• ผู้ที่พักผ่อนน้อย ระวังผลร้ายจากการโหมงานหนัก โรคภัยอาจคุกคามจนเกือบไม่รอดชีวิต 

• สาวหัวใจแกร่ง ต่อสู้เพียงลำพัง ทำธุรกิจเจ๊ง 10 กว่าครั้งแต่ไม่ยอมแพ้ สู้สุดใจจนลุกได้อย่างสง่าจนถึงปัจจุบัน

• เงิน 3 พันจากแม่ ช่วยต่อลมหายใจ บุกเบิกนวดหน้าเดลิเวอรี่พร้อมจุดเด่นหิ้วเตียงนอน 15 วัน สร้างรายได้แสน

นวดหน้าพลิกชีวิต.... ไม่มีคำไหนที่ให้ความหมายเหมาะสมและตรงกับชีวิต ครูธัญญ์ หรือ “ธัญญ์นภัส ภัทร์ฐานนท์ชัย” เท่าคำนี้ที่สุดแล้ว หลังเป็นเวลาชั่วโมงกว่าที่ มาดามริชชี่ได้พูดคุยกับครูธัญญ์ ต้องยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว เก่งและแกร่งเกินตัวจริงๆ เพราะครูธัญญ์ผ่านวิกฤติอุปสรรคชีวิตมาแล้วมากมาย

- เคยมีเงินมากมาย จู่ๆ กลายเป็นคนล้มละลาย
- เคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเพราะสูญเสียคนรักที่คบกันมานานถึง 12 ปี อย่างกะทันหัน ด้วยอุบัติเหตุ
- เคยทำธุรกิจเจ๊ง 10 ธุรกิจติดต่อกัน
- เคยเฉียดตายเพราะปัญหาสุขภาพที่ทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำจนเกือบจากไปอย่างไม่มีวันกลับ

...

จากชีวิตติดลบ “ล้มหลายครั้ง” แต่ “ลุกขึ้น” ได้อย่างสง่างามมาจนถึงทุกวันนี้เพราะสิ่งใด เราไปทำความรู้จักเธอให้มากขึ้น และไปรับพลังบวกจากเธอกันเลยดีกว่า มาดามริชชี่บอกเลยว่า “ครูธัญญ์” คือแบบอย่างให้อีกหลายคนที่กำลังท้อแท้ สิ้นหวังในชีวิตให้มีแรงใจสู้ต่อไปได้อีกมากมายทีเดียว

: ชีวิตเป๋ เพราะสูญเสียสามีที่คบกันมา 12 ปี :

ครูธัญญ์ย้อนเล่าเรื่องราวชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบว่า ตอนอายุประมาณ 27 ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายกับสามีที่ จ.อุดรธานี จู่ๆ วันหนึ่งสามีที่คบกันมา 12 ปีเสียชีวิตกะทันหันจากอุบัติเหตุ ธุรกิจต่างๆ ที่สามีทำ ทั้งรถให้เช่า, วัสดุรายหัว ส่งตามหน่วยงานราชการ รร. อบต. สถานีตำรวจ ทหาร ,เปิดร้านเครื่องเขียน, รร.สอนติวเตอร์ให้คนเช่า, ร้านเสริมสวย และ รร.สอนเสริมสวย มิเลเนี่ยมแฮร์ดีไซร์ เธอสานต่อไม่ได้เพราะทำไม่เป็น ไม่เก่งเหมือนสามี ทำให้บ้าน รถ ทรัพย์สินต่างๆ ถูกยึดเพราะไม่มีเงินจ่าย ชีวิตครูธัญญ์เป๋ทันทีจึงกลับมาเริ่มชีวิตใหม่ที่ กทม.

