ตัวดำสนิท ไม่มีตะไคร่จับ ลำตัวใหญ่กว่าขนาดถังน้ำมัน 200 ลิตร! ชาวบ้านขนานนามว่า “ไอ้ด่าง”
“หากมันได้กินคนแล้ว...มันก็จะหากินอยู่เรื่อยๆ เช่นเดียวกับเสือ”
นี่คือความน่ากลัว ที่ถูกเล่าปากต่อปาก เรื่องราวความน่ากลัวของโคตรจระเข้ ในคลองบางมุด ถูกเล่าขานสืบต่อกันมาจนกลายเป็นตำนาน
3 นาทีคดีดัง โดย ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ขอย้อน 56 ปี ตำนานแห่งคลองบางมุด อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร กับ จระเข้ยักษ์ที่ออกอาละวาด ไล่ฆ่า กัดกินเนื้อมนุษย์มาแล้วหลายศพ
หนังสือพิมพ์สมัยนั้น ได้ลงเรื่องราวของ “ไอ้ด่าง” จระเข้สายพันธุ์น้ำเค็ม ที่ปรับตัวมาอยู่ในน้ำกร่อยได้ออกล่าเนื้อคนอยู่เนืองๆ เชื่อกันว่า “ไอ้ด่าง” เคยอาละวาดไล่กัดคนมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อราว 7-8 ปีก่อน และมันกลับมาอีกครั้ง...ในเดือนตุลาคม 2507
วันหนึ่ง ณ หมู่บ้านหนองไก่ปิ้ง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร ชาวบ้านริมคลองก็ใช้ชีวิตปกติ แต่ในระหว่างที่กำลังอาบน้ำ.. เพชฌฆาตเงียบค่อยๆ แหวกว่ายเข้ามา ก่อนจะพุ่งกระโจนไล่กัดคนอาบน้ำริมตลิ่ง บางคนกำลังพายเรือ..มันโผล่ไล่งับแขนขา
...
เวลานั้น ไม่มีใครรู้ว่า “ไอ้ด่าง” กินคนไปกี่คนแล้ว เพราะคลองบางมุด เป็นลำน้ำสายใหญ่ ลึกยิ่งกว่าคลองบางกอกน้อยในกรุงเทพฯ น้ำมีลักษณะใสเขียว มีทางแยกไปถึงแม่น้ำหลายสาย เช่น แม่น้ำชุมพร, แม่น้ำตะโก และแม่น้ำตาปี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จนกระทั่งทะลุทะเลที่บริเวณสามเหลี่ยมปากน้ำชุมพร
จากคลองที่มีผู้คนใช้สัญจรมากมาย กลายเป็นคลองที่ร้างไร้ผู้คน เหตุเพราะชาวบ้านต่างหวาดกลัว “ไอ้เคี่ยม” ตัวนี้
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ มัจจุราชเงียบ มีเขี้ยวดั่งใบเลื่อย ก็โผล่มาไล่กัดคน รายหนึ่งเป็นชาวบ้าน กำลังแบกต้นกล้วยเดินฝ่าน้ำท่วมเท่าเอว ระหว่างนั้น ไอ้ด่าง กระโจนเข้ากัดเข้ากลางลำตัว ก่อนลากชายคนนั้นไปกิน...ชาวบ้านต่างหวาดผวาและทนไม่ไหว ในที่สุดจึงต้องจัดทีมไล่ล่า! พร้อมให้ค่าหัวสูงถึง 8,000 บาท
เงิน 8,000 บาท สมัยปี 2507 เป็นเงินที่มากโข จึงทำให้ พ่อไกรทอง นักล่าชาละวัน ทั่วสารทิศหลั่งไหลเข้าพื้นที่
ฉมวก ไฟฟ้า ปืน อวน ระเบิด หรือแม้แต่เวทมนตร์คาถา ก็ถูกหมอจระเข้งัดมาใช้ แต่การไล่ล่า “ไอ้ด่าง” ในเวลานั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะช่วงนี้เป็นช่วงน้ำหลาก น้ำทะเลหนุนสูง ดังนั้นพื้นที่คลองบางมุดจึงเต็มไปด้วยน้ำ ทำให้มันมีที่หลบซ่อนมากมาย
แต่..สัตว์เขี้ยวแหลม หรือจะสู้มนุษย์สองมือ..
