คนท้องขี้ลืม จนหงุดหงิดตัวเอง หาของไม่เคยเจอ ลืมทำโน่นลืมทำนี่ตลอด ทำของหายบ่อย ท้องแล้วขี้ลืม เป็นเรื่องปกติหรือไม่

ทำไมท้องแล้วขี้ลืม

แม้งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียที่ตีพิมพ์ในวารสารจิตเวชศาสตร์อังกฤษเมื่อปี 2010 จะระบุว่า สมองของคนท้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แต่เจ้าของผลงาน เฮเลน คริสเตนเซน ยอมรับว่า แม่ ๆ คนท้องหลายคนมักบ่นกันว่าขี้ลืมกว่าปกติ

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ท้องแล้วขี้ลืม คือ

ความกังวลใจที่เกิดขึ้นกับคนท้องขณะตั้งครรภ์ ทั้งกังวลเรื่องลูกในท้อง กลัวว่าลูกจะไม่แข็งแรง กังวลถึงการคลอด หรือคิดมากเรื่องสามี สิ่งเหล่านี้ทำให้แม่ท้องคิดมาก เครียด จนนอนไม่หลับ นอกจากนี้ ขนาดของท้องที่แม่ต้องแบกรับตลอด 9 เดือน ก็เป็นอุปสรรคสำคัญ ทำให้แม่ท้องไม่สามารถนอนหลับพักผ่อนได้ตามปกติ โดยเฉพาะการตั้งครรภ์ไตรมาสสุดท้ายที่ท้องใหญ่ขึ้นมาก นอนหลับยาก และปวดปัสสาวะตลอดทั้งคืน

ปัญหาการนอนไม่หลับและความวิตกกังวลตลอดช่วงตั้งครรภ์ ทำให้แม่ท้องขี้หลงขี้ลืมมากกว่าปกติ ขณะเดียวกัน ฮอร์โมนของคนท้องที่เปลี่ยนแปลงก็ส่งผลมาก ๆ มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่า ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลต่อระบบประสาทในสมอง โดยโลแนน์ ไบรเซนดีน ผู้อำนวยการคลินิกฮอร์โมนและอารมณ์ของผู้หญิง มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก ยืนยันว่า "ฮอร์โมนดังกล่าวส่งผลต่อเซลล์ประสาททุกส่วนในสมอง" ทำให้ในสมองของคนท้องมีแต่เรื่องลูก ลูก และลูก

อย่างไรก็ตาม ความฉลาดและไอคิวของแม่ท้องไม่ได้แย่ลง สมองคนท้องยังคงทำหน้าที่จดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีตามปกติ แค่คนท้องมักคิดกังวลเรื่องลูกเยอะ จนลืมสนใจเรื่องอื่น ๆ

ทำไมแม่หลังคลอดถึงขี้ลืม

...

เช่นเดียวกับคนท้อง ถึงแม้ว่าคุณแม่จะคลอดเจ้าตัวน้อยออกมาแล้ว แต่แม่หลังคลอดก็ยังขี้ลืม! ทางเฟซบุ๊ก มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย โดยพญ. ศิริพัฒนา ศิริธนารัตนกุล อธิบายว่า หลังคลอดใหม่ ๆ ธรรมชาติจะช่วยให้แม่กับลูกเข้ากันได้ดี โดยการปรับให้สมองของแม่เข้าใกล้เคียงกับสมองของลูก หมายความว่า ลูกที่เพิ่งคลอดสมองที่จะใช้รับรู้เป็นส่วนใหญ่ คือ สมองซีกขวา ใชัรับรู้อารมณ์ ความรู้สึก ศิลปะ ยังไม่เข้าใจเรื่องซับซ้อน เช่นเรื่องตัวเลขต่างๆ ความเป็นเหตุเป็นผล

สมองของแม่ช่วงหลังคลอด จึงถูกปรับให้มาใช้สมองซีกขวา ให้มากขึ้น เพื่อให้คุยกับลูกรู้เรื่องค่ะ! แม่ไม่ต้องตกใจถ้าช่วงหลังคลอด จะจำอะไรไม่ค่อยได้ คิดเลขไม่ออก ทำใจให้สบาย ๆ ทิ้งเรื่องยุ่ง ๆ ของตัวเลขและเหตุผลไว้ก่อน และทำตัวให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับลูก อีกไม่นานอาการหลังคลอด ขี้ลืม จะค่อย ๆ ดีขึ้นไปเอง