หลังขาดเสาหลักของครอบครัว รู้สึกเคว้งคว้าง สิ้นหวัง หาทางออกให้กับชีวิตไม่เจอ ครูธัญญ์รู้เพียงอย่างเดียว ไม่อยากตื่น ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ไปทำไม อยู่เพื่อใคร ทำได้เพียงปล่อยชีวิตไร้ค่าไปวันๆ ตื่นมากินแต่ยานอนหลับเพื่อไม่ให้คิดมากและคิดถึงสามีอันเป็นที่รัก

กระทั่งเพื่อนมาเยี่ยม เห็นสภาพครูธัญญ์จากคนที่สดใส ร่าเริง กลายเป็นเหี่ยวเฉา ปล่อยตัวโทรม จึงเตือนสติให้สู้ และแนะนำให้ขายของเพื่อสร้างรายได้ ครูธัญญ์จึงไปเป็นแม่ค้าตลาดนัด เริ่มจากนำกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองไปขาย ได้เงินมาไม่กี่พันรู้สึกมีพลัง และเมื่อได้คลุกคลีกับแม่ค้าหลายๆคน เริ่มเห็นช่องทางทำเงินหลายทางก็นำเงินไปลงทุนขายอาหาร ทั้งขายไข่เจียวในวันธรรมดาตามตลาดนัด วันเสาร์อาทิตย์ไปผัดไทยกุ้งแม่น้ำขายที่จตุจักร ขายอาหารอีสานหลังการบินไทย ขายอาหารตามสั่งในยูเนี่ยนมอลล์ อ.ต.ก. แจ้งวัฒนะ 

“เอาเสื้อผ้ากระเป๋าตัวเองไปขาย ดีใจมากได้เงินไม่กี่ร้อยก็ไปซื้อเตาแก๊สปิกนิก กระทะ มาขายข้าวไข่เจียวทรงเครื่อง ขายดีมาก ได้วันละหลายพัน ทีนี้เริ่มสนุก หาลูกน้องมาช่วยไปขายหลายๆ ที่ หุ้นกับเพื่อนเปิดบาร์เกย์ด้วยนะ”

: ผลร้ายโหมงานหนัก โรคภัยคุกคาม เกือบไม่รอดชีวิต :

ครูธัญญ์ทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำทุกวัน โดยเวลาตีสองกว่าไปจ่ายตลาดบางกะปิ ถึงบ้านกลับมาพักผ่อน จนถึงเวลา 10 โมงลุกขึ้น อาบน้ำแต่งตัว ลูกน้องแต่ละที่ก็มาเอาผักไปขาย เที่ยงวันก็มารับออเดอร์ เสิร์ฟ เก็บจานที่ร้านหลังการบินไทย บ่ายสามกลับไปพักผ่อน กระทั่งทุ่มกว่าๆ ไปดูร้านอาหารในยูเนี่ยนมอลล์ กลับถึงบ้านสี่ทุ่มกว่า อาบน้ำไปดูแลธุรกิจบาร์เกย์ต่อจนถึงตีสองแล้วไปจ่ายตลาด

ครูธัญญ์ ลุยทำทุกอย่าง จากแม่ค้าตลาดนัดปัจจุบันเป็นเจ้าของสถาบันนวดหน้า
ครูธัญญ์ ลุยทำทุกอย่าง จากแม่ค้าตลาดนัดปัจจุบันเป็นเจ้าของสถาบันนวดหน้า

...

ครูธัญญ์ขายอาหารอยู่ 5 ปี ขายดีคนคงคิดว่ารวย แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น ยิ่งทำเยอะยิ่งแย่ ทุนหาย กำไรหด เงินหมุนจ่ายร้านนั้น ร้านนี้ และจ่ายค่าเช่าที่แพงขึ้นเรื่อยๆ โชคดีมาคิดได้ในวันที่สุขภาพย่ำแย่ หลังโหมทำงานหนักมากว่า 5 ปี เพื่อไม่ให้มีเวลาว่าง คิดมากถึงสามี ครูธัญญ์เล่าวินาทีเฉียดตายว่า