20 พฤศจิกายน 2507 ไอ้ด่าง บางมุด ก็ถึงคราวมอดม้วย
สิบเอกจำนง พิมาน พร้อมเพื่อนทหาร รวมกัน 4 นาย แกะรอยไล่ล่าไอ้ด่างอยู่ 2 วันเต็ม กระทั่งตามไปถึงสถานที่ ที่มันใช้กบดานอยู่ เมื่อรู้แน่ชัดแล้ว จึงหย่อนด้วยระเบิด C-3 ที่บรรจุในกระป๋องลงไป
ตูม! ระเบิดลูกแรกทำให้ ไอ้ด่าง รู้ตัว และพยายามจะหนี.. ตูม...ตูม!
นาทีนี้มีหรือ ทีมล่าจะปล่อยโอกาส เจอระเบิดหย่อนไปอีก 2 ลูกติด ระเบิดลูกหนึ่งโดนกลางหลังไอ้ด่าง...ทำให้กระดูกสันหลังของมันหัก จากนั้นก็ได้ตัว..ช่วยกันล่ามไว้กับเรือ และลากมันขึ้นมา โคตรไอ้เคี่ยม นามระบืออย่าง “ไอ้ด่าง” ค่อยๆ สิ้นใจตายอย่าง “สิ้นชื่อ” โดยเชื่อกันว่ามันกินคนมาแล้ว 6 คน..
สิ่งที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้น เมื่อผ่าท้องมันออกมา ชาวบ้านที่มุงดูถึงกับผงะ เพราะเจอกะโหลกมนุษย์ 2 หัว นอกจากนี้ยังมีกระสุนปืนรวมอยู่ด้วย ซาก “ไอ้ด่าง” ถูกขาย ในราคา 7 พันบาท คนซื้อถึงกับนำมาจัดแสดงโชว์ในกรุงเทพฯ ต่อมามีคนมาซื้อต่อในราคา 23,000 บาท เอาซากมาวางโชว์เก็บค่าดูคนละบาท
เมื่อวัดความยาวตั้งแต่หัวถึงหาง พบว่ามีความยาว 9 ศอก หรือ 4 เมตร 25 เซนติเมตร เรียกว่า มันไม่ได้ตัวใหญ่โตมโหฬารอย่างที่ร่ำลือกัน..
...
ผู้เชี่ยวชาญด้านจระเข้ ระบุว่า “ไอ้ด่าง” คือจระเข้ สายพันธุ์น้ำเค็ม ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ดุร้ายกว่าสายพันธุ์น้ำจืด ส่วนความยาว ของไอ้ด่าง นั้นก็ไม่ได้มากกว่าปกติ เพราะสายพันธุ์นี้จะมีความยาว ประมาณ 4-6 เมตร ส่วนสีสันของลวดลายบนหนังจระเข้ นั้น ขึ้นอยู่กับท้องถิ่นที่อยู่ ส่วนคำกล่าวขานที่ว่า “เมื่อได้ลิ้มลองเนื้อมนุษย์แล้ว จะหากินอยู่เรื่อยๆ”
เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะจระเข้ เป็นสัตว์ล่าเนื้อเป็นอาหาร หากบังเอิญได้ลิ้มลองเนื้อมนุษย์ มันก็จะรู้ว่าคนเป็นอาหารได้ หากมันเจอคนอีก..มันก็จะออกล่าอีก เหมือนสัตว์อื่นๆ ที่มันเคยกิน ดั่งเช่น สัญชาตญาณสัตว์ป่า
แต่..จระเข้ ไม่ถือเป็นสัตว์ที่น่ากลัวที่สุดในโลกหรอก มนุษย์ต่างหากน่ากลัวที่สุด เพราะคนสามารถจับสัตว์เกือบทุกชนิดกินเป็นอาหารได้
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
ชม 3 นาทีคดีดังที่น่าสนใจ
...