประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด–19 (ศบค.) เพื่อพิจารณาปรับแนวทางและเพิ่มมาตรการป้องกันอื่นๆตามมาอีก...พูดง่ายๆ ถ้าผู้ประกอบกิจการ ไม่เคร่งครัดต่อระเบียบกฎหมายมาตรการด้านสาธารณสุขตามที่ขออนุญาต และ ผู้ใช้บริการ ไม่เข้มงวดต่อมาตรการป้องกันตนเองจากไวรัสร้าย จนเกิดคลัสเตอร์ใหญ่ เชื้อโควิดแพร่กระจายเป็นวงกว้าง อาจต้องมีการใช้ยาแรง ปิดสถานประกอบการ ปิดเมือง ปิด ประเทศอีกครั้ง เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

ที่แน่ๆ ทาง รัฐบาล ได้มีการขยับเตรียมรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิดทั้ง สายพันธุ์เดลตา และสายพันธุ์ใหม่ โอมิครอน หลังเทศกาลปีใหม่ที่ส่อเค้าจะมีการแพร่ระบาดมากขึ้น ล่าสุด ธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำบันทึกถึง หัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ในสังกัด สำนักนายกรัฐมนตรี และ หน่วยงานของรัฐ ในกำกับ สำนักนายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรี มีบัญชาให้แจ้ง แนวปฏิบัติของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐภายหลังเทศกาลปีใหม่ เพื่อยกระดับมาตรการป้องกันโควิด ที่มีแนวโน้มระบาดมากขึ้นทั่วโลกและหลายพื้นที่ของประเทศ โดยให้หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพิจารณาสั่งการให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในความรับผิดชอบ พิจารณาดำเนินการปฏิบัติ ในระหว่างวันที่ 1–14 ม.ค.2565 ได้แก่ ให้พิจารณา ดำเนินการปฏิบัติงานนอกสถานที่ที่ตั้งหน่วยงาน หรือ เวิร์กฟรอมโฮม ตามความเหมาะสม โดยไม่ให้มีผลกระทบต่อการให้บริการประชาชน และ พิจารณาหลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรม ที่ทำให้เกิดการ รวมกลุ่ม หรือเคลื่อนที่ของกลุ่มคนจำนวนมาก เช่น การประชุม การสัมมนา การฝึกอบรม การจัดสอบ ฯลฯ หากมีความจำเป็นให้จัดกิจกรรมโดยวิธีการทาง อิเล็กทรอนิกส์ ให้มากที่สุด ทั้งนี้ยกเว้นกรณีการยกเลิก ระงับ หรือเลื่อนการจัดกิจกรรมใดแล้วอาจเกิดผลเสียต่อทางราชการ ขอให้พิจารณาดำเนินการจัดกิจกรรมดังกล่าวภายใต้ มาตรการป้องกันโควิด–19 ตามที่ กระทรวงสาธารณสุข กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ก็ได้มี หนังสือด่วน แจ้งไปยัง คณะรัฐมนตรี (ครม.) และผู้เกี่ยวข้อง ระบุว่าการประชุม คณะรัฐมนตรี ในครั้งต่อไป วันที่ 4 ม.ค.2565 จะเป็นการประชุม ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เต็มรูปแบบ ขอให้ ครม.และผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนประชุม ณ ที่ตั้งส่วนราชการ หรือที่พัก หาก รัฐมนตรี หรือผู้เข้าร่วมประชุมคนใดประสงค์จะเปลี่ยนสถานที่ประชุม ครม.ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์สามารถประสานฝ่ายเทคนิคได้ รวมถึงหากหน่วยงานใดมีความประสงค์จะเสนอเรื่องต่อที่ประชุม ครม. เป็นวาระจร ให้ประสาน สลค. ล่วงหน้า หากเรื่องที่เสนอมาไม่ได้รับการพิจารณาเข้าเป็นวาระจรขอให้ดำเนินการตามแนวทางในการส่งเรื่องไปเพื่อเสนอ ครม. ตามปกติ ส่วนกรณีหนังสือตอบความเห็นสามารถส่งได้ที่เจ้าหน้าที่รับเรื่อง สลค. ทำเนียบรัฐบาล...สะท้อนสถานการณ์จะระบาดหนักหน่วงอีกรอบ

ขณะเดียวกันทางด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เน้นย้ำว่า นายกฯประยุทธ์ มีความห่วงใยประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทั้งที่กลับภูมิลำเนาและเดินทางท่องเที่ยว ได้สั่งการให้ กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินมาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาด โควิด–19 อย่างเข้มข้นรวมทั้งอำนวยความสะดวกดูแลประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนสัญจรไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ควบคู่การ สกัดกั้นการระบาด โควิด...ทั้งนี้ ในการป้องกันและสกัดกั้นการแพร่ระบาดโควิด ได้สั่งการไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด และ กทม. กำชับและติดตามการจัด กิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ของผู้จัดหรือผู้ประกอบการ ให้เป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการปฏิบัติตามแนวทางความปลอดภัยองค์กร ทั้งด้านสุขอนามัย และความปลอดภัย เช่น คัดกรองผู้เข้าร่วมงานด้วยการวัดอุณหภูมิ มีระบบลงทะเบียน รักษาระยะห่าง ควบคุมจำกัดจำนวนผู้ร่วมงาน และการระบายอากาศ ผู้จัดงานและพนักงานต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ และการคัดกรองความเสี่ยง ส่วนประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันติดเชื้อโควิดขั้นสูงสุด...นอกจากนี้ ยังกำชับ ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัดให้ดำเนินการตามแผนและมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จัดตั้งจุดตรวจ ด่านชุมชนเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุ การลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสภาพแวดล้อมด้วยการปิดจุดเสี่ยง ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย จะดูแลทั้ง ด้านการป้องกันโควิด และ การป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน หากกิจกรรมหรือบุคคลใดไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด กระทำผิดกฎหมาย ให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่มีละเว้น...ใครกล้าลองของ โดนข้อหาหนักแน่

อืม...เมื่อมีเทศกาลวันหยุดยาว ก็มักมีเรื่องเศร้าที่เกิดจากอุบัติเหตุในการใช้รถใช้ถนนเป็นประจำทุกเทศกาล สำหรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2565 เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี แถลงว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2565 โดย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ ความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนน สะสม ในช่วง 2 วัน ของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” คือ วันที่ 29–30 ธ.ค.2564 เกิดอุบัติเหตุรวม 784 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 85 ราย ผู้บาดเจ็บ รวม 786 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต หรือตายเป็นศูนย์มี 46 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 31 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด คือ นครราชสีมา 7 ราย และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด คือ จังหวัดเลย 32 คน...นี่แค่ 2 วันของการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในเทศกาลปีใหม่ ถ้าครบ 7 วันอันตราย หมดช่วงหยุดยาว ยอดคงพุ่งจนดูไม่จืด

ประภู–สุภาภรณ์ พรประภา ฝากขอบพระคุณแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมบำเพ็ญกุศลในงานศพ พรพงษ์ พรประภา ที่วัดธาตุทอง สิ่งใดขาดตกบกพร่อง ทางครอบครัวขอน้อมรับและกราบขออภัย

“ธนูเทพ”