เรื่องราวสุดเศร้าใจที่ “คุณแก้ว” วัย 28 ปี อาศัยย่านมีนบุรี กทม. ถ่ายทอดกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ครั้งนี้ เธอบอกว่าอยากแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นความรู้และเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์แก่คุณแม่มือใหม่ให้ป้องกันลูกรักจากสิงห์อมควัน โดยหวังไว้ว่าขอให้ลูกของเธอเป็นรายสุดท้ายที่ตายเพราะควันบุหรี่
เธอเริ่มย้อนเล่าเหตุการณ์สุดเศร้าใจด้วยแววตาเศร้าหมองว่า ตอนลูกชายอายุ 1 ปี 2 เดือน ได้เข้ารักษาตัว ที่ รพ. เพราะปอดติดเชื้อแบบรุนแรง วันเกิดเหตุตนทำงานโรงงาน เข้ากะดึก ลูกเลยต้องอยู่กับสามี อาการของลูกก่อนเข้า รพ. คือ เป็นไข้หวัด ไอและมีเสมหะหลายวัน ไปหาหมอรักษาแล้วก็ไม่หาย
ในวันที่ลูกจะเข้า รพ. เกิดชักเกร็งจนขาดอากาศหายใจไป 2 วินาที สามีเขย่าลูกจึงรู้สึกตัวไวขึ้น กระทั่งเวลาตี 5 กว่า เริ่มมีไข้ขึ้น แม่สามีจึงตัดสินใจพาลูกไป รพ. เพื่อให้หมอดูอาการ แต่ก่อนไป รพ. สามีขับรถมารับที่ทำงานเพื่อไป รพ. ด้วยกัน แทนที่จะพาลูกไป รพ. ก่อน
เมื่อถึง รพ. เธอก็เล่าอาการของลูกตามที่สามีบอก หมอบอกต้องนอนดูอาการ สักพักลูกเริ่มมีไข้ขึ้นสูง พยาบาลเลยเช็ดตัวจนลูกร้องจ้าเพราะความเจ็บปวด พยาบาลบอกเหตุผลว่าต้องใช้ผ้าชุบน้ำแล้วห้ามบิดเช็ดตัวแรงๆ ไข้จะได้ลด เช็ดตัวเสร็จหมอบอกต้องนอน รพ. เพราะลูกขาดอากาศหายใจ
...
ขณะลูกนอนรักษาตัว เธอแทบไม่อยากหลับตานอนพักเพราะเป็นห่วงลูก หมอต้องดูดเสมหะออกทุกครึ่งชั่วโมง พ่นยาทุกชั่วโมง ดมออกซิเจนตลอดเวลาเพราะลูกหายใจเองลำบาก เช็ดตัวทุก 10 นาที เพราะไข้ขึ้นสูงตลอดเวลา รักษาแบบนี้ 4-5 วัน ก็ไม่ดีขึ้น ใช้ยาทุกตัวที่ดีที่สุด หรือแม้ยาแพงๆ จากต่างประเทศก็ไม่หาย เลยย้ายไปอยู่ ICU 2 คืน งดนอนเฝ้า แต่ให้เยี่ยมเป็นเวลา หากมีอะไรฉุกเฉินจะโทรแจ้ง ซึ่งเธอทำได้แค่เพียงยืนเฝ้ามองอยู่หน้าห้องด้วยความเป็นห่วงสุดหัวใจ...
จนวันที่ 3 หมอโทรมาบอก ลูกอาการดีขึ้น เธอดีใจที่สุดในชีวิต รีบอาบน้ำ รีบแต่งตัวไป รพ. ทันที พอมาถึงลูกโผเข้ากอดด้วยความคิดถึง ร้องหิวนม แต่หมอสั่งงดทุกอย่างตั้งแต่ลูกเข้า รพ. แต่เหมือนดั่งเสียงสวรรค์ เมื่อหมอบอกว่าวันนี้อาจให้ลูกกินนม และนอนเฝ้าได้ ด้วยความดีใจเธออยู่กับลูกจนเย็นจนลูกหลับ และบอกพยาบาลว่าวันนี้นอนเฝ้าไม่ได้ ไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยน พรุ่งนี้มาเฝ้าแน่นอน พยาบาลบอกว่าจะดูแลให้อีกคืน แล้วเธอก็กลับบ้านด้วยความดีใจและมีความหวังเพราะพรุ่งนี้จะได้นอนกับลูก
เมื่อเล่าถึงจุดนี้ น้ำตาแห่งความโศกเศร้าค่อยคลอเบ้า และเล่าต่อว่า รุ่งขึ้นรีบไปหาลูกแต่เช้า พอไปถึง ตกใจมากกับภาพที่เห็น คือ ลูกใส่สายลงไปในหลอดลม หลอดอาหาร เจาะซี่โครงทั้งสองข้างเพื่อเข้าไปปั่นปอด เธอเห็นสภาพลูกแล้วร้องไห้ไม่หยุดจนน้ำตาเกือบเป็นสายเลือด
