@ จิตรลดา หาญวรวงศ์ชัย เป็นตัวแทนในเครือเซ็นทรัล รีเทล บริจาคอุปกรณ์และของใช้จำเป็น รวมมูลค่า 2,700,000 บาท ให้แก่ รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับหน่วยงานความร่วมมือโรงพยาบาลให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว วันก่อน.@
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ...ยอดจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ...ยุคการเมืองปั่น โควิดป่วน ประเทศป่วย.....ฉบับ ประจำวันอังคารที่ 18 พฤษภาคม 2564
...
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรการผ่อนคลายสถานการณ์โควิด-19...ปรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เหลือแค่ 4 จังหวัด...กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และ สมุทรปราการ...ปลดล็อกอีก 17 จังหวัดให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด...อีก 56 จังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุม...ที่จะมีผลกับการดำเนินชีวิตของประชาชนในจังหวัดควบคุมต่างๆ... แต่ยังต้องสวมหน้ากากอนามัย ในกรณีที่ออกนอกเคหสถานหรืออยู่ในที่สาธารณะอย่างถูกวิธี...ผ่อนคลายมาตรการ ร้านอาหาร ใน พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้บริโภคอาหารและเครื่องดื่ม (ที่ไม่มีแอลกอฮอล์) ในร้านได้ไม่เกิน 21.00 น. ...จำกัดจำนวนผู้บริโภคร้อยละ 25 ของจำนวนท่ีนั่งปกติ (สมมติมี 100 โต๊ะให้นั่งได้แค่ 25 โต๊ะ) และสามารถจะสั่งซื้ออาหารกลับบ้านได้จนถึงเวลา 23.00 น. ...มาตรการสำหรับ โรงเรียน สถานศึกษา ยังงดเปิดเรียน หรือใช้สถานที่จัดกิจกรรม...พื้นที่ควบคุมสูงสุด ให้สามารถนั่ง บริโภคอาหารและเครื่องดื่มในร้านได้จนถึงเวลา 23.00 น. โดยไม่กำหนดปริมาณของผู้บริโภค แค่ให้เว้นระยะห่างตามที่ราชการกำหนด....โรงเรียน สถานศึกษา ให้ใช้อาคารหรือทำกิจกรรมได้โดยพิจารณาตามความจำเป็น... สุดท้าย พื้นที่ควบคุม ให้นั่งรับประทานอาหารในร้านได้ตามปกติ แต่ ยังห้ามบริโภคสุรา เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน...โรงเรียน สถานศึกษา ให้สามารถใช้อาคารจัดกิจกรรมได้ตามความเหมาะสม...ในมุมมองของ “อินทรีเหล็ก” การผ่อนปรนมาตรการในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานจะกลายเป็นดาบสองคม...ขณะที่ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังอยู่ในโซนอันตราย จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อยังไม่มีท่าทีที่จะลดลง...การฉีดวัคซีนโควิด-19 ยังไม่ถึงร้อยละ 1 ของจำนวนประชากร... ตราบใดที่โควิด-19 ยังเดินได้...ไม่มีการล็อกดาวน์หรือประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด...ประเทศไทย จะกลายเป็นคลัสเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
...
ตามที่ กทม. ได้มีการสำรวจเชิงรุกพื้นที่เสี่ยงและระบุว่า กทม. และปริมณฑล ยังเป็นแหล่งคลัสเตอร์ขนาดใหญ่...จากแคมป์คนงานก่อสร้าง อพาร์ตเมนต์ คอนโด โรงงาน ห้างสรรพสินค้า รถโดยสารสาธารณะ...ที่มี ประชาชนอยู่รวมกันมากกว่า 50 คน....เฉพาะพนักงานที่ทำงานบริการ มีมากกว่าแสนคน...แรงงานก่อสร้าง แรงงานโรงงาน ที่มีทั้ง คนไทยและแรงงานต่างด้าวรวมกันหลายแสนคน...ถ้าไม่ใช้ยาแรง โอกาสที่ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจะกลายเป็นซุปเปอร์
คลัสเตอร์ อยู่แค่เอื้อม
...