“ปวดท้องหนักมาก หมอตรวจพบก้อนเนื้อที่ช่องท้องต้องผ่าตัดด่วน หมดค่ารักษาเกือบแสน ต้องกู้เงินมาจ่ายค่ารักษา พอมาพักฟื้นบ้าน ทำงานหนักเหมือนเดิมไม่ได้ ไปจ่ายตลาดไม่ได้ มีเวลานิ่งๆ อยู่กับตัวเอง เหนื่อยแทบขาดใจ แต่สุดท้ายไม่เห็นเงิน ตัดสินใจเลิกขายอาหาร เพราะรู้แล้วว่า ทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ความสามารถถูกกระจาย ทำให้ธุรกิจไปไม่รอด ต้องเลือกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เต็มที่สิ่งเดียวดีกว่า”

: หวังชุบชีวิตใหม่ กลับได้หนี้เกือบล้าน ซ้ำป่วยโรคพบยาก :

จากนั้นครูธัญญ์หันมาเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกครั้ง ดูแลสุขภาพตัวเอง กิน นอนเป็นเวลา และมีเงินทุนจากการเซ้งร้านมานิดหน่อยก็มาทำธุรกิจใหม่จากแนวคิดใช้คนน้อย หันมาหุ้นกับเพื่อนขายส่งเสื้อผ้าที่ประตูน้ำ โดยบินไปเลือกเสื้อผ้าเองที่จีนเดือนละ 2 ครั้ง

...

ธุรกิจกำลังไปได้ดี แต่วันหนึ่งชีวิตตกหลุมดำอีกครั้ง อยู่ดีๆ เหมือนสายฟ้าฟาด มีคนมาบอกว่าค้างจ่ายคาร์โก้ ทั้งๆ ที่ครูธัญญ์ให้หุ้นส่วนทุกเดือน ชีวิตกลับมาติดลบอีกครั้ง แต่ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ครูธัญญ์บอกไม่เคยคิดยอมแพ้ ขอกัดฟันสู้ต่อไป เมื่อบินไปจีนไม่ได้ตัดสินใจกู้เงินมาทำเสื้อผ้าวัยรุ่นแบรนด์ตัวเองขาย โดยครูธัญญ์ไปซื้อผ้าที่พาหุรัด ออกแบบเสื้อผ้าเอง จ้างคนตัด

ชีวิตเริ่มมีความหวังอีกครั้ง แต่จู่ๆ เจ้าของร้านไม่ให้เช่าร้านต่อ ทั้งที่เพิ่งลงทุนผ้าไปลอตใหญ่มาก วัฏจักรชีวิตต้องทำงานหนักและเครียดวนกลับมาอีกครั้งเพราะต้องหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ แม้ใจสู้แต่ร่างกายไม่ไหว ผิวหนังทั่วตัวเริ่มลอกเป็นแผ่นๆ คล้ายโรคสะเก็ดเงิน หมอบอกล้านคนจะมีคนป่วยแบบนี้ 3-5 คน ซึ่งเกิดความเครียดในร่างกาย ทำให้อุณหภูมิในร่างกายร้อนจนปะทุออกทางผิวหนัง และหมอบอกอีกว่าเธออาจเป็นโรคร้ายอย่างมะเร็งลำไส้ได้

ครูธัญญ์ แนะนำหากจะเป็นเจ้าของธุรกิจต้องลงมือทำเองทุกอย่าง เพื่อนำไปสอนลูกศิษย์ได้อย่างภาคภูมิใจ
ครูธัญญ์ แนะนำหากจะเป็นเจ้าของธุรกิจต้องลงมือทำเองทุกอย่าง เพื่อนำไปสอนลูกศิษย์ได้อย่างภาคภูมิใจ

...

ชีวิตดิ่งลงเหวอีกครั้ง ครูธัญญ์เล่าด้วยเสียงสั่นเครือ ตอนนั้นรู้สึกอยากร้องไห้อย่างเดียว ไปหาหมอ หมอบอกป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอีกยิ่งเครียดหนัก ตัดสินใจไปปฏิบัติธรรมจนค้นพบสัจธรรมของชีวิตที่ช่วยคลายทุกข์

“พอไปอยู่วัดได้สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ทำให้ใจสงบ ทำให้รู้ว่า ไม่ว่าทุกข์หรือสุข ไม่ได้อยู่ที่สถานที่ แต่มันอยู่ที่ใจ”

: แม่น้ำตาคลอ ข้าวจานแรกฝีมือลูก ก่อพลังลูกฮึดสู้ :

หลังปฏิบัติธรรมเสร็จ ชีวิตติดลบอีกครั้ง อีกทั้งร่างกายบอบช้ำจากหลายโรครุมเร้า รู้สึกหมดพลังในชีวิต ไม่รู้จะเริ่มต้นชีวิตอย่างไร ที่พึ่งพิงสุดท้าย คือ แม่

วันหนึ่งเกิดจุดเปลี่ยนในชีวิต แม่จะทำแกงเขียวหวานที่ชอบให้กิน แต่ครูธัญญ์บอกแม่ไม่ต้องทำ และครูธัญญ์ก็ทำข้าวไข่เจียวให้แม่กิน ทำเสร็จแม่น้ำตาคลอ เพราะเป็นข้าวจานแรกที่ครูธัญญ์ทำให้แม่กิน หลังทั้งสองไม่ได้เจอกันนานหลายสิบปีนับตั้งแต่พ่อกับแม่แยกทางกัน

วินาทีนั้นทำให้ครูธัญญ์มีแรงฮึดสู้และคิดได้ คนที่ตายก่อนต้องไม่ใช่ตัวเธอ ไม่เช่นนั้นแม่แก่ตัวไปใครจะดูแล นั่งทบทวนสาเหตุอาการป่วยตัวเอง พบ 5 ปัจจัยหลัก 1. ถึงเวลากินไม่กิน 2. ถึงเวลานอนไม่นอน 3. ถึงเวลาพักไม่พัก 4. ขับถ่ายไม่เป็นเวลา 5. เจอปัญหาคิดลบทุกสถานการณ์

หลังจากนั้น ครูธัญญ์เปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมตัวเองทันทีกินข้าวก่อน 9 โมงเช้า นอน 2 ทุ่ม เพื่อให้สุขภาพแข็งแรงจะได้ดูแลแม่ซึ่งเป็นกำลังใจสำคัญ และมีพลังสู้ชีวิตต่อไป โดยใช้ธรรมชาติบำบัดและการคิดบวกจนสุขภาพกายและสุขภาพใจดีขึ้น

“เจอปัญหาให้คิดบวก มองทุกอย่างให้เป็นเรื่องที่โชคดี ธัญญ์บอกตัวเองทุกเช้า เราเป็นผู้หญิงโชคดีที่สุดในโลกที่สามีตายจากตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้เรียนรู้ชีวิต ถ้าตายจากกันตอนอายุ 60-70 ฉันจะทำมาหากินอะไร โชคดีที่ร่างกายเจ็บป่วยถ้าป่วยตอนอายุ 50-60 จะเอาแรงที่ไหนสู้ โชคดีที่ทำธุรกิจล้มตอนอายุยังน้อย ทำให้ได้เรียนรู้ ถ้าเราทำล้มตอนอายุ 50 อาจไม่มีแรงลุกขึ้นสู้”

: เงิน 3,000 ก้อนสุดท้ายจากแม่ พลิกชีวิตพบธุรกิจใหม่จากความป่วย :

นอกจากพักกาย พักใจ พักสมองไม่คิดอะไรมากเหมือนแต่ก่อน ครูธัญญ์ยังอ่านหนังสือทั้งที่ไม่ชอบอ่านจนพลิกชีวิตให้กลับมาทำธุรกิจอีกครั้ง หลังอ่านหนังสือชื่อ “มึงสู้จริงหรือเปล่า!” ของ อาจารย์สมคิด ลวางกูร จบภายในวันเดียว และบอกตัวเองทันที ถ้าประสบความสำเร็จจะไปเจอเขาให้ได้

