นอกจาก “โรคต้อกระจก” ซึ่งเป็นโรคตาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ ดังที่ได้กล่าวไปในบทความเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังมีโรคตาในผู้สูงอายุที่พบบ่อยอีก ดังนี้

โรคตาแห้ง

โรคตาแห้ง เป็นโรคของผิวหน้าดวงตาชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อย โดยลักษณะสำคัญของโรคตาแห้ง คือ การสูญเสียสภาวะสมดุลของน้ำตา ควบคู่กับการมีอาการทางตา ได้แก่ ความไม่สบายตาต่างๆ และการมองเห็นที่ผิดปกติไป

สาเหตุ

สาเหตุของการเกิดโรคตาแห้งแบ่งออกได้เป็นจาก 2 ปัจจัย คือ

- ปัจจัยภายใน ได้แก่

  • อายุที่มากขึ้น ซึ่งทำให้ต่อมน้ำตาทำงานลดลง มีผลให้ตาแห้ง
  • เชื้อชาติ พบว่าในคนเอเชียมีความชุกของโรคตาแห้งมากกว่าคนผิวขาว
  • โรคประจำตัวทางกายบางชนิด ได้แก่ โรคภูมิคุ้มกันไวเกิน โรคโจเกรน โรคเอสแอลอี และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นต้น
  • โรคทางตาบางชนิด ได้แก่ โรคเปลือกตาอักเสบ และโรคภูมิแพ้ที่ตา เป็นต้น

- ปัจจัยภายนอก ได้แก่

  • การใช้ยาบางประเภท ทั้งในรูปแบบยารับประทาน หรือยาหยอดตา
  • การผ่าตัดทั้งภายในและภายนอกดวงตา ได้แก่ การผ่าตัดแก้ไขสายตาด้วยเลเซอร์ การผ่าตัดต้อกระจก และการผ่าตัดหนังตา เป็นต้น
  • การปลูกถ่ายไขกระดูก
  • การใช้สายตากับเครื่องมือดิจิตอล ได้แก่ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์
  • การใส่คอนแทคเลนส์

...

อาการ

อาการของโรคตาแห้งมีหลากหลาย ตั้งแต่อาการแสบตา ขัดเคืองตา เหมือนมีฝุ่นในตา รู้สึกว่าตาแห้ง ลืมตาไม่ค่อยขึ้น สู้แสงไม่ได้ น้ำตาไหล หรือเมื่อยล้าดวงตา ซึ่งอาการต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นอาจมีความคล้ายคลึงกับอาการของโรคผิวหน้าดวงตาอื่นๆ แต่สิ่งที่ช่วยสนับสนุนว่าอาการเหล่านี้เป็นอาการของโรคตาแห้งคือ อาการดังกล่าวนี้จะเป็นมากขึ้นเมื่อต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นต่ำ หรือเมื่อต้องใช้สายตาเป็นระยะเวลายาวนาน

การรักษา

การรักษาโรคตาแห้งนั้นควรแก้ไขที่สาเหตุของโรคก่อน ร่วมกับการรักษาอาการของโรค และการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงของโรค แต่หากไม่สามารถแก้ไขที่สาเหตุของโรคได้ จำเป็นต้องรักษาที่ตัวโรคตาแห้งอย่างเดียว

โดยในเบื้องต้นสามารถรักษาโรคตาแห้งด้วยการใช้น้ำตาเทียม เพื่อช่วยให้ตามีความชุ่มชื้นขึ้น นอกจากนี้อาจใช้ยากระตุ้นการสร้างน้ำตา เพื่อช่วยให้ต่อมน้ำตาสร้างน้ำตาออกมาได้ดีขึ้น ส่วนในรายที่เป็นรุนแรง อาจต้องรับการอุดท่อทางออกของน้ำตา หรือการผ่าตัดอื่นๆ เพิ่มเติม

การปรับสภาพแวดล้อมในที่อยู่อาศัย หรือที่ทำงาน อาจช่วยให้อาการของโรคดีขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้

ใช้สายตาให้ถูกวิธี องค์การอนามัยโลกแนะนำสูตรในการถนอมดวงตาคือ สูตร 20 : 20 : 20 กล่าวคือ ใช้สายตา 20 นาที พัก 20 วินาที โดยการมองไปที่ไกลๆ ประมาณ 20 ฟุต และควรกะพริบตาบ่อยๆ เพื่อไม่ให้น้ำตาระเหยจากผิวหน้าดวงตามากเกินไป

  • จัดคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตาที่พอดี ไม่ต้องก้ม หรือแหงนหน้ามองจอคอมพิวเตอร์
  • หลีกเลี่ยงการหันเครื่องปรับอากาศ หรือพัดลมเข้าสู่ใบหน้าโดยตรง
  • การปรับความชื้นในสภาพแวดล้อมที่ทำงานและที่บ้าน
  • การใส่แว่นป้องกันดวงตา เพื่อช่วยลดการปะทะของดวงตากับอากาศที่แห้งๆ

ยังมีโรคตาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุที่น่าสนใจอีก ติดตามในสัปดาห์หน้านะคะ

-------------------------------------------------

แหล่งข้อมูล

รศ. พญ.เกวลิน เลขานนท์ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล