เมื่อผลการสืบสวนของกองปราบ กับ ตร.ภาค 7 สวนทางกัน อะไรจะเกิดขึ้น?
หลังจากที่ อดีตตำรวจอย่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล เล็งเห็นว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีหวย 30 ล้าน จึงเข้าไปร้องขอความเป็นธรรม กับ พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง รรท.รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. และ พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรมในคดีนี้
หลังจากสอบปากคำนานหลายชั่วโมง พล.ต.ต.ไมตรี จึงสั่งการให้ ชุดสืบสวน ก.ก.5 บก.ป. ลงพื้นที่ไปตรวจสอบรายละเอียดคดีนี้ ก่อนปิดคดีหวย 30 ล้าน พร้อมส่งมอบหลักฐาน สำนวนคดี ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว
จนมีแหล่งข่าวจากกองปราบปราม เผยถึงผลการสอบสวนว่า ได้ให้น้ำหนักเจ้าของลอตเตอรี่ ไปทางอดีตตำรวจ และถือว่ากระบวนการตรวจสอบทั้งหมดของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบเกี่ยวกับคดีลอตเตอรี่ 30 ล้าน ได้สิ้นสุดลงแล้ว (อ่านข่าว กองปราบปิดคดีหวย 30 ล้าน ส่งหลักฐาน ให้น้ำหนักตามข้อมูล ตร.แถลง) นั้น
กระทั่ง พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 นำทีมแถลงข่าว สรุปเบื้องต้นคดีหวยอลเวง ลอตเตอรี่เป็นของครูปรีชา โดยชี้แจง 3 ประเด็น คือ 1. เส้นทางของสลากกินแบ่งรัฐบาลมีพยานยืนยันว่ายี่ปั๊ว ขายให้กับแม่ค้าขายหวยที่ตลาดเรดซิตี้ จริง 2. มีพยานยืนยันว่าขายให้ครูปรีชาจริง และ 3. ร.ต.ท.จรูญ ตำรวจ ตั้งข้อสันนิษฐานว่าซื้อมาจริงหรือเก็บได้ ซึ่งทางตำรวจมีพยานยืนยันว่า ร.ต.ท.จรูญ เก็บ สลากฯ ได้จริง
...
จากไทม์ไลน์ดังกล่าว ทำให้เกิดความ “เคลือบแคลงใจ” ของประชาชน ว่า เหตุใด รูปคดีถึงได้ออกมากลับตาลปัตร ขัดแย้งกับความคิดเห็นของประชาชนครึ่งค่อนประเทศ แถมผลยังสวนทางกันระหว่าง 2 หน่วยงานด้วย...มันเกิดอะไรขึ้น?
แต่แล้ว...“บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 โอนสำนวนคดีการสอบสวนมายังกองบังคับการปราบปราม เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและสามารถตอบคำถามของสังคมได้ และให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น และมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อความยุติธรรม
จากที่เมื่อก่อนนั้น เป็นคดีของทางตำรวจภูธรภาค 7 และทางกองปราบปรามไปช่วยสืบสวน แต่อำนวจการสอบสวนเป็นของภาค 7 วันนี้ ผบ.ตร.ไฟเขียว โอนย้ายสำนวนคดีมาให้กองปราบปรามทำต่อแล้ว เพื่อความเชื่อมั่นของประชาชน
พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม ได้เปิดเผยกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ เกี่ยวกับคดีหวย 30 ล้าน ไว้อย่างน่าสนใจ
‘ทางกองปราบพบหลักฐานแบบเดียวกับที่ตำรวจภาค 7 ได้หรือไม่?’ ผู้สื่อข่าวตั้งคำถาม
พล.ต.ต.ไมตรี ตอบสั้นๆ ว่า “ไม่เหมือนครับ...”
ผู้สื่อข่าวถามต่อ ‘แล้วทางกองปราบมีหลักฐานอื่นนอกจาก พยานบุคคล หรือไม่?’
“มีครับ...แต่บอกไม่ได้”
...
‘โดยปกติแล้ว มีแค่พยานบุคคลก็มีน้ำหนักเพียงพอแล้วใช่หรือไม่?’
“ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละคน เราคงไม่ไปก้าวล่วงในความเห็นของเขา”
‘เป็นเพราะอะไรที่ผลการสืบสวนของทางกองปราบปราม กับตำรวจภาค 7 ถึงออกมาแตกต่างกัน?’
“เพราะเขาไม่ได้เอาของเราไปใช้เลย” ผู้การกองปราบ ตอบ
‘ตอนที่กองปราบสืบสวนในคดีหวย 30 ล้าน ได้พบพยานคนที่เห็นว่า ลุงก้มเก็บลอตเตอรี่ หรือไม่’
“ไม่มีครับ”
‘ดูแล้วคดีไม่น่าจะซับซ้อนอะไร แต่เป็นเพราะอะไรที่ลากยาวมาหลายเดือนขนาดนี้?’