วิธีกระตุ้นความจำแม่ท้องแล้วขี้ลืม

  • จดบันทึกเตือนความจำ จะเขียนจดใส่กระดาษธรรมดาหรือจดใส่แอปในมือถือก็ตามสะดวกเลยค่ะ
    กินอาหารบำรุงสมอง ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ ครบถ้วน 5 หมู่ และกินโปรตีนกับไขมันที่มีประโยชน์เยอะ ๆ เพื่อบำรุงสมองของคุณและลูกน้อยในท้อง ลองปรึกษาคุณหมอว่าจะกินน้ำมันปลาเสริมด้วยได้ไหม
  • หมั่นออกกำลังกาย การออกกำลังกายสามารถช่วยบรรเทาความเครียด เคลียร์สมองให้โล่ง และกระตุ้นการทำงานของสมองได้ อย่าลืมขออนุญาตคุณหมอก่อนออกกำลังกายนะคะ และระวังอย่าหักโหมเกินไปด้วยค่ะ
  • นอนให้พอ พยายามนอนพักผ่อนให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะการพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยลดอาการขี้หลงขี้ลืมได้มาก


ท้องแล้วขี้ลืมแบบนี้ คุณพ่อช่วยได้!

อย่ามัวแต่บ่น อย่าดุแม่ท้องเลยค่ะ อาการขี้ลืมของคนท้อง เกิดขึ้นตามธรรมชาติของร่างกาย สิ่งที่พ่อควรทำคือช่วยเหลือแม่ท้อง ดังนี้

1. หากเห็นสิ่งของในบ้านอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่ แทนที่จะเอ่ยปากต่อว่า หรือส่ายหัวด้วยความเบื่อหน่าย ก็หยิบไปวางไว้ในที่ที่มันอยู่ค่ะ และไม่ต้องแซวคุณแม่ในเรื่องแบบนี้ด้วย

2. หัดพูดคำว่าไม่เป็นไรให้ชิน แน่นอนว่าหากไปทานข้าวนอกบ้านแล้วคุณแม่ลืมเอาผ้าอ้อมลูกมาด้วย แทนที่จะหาคนผิด ให้พูดว่าไม่เป็นไร และหาทางออกไปเลยค่ะ เช่น แวะร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ที่สุดแทน

3. ยิ่งคุณแม่ทำของหายบ่อย ยิ่งเสียเงินซื้อบ่อย คุณพ่อลองหา Gadget ที่จะช่วยไม่ให้ของหายเตรียมการไว้ก่อนจะเป็นการวางแผนที่รัดกุมมากยิ่งขึ้นนะคะ

4. หากเห็นภรรยานับวันยิ่งโก๊ะ ยิ่งเอ๋อ ยิ่งเด๋อ สิ่งที่เดียวที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นคือ การให้เกียรติ ให้กำลังใจ และคำพูดหวานๆ เหมือนตอนที่จีบกันใหม่ๆ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คุณแม่มากขึ้นยังไงละคะ

5. หากคุณแม่จำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย ถ้าคุณพ่ออยู่ในเหตุการณ์นั้น ลองเล่าให้คุณแม่ฟังค่ะ แต่ถ้าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้อยู่ด้วย อย่าคาดคั้น อย่าเค้นเอาเรื่องให้ได้ เพราะมันไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งนั้น รังแต่จะทำให้บรรยากาศเสีย มีแต่อารมณ์ด้านลบเข้าหากัน ลองปรับเป็นการบอกใบ้หรือทายคำ เผื่อคุณแม่จะนึกขึ้นมาได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะคะ

ท้องแล้วขี้ลืมหรือหลังคลอดแล้วขี้ลืม จะเกิดขึ้นเพียงไม่นาน ขอให้คุณแม่ทำใจให้สบาย ทานอาหารดีๆ พักผ่อนให้มากๆ ควรจัดเวรดูแลลูก โดยเฉพาะทารกแรกเกิด หาคนมาช่วย หรือให้คุณพ่อมีส่วนร่วมบ้าง คุณแม่จะได้มีเวลานอนสักหน่อย