การยกร่างกติกาประเทศต้องรอบคอบ หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสี จำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2563
“ธนูเทพ” ประจำการรับใช้ท่านผู้อ่าน...ส่งมอบตำแหน่งช่วงเปลี่ยนผ่านตามวงรอบเกษียณอายุราชการกันไปเรียบร้อยหมดแล้ว ย้ำกันอีกครั้งสำหรับ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่ขยับขึ้นมารับตำแหน่งใหม่กันแบบยกแผง พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ...
ผู้ดำรงตำแหน่งเหล่านี้ ถือเป็นบุคคลสำคัญในสถานการณ์ ณ ปัจจุบันของ ประเทศไทย ที่กำลังมีความเคลื่อนไหวของ กลุ่มแนวร่วมประชาชนปลดแอก เตรียมจัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 ต.ค. เรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยุบสภา และมีทีท่าที่จะยกระดับถึงขั้น ขับไล่รัฐบาล แถมยังชูข้อเรียกร้อง สูงลิ่ว ให้มีการ ปฏิรูปสถาบันหลัก ของประเทศ ท่ามกลางความวิตกกังวลของสังคมว่าจะเป็นชนวนเหตุให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง หวั่นเกรงอาจเกิดความรุนแรงตามมา...ทั้งหมดนี้ถือเป็นโจทย์ใหญ่ของ รัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ต้องรับมือหาแนวทางป้องกัน และคลี่คลายปัญหา โดยไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่ง ที่จะนำไปสู่เหตุการณ์ไม่คาดฝัน
...
และแน่นอน ในการทำงานเพื่อรับมือกับม็อบใหญ่ ในเบื้องต้นย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้องใช้กำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อรักษาความสงบ เรียบร้อย รักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ชุมนุม รวมทั้งป้องกัน ผู้ชุมนุมกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่เห็นด้วย และอาจรวมตัวออกมาต่อต้าน กลุ่มแนวร่วมประชาชนปลดแอก เพื่อไม่ให้เกิดเหตุกระทบกระทั่งปะทะกัน พร้อมทั้งยังต้อง รักษากฎหมาย หากมีการฝ่าฝืน...แต่ถ้าเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย เกินกว่ากำลังของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จนถึงขั้นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็อาจต้องใช้กำลัง ทหาร เข้ามาเป็นผู้ช่วย เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ถ้าสถานการณ์ไปถึงจุดนั้น ย่อมไม่พ้นภารกิจของ กองทัพ อยู่ดี เพราะเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ...นี่ขนาดยังไม่ได้คิดไกลไปถึงขั้นแอ่นแอ๊น แค่ฉายภาพให้เห็นว่า ผบ.เหล่าทัพ และ ผบ.ตร. ยุคนี้ สำคัญยิ่งยวดต่อความเป็นอยู่เป็นไปของประเทศเพียงใด จบข่าว
เฮ้อ...กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ฉบับของรัฐสภา เป็นเวลา 30 วัน ก่อนลงมติว่าจะรับหลักการหรือไม่ ในสมัยประชุมรัฐสภา เดือน พ.ย. มีแววน่าลุ้นมากขึ้น เมื่อมีกระแสข่าว นายกฯประยุทธ์ ส่งสัญญาณในวงหารือร่วมกับ แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ทำนองกำชับให้พรรคร่วมรัฐบาลรับญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลและญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่มีหลักการเดียวกัน คือ แก้ไขมาตรา 256 เพื่อเปิดทางให้มีการตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยไม่แตะต้อง หมวด 1 และ หมวด 2...ถ้าลงล็อกนี้ อีก 4 ญัตติ ของ พรรคฝ่ายค้าน ที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็น รายมาตรา โดยเฉพาะที่พุ่งเป้า ตัดอำนาจ ส.ว. ในการโหวตเลือก นายกรัฐมนตรี ก็ต้องตกไปตามระเบียบ...ถ้าไม่เชื่อก็รอชมกันได้เลย
...
