สร้างปรากฏการณ์เข้าคิวซื้อรองเท้าในเมืองไทยและขายหมดในเวลาไม่นาน “อนุพงศ์ คุตติกุล” ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงที่ปั้นธุรกิจด้วยใจรัก และทุ่มสุดตัวจนประสบความสำเร็จ เป็นตัวอย่างของผู้บริหารยุคเจนเนอเรชั่น X อย่างแท้จริง
อนุพงศ์ หรือ ปิ๊น ลูกคนเดียวของ “ดนัย–สุกานดา คุตติกุล” เล่าเส้นทางชีวิตของตนว่า ชอบทำธุรกิจ ดังนั้นพอจบโรงเรียนอัสสัมชัญ ก็ไปเรียนต่อคณะบริหารธุรกิจ หลักสูตรนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล แล้วได้ไปเรียนต่อปริญญาโท E-Business ที่ University of Hertforshire ประเทศอังกฤษ พอจบมาก็เข้ามาทำงานเป็นผู้บริหารของบริษัท แพลตินั่มออโต้ เซอร์วิส จำกัด ซึ่งให้บริการรถเช่า ที่เป็นของญาติๆ ด้วยความที่เป็นคนชอบรองเท้าสนีกเกอร์ และสะสมอยู่ เลยหุ้นกับเพื่อนที่เรียนอังกฤษ นำรองเท้าสนีกเกอร์ รุ่นลิมิเต็ด มาจำหน่าย ทีแรกคิดว่าเปิดเล่นๆ เป็นธุรกิจเล็กๆ แต่เราตั้งใจทำกันมาก เพราะสินค้าเป็นสิ่งที่ชอบอยู่แล้ว ปรากฏว่าไปได้ดีมาก ขยายตัวเร็วมาก จากเป็นตัวแทนจำหน่ายรองเท้าแบรนด์คอนเวิร์สอย่างเดียว แบรนด์อื่นๆเขาเห็นศักยภาพของเรา จึงสามารถนำแบรนด์อื่นๆ มาจำหน่ายด้วย พอธุรกิจเริ่มขยายตัว เลยออกจากงานประจำที่ทำมาได้ 3 ปี มาดูแลธุรกิจของตัวเองอย่างจริงจัง ในบริษัท คาร์นิวาล ซัพพลาย จำกัด ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าและนำเข้ารองเท้าสนีกเกอร์ ที่เป็นรุ่นลิมิเต็ดรายเดียวในเมืองไทย ในชื่อร้าน “CARNIVAL Company” ปัจจุบันมีอยู่ 6 สาขา ที่สยาม สแควร์ 2 แห่ง, เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เมกาบางนา และ Gateway เอกมัย และทางออนไลน์ เป็นสาขาที่ 7
“ด้วยความที่ผมเป็นนักสะสม เลยรู้ถึงความยากในการหาของ เพราะเมืองไทยไม่มีร้านขาย เราเลยอยากทำ ซึ่งเราเป็นเจ้าแรกที่ทำตลาดผ่านทางเฟซบุ๊ก เมื่อ 6 ปีก่อนพอโพสต์ลง ก็ได้รับความสนใจมีคนตามกว่า 4 แสนคน ฐานลูกค้าเราแน่น ตลาดบูมมากเลยได้มาเปิดร้าน ซึ่งไม่คิดว่าจะบูมขนาดนี้ ชนิดที่ว่ามีคนมานอนรอซื้อ 2-3 วัน สินค้าขาดหมดใน 30 นาที เราขายในราคาปกติ แต่บางคนเอาไปขายต่อราคาสูงขึ้นหลายเท่าตัว และที่เรารู้สึกภูมิใจมากสุด คือ ไม่เฉพาะสินค้าแบรนด์นอกที่เป็นลิมิเต็ด เป็นที่ต้องการของลูกค้าเท่านั้น สินค้าแฟชั่น street sport wear แบรนด์ คาร์นิวาล ที่เราออกแบบดีไซน์เอง ก็เป็นที่ต้องการขายหมดในเวลาไม่นานเช่นกัน” หนุ่มปิ๊นเล่าด้วยความภาคภูมิใจ
...
ก้าวมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร... ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง วัย 34 ปี บอกว่า ธุรกิจนี้เกิดจาก passion ถ้าเราทำอะไรที่ใจรักและชอบแล้ว เราจะสนุกกับงาน ตนรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่มีของใหม่เข้ามา ทำให้เรามีแรงกระตุ้นที่จะนำเสนอต่อลูกค้า ซึ่งตนทำอะไรแล้วทุ่มสุดตัว ตั้งใจทำมาก เพราะคิดว่า ถ้าเราทำสุดตัวขนาดนี้แล้ว ต้องเจ๊ง เราก็ไม่เสียใจ ถ้าเราไม่ใส่ใจแล้วมันเจ๊ง จะทำให้เราเสียใจมากกว่า
“ผมเคยเป็นวัยรุ่นมากก่อน เคยมีโปรเจ็กต์เยอะในความฝัน แต่ถ้าเราไม่เริ่ม เพราะมีความลังเลอยู่ มันก็คงยังเป็นฝันอยู่แบบนั้น ถ้าคิดจะทำ เราก็ต้องกล้าเสี่ยง เริ่มเลย มุ่งหน้าทำอย่างทุ่มเท พร้อมกับบิ้วทีมงานให้มุ่งไปในเป้าหมายเดียวกัน ซึ่งผมไม่อยากทำงานแบบ one man show ครับ” ....ข้อคิดดีๆจากผู้บริหารไฟแรง.