ครูธัญญ์กับแม่ ให้เงิน 3 พันบาทมาชุบชีวิตใหม่ให้ลูก
ครูธัญญ์กับแม่ ให้เงิน 3 พันบาทมาชุบชีวิตใหม่ให้ลูก

ครูธัญญ์ฮึดสู้อีกครั้งกับธุรกิจใหม่จากสิ่งใกล้ตัวที่ใช้แล้วเห็นผล หลังมีแต่คนถามใช้อะไรแผลสะเก็ดเงินหาย จึงมา ‘ขายน้ำมันมะรุม’ ตามตลาดนัด เริ่มจากเงินทุน 3,000 บาท ที่ไปขอยืมแม่ ซึ่งตอนนั้นทั้งบ้านมีเงินเพียง 5,000 บาท แต่แม่แบ่งให้เพื่อให้ลูกไปเริ่มต้นใหม่

ชีวิตกลับมาสู่แม่ค้าตลาดนัดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ครูธัญญ์มาพร้อมความมั่นใจว่าจะไม่มีวันล้มอีกแล้ว โดยใช้ประสบการณ์ล้มเหลวอย่างโชกโชนในอดีตมาเป็นบทเรียนให้ก้าวอย่างระมัดระวัง ครูธัญญ์เล่าความรู้สึกวันแรกที่กลับมาเป็นแม่ค้าตลาดนัดอีกครั้งว่า

“เริ่มจากตั้งเป้า ทำอย่างไร อาทิตย์แรกขายได้ 10 ใน 2 สัปดาห์ขายได้ 20 ขวด ขายไปเรื่อยๆ เช้าไปขายตลาดนัดหนึ่ง กลางวันไปขายอีกตลาด เย็นอยู่อีกตลาดนัดหนึ่ง ขายวันแรกได้ 6 พัน ดีใจมาก เป็นการลงทุนน้อยแต่คุ้มค่า คืนทุนไว ไม่เสียค่าเช่าร้าน ค่าตกแต่ง เสียแต่ค่าที่ไม่กี่ร้อย ขายของกลับบ้านได้เงินทุกวัน”

: ฝันที่เป็นจริง ร่วมงานกับเจ้าของหนังสือผู้สร้างแรงบันดาลใจ :

พายุไม่ได้โหมกระหน่ำตลอดเวลาฉันใด ความทุกข์ก็ไม่อยู่กับเราตลอดไปฉันนั้น.. เพราะหลังจากขายน้ำมันมะรุมได้ไม่นาน ครูธัญญ์ได้แตกไลน์ผลิตภัณฑ์เป็นครีมแบรนด์ตัวเองชื่อ พ.ใจใส และจากการเป็นแม่ค้าตลาดนัดสู้ชีวิตนี้เอง ทำให้ฝันของครูธัญญ์เป็นจริงได้เจอและร่วมงานกับ อ. สมคิด ลวางกูร ผู้เขียนหนังสือ “มึงสู้จริงหรือเปล่า” หนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับครูธัญญ์ และตั้งปณิธานไว้ เมื่อชีวิตประสบความสำเร็จต้องไปกราบเจ้าของหนังสือเล่มนี้ให้ได้

เมื่อได้รับโอกาสดีที่ไม่คาดฝัน ชีวิตเริ่มมั่นคง มีเงินเดือน และมีรายได้พิเศษขายครีมตามตลาดนัดในวันหยุด นอกจากเรียนรู้ศาสตร์การนวดหน้า ครูธัญญ์ยังเรียนรู้การทำธุรกิจทุกอย่างจากอาจารย์ สมคิด ลวางกูรโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเพราะมีความสุข

อ. สมคิด ลวางกูร ผู้เขียนหนังสือ “มึงสู้จริงหรือเปล่า” หนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจให้ครูธัญญ์ ตั้งปณิธานไว้ เมื่อชีวิตประสบความสำเร็จต้องไปกราบ อ.สมคิด ให้ได้
อ. สมคิด ลวางกูร ผู้เขียนหนังสือ “มึงสู้จริงหรือเปล่า” หนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจให้ครูธัญญ์ ตั้งปณิธานไว้ เมื่อชีวิตประสบความสำเร็จต้องไปกราบ อ.สมคิด ให้ได้

“อาจารย์ให้ทำอะไรทำหมด ทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง ตีสามตี ซื้อของ เลือกของ บริหารคน ไปก่อนกลับทีหลัง อะไรที่ใครไม่ทำก็ทำเอง ธัญญ์ไม่เคยมีข้อแม้ในการเรียนรู้ ธัญญ์เรียนรู้ทุกสิ่งอย่าง อันนี้เป็นกุญเจหนึ่งที่ทำให้ธัญญ์ประสบความสำเร็จ”

: บุกเบิกนวดหน้าเดลิเวอรี่พร้อมหิ้วเตียงนอน 15 วัน สร้างรายได้หลักแสน :

เป็นเวลาร่วมปีที่ร่วมงานกับ อ. สมคิด ลวางกูร ครูธัญญ์ฝึกฝนจนชำนาญ กระทั่งวันหนึ่ง ร้านนวดของอาจารย์จะปิดตัว จึงออกมาเริ่มต้นธุรกิจนวดหน้าเป็นของตัวเอง แต่ไม่มีเงินทุน มองเห็นรถส่งอาหารขับผ่าน ปิ๊งไอเดีย “บริการนวดหน้าเดลิเวอรี่” ครั้งละ 1,500 บาท และสร้างความแตกต่างด้วยการพกเตียงนอนมือสองไปนวดหน้าให้ลูกค้าถึงบ้าน

ส่วนการตลาดทางออนไลน์ครูธัญญ์ก็ใช้ความจริงใจ โพสต์เล่าเรื่องราวชีวิต ข้อคิดที่ได้ในแต่ละวันลงเฟซบุ๊ก จนมีผู้ติดตามและลูกค้ามากขึ้น ทำให้เริ่มต้นแค่ 15 วัน สร้างรายได้หลักแสนบาท และมีลูกค้าที่เคยนวดสนใจอยากจะเรียนรู้ศาสตร์นวด จึงตัดสินใจใช้บ้านเช่าหลังเล็กๆ สอน จากคนนวดเดลิเวอรี่กลายเป็นครูสอนการนวดหน้าเรียวยกกระชับที่มีลูกศิษย์จำนวนมากขึ้นๆ ต่อมาครูธัญญ์จึงก่อตั้ง ‘Akira’ (อาคีร่า) สถาบันนวดหน้าในเวลาเพียง 3 ปี

“รับนวดหน้าครั้งละ 1,500 บาท ทำไป 15 วันแรกได้เงินหลักแสน เตียงนอนที่ผ่อนมาก็จ่ายหมด รู้สึกเกินคาดคิด ทีนี้คนที่เคยนวดหน้าอยากเรียน ก็รับสอนๆ แบบไม่กั๊กด้วย สอนทุกอย่างแม้แต่การเข้าหาลูกค้า พอลูกศิษย์ไปต่อยอด มีรายได้เดือนหนึ่งหลายหมื่น คนเป็นครูก็มีความสุข”

: 5 แนวคิด พลิกชีวิตสู้โควิด ประสบความสำเร็จในธุรกิจ :

หากจะเป็นที่ 1 ในธุรกิจใดๆ ครูธัญญ์บอกสิ่งสำคัญ คือ 1. ตั้งเป้าหมาย เริ่มจากเป้าหมายเล็กๆ 2. เชื่อมั่นในตัวเอง 3. เรียนรู้พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ 4. สร้างความแตกต่าง จุดเด่นให้กับธุรกิจตัวเอง 5. อย่ามีข้อแม้กับการใช้ชีวิตมาปิดกั้นโอกาสตัวเอง

การทำธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้ต้องไม่หยุดพัฒนา ครูธัญญ์ รับรางวัลแชมป์นวดหน้านานาชาติที่ประเทศเกาหลีใต้
การทำธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้ต้องไม่หยุดพัฒนา ครูธัญญ์ รับรางวัลแชมป์นวดหน้านานาชาติที่ประเทศเกาหลีใต้

สำหรับครูธัญญ์เองก็เรียนรู้พัฒนาตัวเองอยู่เสมอมากว่า 7 ปี นับตั้งแต่พลิกชีวิตมานวดหน้า จนปัจจุบันสถาบันอาคีร่า มี 5 ศาสตร์ ในการนวดหน้า ทั้งการกดจุดของประเทศญี่ปุ่น การเหลาหน้าของเกาหลีใต้ การกัวซาของจีน และการเดรนน้ำเหลืองจากประเทศอินเดีย ศาสตร์อายุรเวท นวดแผนไทย และเมื่อปี 62 ครูธัญญ์ก็ได้ลงแข่งขันนวดหน้านานาชาติในงาน Korea Body Beauty Art 2019 ที่ประเทศเกาหลี คว้าแชมป์นวดหน้ามาครอง

ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 (COVID-19) ครูธัญญ์ก็พลิกวิกฤติเป็นโอกาสเปิดสอนเรียนนวดหน้าออนไลน์จนได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้หญิงที่อยากมีอาชีพ หรืออยากมีรายได้เสริมจากการนวดหน้าหรืออาชีพอื่นๆ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

ครูธัญญ์แนะนำว่า คิดแบบเดิม ทำแบบเดิม ชีวิตได้แบบเดิม หากคิดแบบใหม่ ทำแบบใหม่ ชีวิตได้เจออะไรใหม่ๆ แต่ถ้าวันนี้ชีวิตไม่มีการเปลี่ยนแปลง นั่นแสดงว่ายังไม่ได้ทำอะไร ให้ลงมือทำ เมื่อลงมือทำแล้ว แม้จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายแรกก็ไม่ควรหยุดพัฒนา เพื่อให้ธุรกิจไม่นิ่งอยู่กับที่และเปิดตลาดใหม่ๆ 

“สองมือพลิกชีวิตได้จริง ถ้าตัวเราเชื่อว่าพลิกชีวิตได้ แต่ถ้าเชื่อว่าไม่ได้ก็ไม่เกิดผล เพราะฉะนั้นเราต้องเชื่อมั่นตัวเอง การทำธุรกิจต้องทำให้ดีกว่าคนอื่น แตกต่างจากคนอื่นถึงจะเป็นเบอร์ 1 ได้ ถ้าใครยังไม่ประสบความสำเร็จ ลองมองตัวเองว่ามีความอยากมากพอหรือยัง เพราะถ้ามีความอยากมากพอก็จะหาวิธีและสู้จนทำได้ดีจนสำเร็จ หาจุดแข็งตัวเองให้ได้ พัฒนาจุดแข็งให้มากขึ้น ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า “นวดพลิกชีวิต” ครูธัญญ์ได้จริงๆ เพราะเธอลงมือทำด้วยความมุ่งมั่น อดทน และไม่หยุดทำจนประสบความสำเร็จได้อย่างสง่างามเช่นทุกวันนี้ 

คนทุกคนมีสองมือเหมือนกัน แต่สองมือจะไร้ประโยชน์หากปราศจากการ “ลงมือทำ” เพราะฉะนั้นใครอยากรวย อยากประสบความสำเร็จเช่นครูธัญญ์ อย่ารอช้า คิดแล้วลงมือทำ ผลสำเร็จก็จะเกิดได้เร็ว 

ผู้เขียน : มาดามริชชี่

ภาพ : ชุติมน เมืองสุวรรณ

กราฟิก : Varanya Phae-araya

ข่าวน่าสนใจ