ที่แน่ๆ...ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมาสำทับแบบตรงประเด็นว่า มั่นใจในการลงมติรับหลักการ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ฉบับ หากมีร่างใดร่างหนึ่ง ตกไป จะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางการเมือง เพราะทุกร่างที่เสนอเข้ามา มีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ส่วนกระแสข่าวที่ว่า นายกฯประยุทธ์ ส่งสัญญาณให้ พรรคร่วมรัฐบาล เห็นชอบ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ ที่ให้แก้ไข มาตรา 256 เพื่อตั้ง ส.ส.ร. มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสมาชิกรัฐสภา แต่ทั้งนี้การลงมติเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้จะมีเสียง ส.ส.ลงมติเอกฉันท์ แต่ร่างดังกล่าวต้องมี ส.ว. 1 ใน 3 หรือ 84 เสียง ร่วมลงมติเห็นชอบ หวังว่าในคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับ ก่อนรับหลักการ จะหารือให้เกิดทางออกที่ดีของทั้งสองฝ่าย และเคยแจ้งก่อนหน้านี้แล้วว่าการดำเนินการใดๆ อย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า...ขณะที่ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ระบุ โดยส่วนตัวรู้สึกเสียดายที่พรรคการเมืองบางพรรค ไม่เข้าร่วมเป็นกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ฉบับ ก่อนรับหลักการ ถ้าเข้าร่วมจะได้เห็นข้อดีข้อเสียของแต่ละร่าง แต่ถึงจะไม่มี พรรคฝ่ายค้าน มาร่วมด้วย ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอมาก็ไม่ตกไป เพราะต้องรอ การลงมติรับหลักการวาระแรก ในตอนนั้นจะเห็นเค้าลางว่าร่างใด จะได้รับความเห็นชอบ...เมื่อ ประธาน ส.ว. ออกตัวอย่างนี้ ก็พอฟันธงได้ถึงเวลาโหวตจะมี ส.ว. มากกว่า 84 คน ลงมติเห็นชอบ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ ตามแนวทางที่ นายกฯประยุทธ์ ส่งสัญญาณแน่...เพราะอย่างน้อยก็ช่วยลดอุณหภูมิตึงเครียดจาก ม็อบนอกสภา ลงไปได้บ้าง...ไม่แข็งขืนถึงขั้นหักด้ามพร้าด้วยเข่า
...
เฮ้อ...จากการที่ ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำพิพากษายกคำร้องคดีที่ กกต. ตัดสิทธิเลือกตั้ง สุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 พรรคเพื่อไทย กรณีโดน แจกใบส้ม ล่าสุด จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ยืนยันการยื่นศาลเป็นเรื่อง เพิกถอนสิทธิสมัครเลือกตั้ง ส่วนการแจกใบส้ม ตัดสิทธิ 1 ปี ถือว่าครบเวลาแล้ว ดังนั้น สถานะ ส.ส. คงไม่ได้คืน...สงสัยต้องฟ้องร้องกันอีกหลายยก
...
สังคมทั่วไป...3 ต.ค. 08.09 น. พิธียกขันหมาก และมงคลสมรส ณัฐพร เครือทองศรี ลูกสาว กฤษดา สวณีย์ เครือทองศรี กับ ชัชวาลย์ ขจรนำโชค ลูกชาย อดุลย์ เหลก ขจรนำโชค ที่ร้านประทายอมรยนต์ ต.ทุ่งสว่าง อ.ประทาย จ.นครราชสีมา
สวดพระอภิธรรม คุณแม่ลำจวน พุกประเสริฐ มารดา อนงค์วรรณ เทพสุทิน อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่วัดสวัสติการาม (ต้นหัด) อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย 19.30 น. 3 ต.ค.คืนสุดท้าย พระราชทานเพลิง 4 ต.ค.16.00 น.
“ธนูเทพ”
(ภาพ : วิวาห์ชื่นมื่น อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานในงานวิวาห์ระหว่าง พิมพ์ชนก บุตรี พล.ต.ท.บริหาร เสี่ยงอารมณ์ กัลยากร กุลจรัสธนา กับ สิทธิ์โชค บุตร พงษ์ชัย วันทนา อมตานนท์ ที่คริสตัล ฮอลล์ โรงแรมดิ แอทธินี แบงค็อก วันก่อน.)