“ไม่รู้สิ ตอบไม่ถูก” พล.ต.ต.ไมตรี ตอบพลางหัวเราะในลำคอ
อย่างไรก็ตาม แม่ทัพใหญ่แห่งหน่วย CSD ฝากทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า ... “วันที่ 6 ก.พ. 10.30 น. รอดูแล้วกัน”
...
ด้าน พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. หรือ “ผู้กำกับเอ็ม” ก็เตรียมรับไม้ต่อ สะสางคดีหวย 30 ล้าน ให้จบสิ้นกันแบบเคลียร์ๆ
โดย พ.ต.อ.ภูมินทร์ เผยว่า ต้องมาดูสำนวนการสอบสวนที่ทางภาค 7 โอนมาให้ก่อน ว่า มีความบกพร่องหรือมีเรื่องใดที่ต้องเสริม ในเรื่องของพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่เห็นข้อมูลดังกล่าว
‘ครั้งก่อนที่กองปราบช่วยสืบสวน ได้พยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ พอที่จะสรุปสำนวนคดีได้หรือยัง?’
“เป็นเรื่องของรายงานการสืบสวนครับ ท่านผู้บัญชาการใช้หลักวิทยาศาสตร์ และเครื่องมือพิเศษ และความเฉพาะทางของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สนับสนุนไป แต่ก็ยังไม่ได้ครบถ้วนกระบวนความสักเท่าไร ต้องทำให้ละเอียดครับ”
‘เมื่อครั้งที่กองปราบสืบสวน มี “คำให้การของพยาน” ส่อไปในทางพิรุธหรือไม่?’ ผู้สื่อข่าว ถามต่อ
พ.ต.อ.ภูมินทร์ ตอบตรงๆ ว่า “ผมยังไม่เห็นคำให้การของพยานที่เกิดขึ้นมาใหม่นะ เพราะมันอยู่ในสำนวนใหม่ ตอนนั้นมันยังไม่มีพยานที่เกิดขึ้นมาใหม่เข้ามา โดยในตอนนั้นสอบปากคำครู พยานแวดล้อม คนขายลอตเตอรี่ต่างๆ เท่านั้น และก็ยังไม่เห็นพิรุธใดๆ ส่วนเรื่องมีขบวนการที่เกี่ยวข้องหรือไม่ คิดว่าไม่น่าจะมี เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลมากกว่า”
...
และยอมรับว่า ถึงแม้คดีนี้จะไม่ซับซ้อน แต่ก็ยากอยู่เหมือนกัน เนื่องมาจากว่าเหตุเกิดขึ้นมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิดสดๆ
“ถามว่าเมื่อมาอยู่ในมือกองปราบแล้ว คดีจะไม่ยืดเยื้อต่อไปหรือไม่นั้น ผมไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะต้องดูพยานหลักฐานในสำนวนก่อน ว่า ได้มามากน้อยแค่ไหน ถ้าใกล้จะครบแล้ว เรารวบรวมพยานหลักฐานจนเกิดความยุติธรรมเด่นชัดแล้ว เราก็ค่อยสรุปสำนวนครับ”
‘ในเมื่อตร.สืบชัดแล้วว่า ขายเกินราคา จะมีการดำเนินคดีกับทางแม่ค้าด้วยหรือไม่?’
“เดี๋ยวคงต้องมาดูอีกทีว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า”
นอกจากนี้ ประเด็นที่ขุ่นข้องหมองใจในการแถลงของภาค 7 นั้น ไม่รู้ว่าในความเห็นของทางภาค 7 เป็นอย่างไร แต่ทางกองปราบปราม ยึดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นหลัก ซึ่งไม่ได้มีแค่พยานบุคคล แต่ยังมีพยานหลักฐานอื่นๆ อีกหลายอย่าง ถามว่าคนละอย่างกับที่ภาค 7 มีหรือไม่ ประเด็นนี้ตอบไม่ได้ เนื่องจากยังไม่เห็นสำนวน จึงไม่ทราบว่ารูปแบบการพิจารณาทำอย่างไร
“ผู้บัญชาการเน้นความยุติธรรมเป็นตัวตั้ง คิดข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่เอาข้อสันนิษฐาน ไม่เอาความคิดส่วนตัว ใช้หลักข้อเท็จจริงเป็นตัวตั้ง และปรับหลักข้อกฎหมายเข้ามาใช้ เพราะฉะนั้น ความยุติธรรมจึงเป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมาอยู่แล้ว” พ.ต.อ.ภูมินทร์ ระบุ
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
- ติดตาม คลิปซีรีส์สกู๊ป ศึกชิงหวย 30 ล้าน จากทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้ที่นี่ -
- สกู๊ปศึกชิงหวย 30 ล้าน ของทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ที่เกี่ยวข้อง -