หมอบอก “คุณแม่ทำใจนะคะ ตอนนี้น้องแค่ 50-50” ได้ยินแล้วแทบเป็นลม กินอะไรไม่ลง ทำอะไรไม่ถูก ยืนเฝ้าลูกอยู่หน้าห้องทั้งคืน กลัวลูกจากไป เช้ามืดก็ออกไปทำบุญให้ลูกเพื่อหวังว่าปาฏิหาริย์จะมีจริง ช่วยให้ลูกรอดได้ ระหว่างนี้หมอโทรมาบอกให้เข้ามาดูอาการลูกเป็นครั้งสุดท้าย
พอไปถึง รพ. เห็นหมอวุ่นวายอยู่ที่เตียงลูก แล้วเรียกเข้าไปดูแผ่นเอกซเรย์ บอกว่าเชื้อโรคเต็มปอด ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว ได้ยินแล้ว เธอร่ำไห้ปิ่มขาดใจ บอกว่าต้องมีค่าใช้จ่ายเท่าไรถึงจะรักษาลูกได้ จะหามารักษาให้เต็มที่ แต่หมอบอกว่า “ต่อให้มีเงินเป็นแสนเป็นล้านก็ไม่สามารถยื้อชีวิตลูกได้ แต่หมอจะช่วยให้เต็มที่” จากนั้นหมอก็เข้าไปในห้องพักนึง แล้วเดินออกมาบอกว่า “ถ้าน้องหยุดหายใจ จะปั๊มหัวใจให้ถ้าถึง 10 ครั้งที่ปั๊ม แล้วกลับมาหายใจ ก็จะนอนเป็นเจ้าชายนิทราไปตลอดชีวิต”
...
และแล้วสิ่งที่เธอกลัวก็มาถึง พยาบาลออกมาตามไปดูตอนหมอปั๊มหัวใจลูก สักพักหัวใจลูกเต้น แต่เต้นได้พักนึงก็เต้นช้าลงๆ ซึ่งมันคือสัญญาณเตือนว่าลูกกำลังจะไปจากอก หมอบอกน้องกำลังหัวใจหยุดเต้น ให้อยู่กับลูกตรงนี้ ไม่ต้องไปไหน เธอเฝ้ามองลูกจนหัวใจหยุดเต้น และจากไปจริงๆ อย่างไม่มีวันกลับมาอีกตลอดกาล
สำหรับสาเหตุที่ลูกจากไปนั้น เธอบอกว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะควันบุหรี่ซึ่งทางครอบครัวของสามี ประกอบด้วย พ่อ พี่ชาย 3 คน รวมทั้งสามีของเธอเองนั้นดูดบุหรี่กันในบ้าน เลยทำให้ปอดลูกได้รับสารเข้าไปเต็มปอดตั้งแต่ตั้งครรภ์ เลยรักษาไม่ได้ จากวันที่ลูกรักจากไปเกือบ 2 ปี เธอบอกว่าไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงลูกแม้ครั้งเดียว และไปทำบุญให้ทุกๆ วันอาทิตย์
“เวลาคิดถึงก็ดูรูปลูก ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึง และทุกวันอาทิตย์ก็ไปทำบุญถวายสังฆทานให้ลูกตลอดเกือบ 2 ปี ตั้งแต่ลูกรักจากไป และจะทำบุญให้ลูกอย่างนี้ไปตลอดชีวิต และอยากฝากเตือนพ่อแม่ หรือครอบครัวไหนที่ยังดูดบุหรี่อยู่ ขอให้เลิกเถอะค่ะถ้ายังรักลูก ไม่อยากให้ใครต้องเสียลูกเหมือนอย่างเรา”
...
ด้าน นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผอ.สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้คำแนะนำกับคนที่มีลูกเล็กและอยู่ในมลภาวะใดๆ ไม่ว่าจะควันธูป หรือควันบุหรี่ว่าส่งผลให้ทางเดินหายใจของเด็กอ่อนแอลงและไวต่อสิ่งเร้ามากขึ้นทำให้เกิดหอบหืด แล้วตามมาด้วยโรคติดเชื้อปอด หรือปอดอักเสบรุนแรงได้ ต้องรักษาโดยพ่นยา
สำหรับการป้องกันไม่ให้ลูกรักได้รับผลร้ายจากควันบุหรี่ นพ.สุริยเดวชี้แนะด้วยความห่วงใยว่า 1. ไม่สูบในบ้าน ให้ไปสูบนอกบ้านไกลๆ 2.เปลี่ยนเสื้อผ้าให้หมด ล้างมือ แปรงฟันให้เรียบร้อยก่อนมาใกล้ลูก เพราะละอองที่มันติดอยู่ที่เสื้อผ้า ลูกสามารถหอบหืดได้เลย แค่กลิ่นก็อาจทำให้ปอดและการไหลเวียนเลือดของลูกทำงานผิดปกติได้ ถ้ารักลูกกรุณาทำบ้านให้ปลอดบุหรี่ และสิ่งที่ดีที่สุดคือ เลิกดูดได้เลยยิ่งดี เพราะไม่มีประโยชน์ใดๆ กับผู้สูบเลย