พระเกจิดัง “ครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร” ซึ่งเกิด อ.แม่จัน จ.เชียงราย แต่ไปจำพรรษาที่ประเทศเมียนมา เดินทางมาทำพิธีอธิษฐานจิต แผ่เมตตาหน้าถ้ำหลวง ท่ามกลางฝนตกหนัก หวังเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ 13 ชีวิต โดยมีลูกศิษย์ติดตามมาเป็นจำนวนมาก...
หลังจากที่เมื่อวานครูบา อริยชาติ อริยจิตโต ได้เดินทางมาให้กำลังใจญาติของผู้สูญหายทั้ง 13 ชีวิต รวมทั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ไปแล้วนั้น และเมื่อช่วงสายๆ ของวันนี้ (29 มิ.ย. 61) ครูบาบุญล้อม หน่อแก้วโพธิญาณ มาช่วยทำพิธีแผ่เมตตาให้เจ้าที่เจ้าทาง เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเด็กๆ ทั้ง 13 ชีวิตออกมาได้อย่างปลอดภัย
ล่าสุด เมื่อเวลา 19.10 น. “ครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร” พระเกจิดังทางภาคเหนือแต่ไปจำพรรษาที่วัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพง รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ซึ่งวันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มาทำพิธีกรรมเรียกขวัญตามความเชื่อพิธีทางศาสนาของไทยรวมกับพิธีกรรมของทางไทใหญ่ เมื่อเวลา 20.20 น. ท่ามกลางฝนที่ตกกระหน่ำ ซึ่งเป็นสายฝนที่ตกหนักมากที่สุดของวันนี้ด้วย เพื่อปัดเป่าเปิดทางปากถ้ำ แผ่เมตตา ขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขา บริเวณทางเข้าถ้ำหลวง
...
และขอให้เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเด็กๆ และโค้ช ทั้ง 13 คนออกจากถ้ำให้ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่อนุญาตให้เฉพาะผู้ปกครองของทั้ง 13 คนเข้ามาในบริเวณหน้าถ้ำ เพื่อร่วมทำพิธีกับเกจิดัง โดยนำดอกไม้ ขันโตก อาหารมงคล ดอกไม้สด ผ้าสามสี เครื่องนุ่งห่มร่วมทำพิธี ส่วนญาติห้ามเข้า
สำหรับประวัติของ “ครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร” นั้นเกิดที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ถือเป็นเกจิชื่อดัง เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธหลายประเทศ ทั้งไทย, ลาว, เมียนมา, จีน และภูฏาน และเคยจำพรรษาในถ้ำหลวงเป็นเวลานานมาแล้ว วันนี้จึงออกเดินทางด้วยเรือข้ามแม่น้ำโขงมาเพื่อส่งกระแสจิตให้กำลังใจ 13 ชีวิตที่ติดภายในถ้ำ อีกทั้งหนึ่งในเด็กทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สายนั้น เป็นลูกชายของลูกศิษย์พระครูบาพ่อบุญชุ่มด้วย
ลูกศิษย์ครูบาบอกว่า เมื่อคืนได้ตั้งจิตภาวนาขอให้ได้มาที่นี่ และบอกว่าชาติที่แล้ว ครูบาเกิดเป็นคนเลี้ยงม้า
และตามตำนานเล่าขานอันเป็นที่มาชื่อของถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน หรือดอยนางนอน มีเจ้าหญิงองค์หนึ่งของเมืองเชียงรุ่ง สิบสองปันนา ประเทศเมียนมา พบรักกับคนเลี้ยงม้า ซึ่งเป็นคนละฐานะกัน จึงพากันหนีมาอยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นป่า คนเลี้ยงม้าบอกจะออกไปหาน้ำ แต่ทหารของเจ้าหญิงมาเจอ จึงฆ่าคนเลี้ยงม้าตาย เมื่อเจ้าหญิงทราบจึงใช้ปิ่นปักผมแทงไปที่ขมับตัวเองจนเลือดไหลออกมาเป็นสาย กลายเป็นแม่น้ำแม่สายในทุกวันนี้ และพระวรกายของพระองค์ที่นอนเหยียดยาวจากทิศใต้จรดทิศเหนือ ก็กลายเป็นดอยนางนอนจนทุกวันนี้ โดยส่วนของพระอุทร (ท้อง) ก็เป็นดอยตุง.