เฮ้อ ในที่สุดครอบครัว รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ติดโควิด-19 กันทั้งครอบครัวเป็นที่เรียบร้อย...นอกจากจะเป็นการพิสูจน์ว่า รุ้งติดโควิด-19 จากเรือนจำ ที่ถูกคุมขังอยู่เป็นเวลา 2 เดือนแล้ว...ยังพิสูจน์ได้อีกว่า มาตรการด้านสาธารณสุขในเรือนจำ ไม่โอเค...ข้อมูลจาก กรมราชทัณฑ์ เอง..รอบแรก พบผู้ป่วยโควิดแล้วกว่า 2,800 ราย...รอบที่สอง เริ่มตรวจเชิงรุกเพิ่มอีก 500 กว่าราย...รอบที่สาม กรมราชทัณฑ์อ้างว่าได้ มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก 100 เปอร์เซ็นต์ในเรือนจำและทัณฑสถานกลุ่มลาดยาว ประกอบด้วย เรือนจำกลางคลองเปรม เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และ เรือนจำพิเศษธนบุรี...พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1,219 คน เป็นผู้ต้องขังที่มีอาการหนัก 6 ราย...การออกมายืนยันมาตรการด้านสาธารณสุขของกรมราชทัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มระยะเวลาการกักตัว หรือการตรวจหาเชื้อหลายครั้งก่อนเข้าห้องแยกกักโรค...ยิ่งจะเป็นการประจานว่า มาตรการด้านสาธารณสุขของกรมราชทัณฑ์ ล้มเหลว โดยสิ้นเชิง...หรือ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้แค่นั่งมองตาปริบๆ
...
ส่วนการระดมฉีดวัคซีนแบบปะฉะดะ ที่ยังคลุมเครือใน กระบวนการรูปแบบ Walk-in...แม้รัฐบาลจะยืนยันว่า ต้นเดือน มิ.ย. จะมี วัคซีนแอสตราเซเนกา เข้ามาอีก 4,300,000 โดส...หรือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้อนุมัติขึ้นทะเบียนวัคซีน โมเดอร์นา (คาดว่าจะสั่งมาให้บริการในโรงพยาบาลเอกชนสำหรับผู้ที่สมัครใจจะจ่ายเงินเอง) เป็นที่เรียบร้อย ...หรือการที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข จะการันตีว่า ไม่เกินสิ้นปีนี้ จะมี วัคซีนโควิด-19 เข้ามากว่า 61 ล้านโดส...วัคซีนของ ไฟเซอร์ ที่สั่งซื้อเพิ่มจะเข้ามาใน ไตร-มาสที่ 3 ของปีนี้ อีก 10-20 ล้านโดส...ก็ไม่ได้แปลว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะสะเด็ดน้ำ
สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ยังลุกลาม ...ยาสึโทชิ นิชิมูระ หัวหน้าคณะทำงานด้านการรับมือกับโควิด-19 ของ ญี่ปุ่น ระบุว่า จ.ฮอกไกโด โอกายามะ และ ฮิโรชิมา ที่เคยเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญ ยังต้อง ประกาศภาวะฉุกเฉินในการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ซึ่ง มีผู้ติดเชื้อกว่า 6,000 รายต่อวัน...ในขณะที่กำหนดการแข่งขันกีฬา โอลิมปิก ที่เหลือเวลาอีกไม่นาน ถูกคัดค้านจากประชาชนอย่างหนัก...ส่วนเมืองไทย มาตรการอัดฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ จ.บุรีรัมย์ เพื่อให้ทันกับการจัดการแข่งขัน โมโตจีพี...ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี นอกจากจะสูญเสียงบประมาณ เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำแล้ว ยังจะ เปิดรับโควิดอีกกระทอก
ในภาวะทิ้งตัวทั้งการเมืองและโรคระบาด ...เสถียรภาพของ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นอยู่กับ การแสดงภาวะผู้นำในการรับมือกับโควิด-19...ที่แม้แต่คนที่ยืนอยู่ข้างเดียวกัน ยังออกมาไล่พ้นรัฐบาล...การเคลื่อนไหวของ ส.ส.พลังประชารัฐ กับ แกนนำ กปปส. หรือการที่ทนายนกเขา นิติธร ล้ำเหลือ...ออกมาจี้ 7 ปียึดอำนาจเพื่อพวกพ้อง...ย่อมมีอะไรในกอไผ่แน่นอน
อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. เผยรายได้กลุ่ม ปตท.ไตรมาสแรกอยู่ที่ 477,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70,663 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.8...ถือเป็นกำลังหลักทางเศรษฐกิจ
“อินทรีเหล็ก”